เพื่อนโปรแกรมเมอร์ที่ชื่อว่า Growth Hormone มาเพิ่ม Productivity ในการทำงานกัน

เกริ่นนำ

บทความนี้อาจจะเปลี่ยนจากเรื่องเทคโนโลยีมาเรื่องสุขภาพกันบ้างครับ การดูแลตัวเองก็เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ และเป็นการเพิ่ม Productivity ไปในตัว ซึ่งมีให้พูดหลายเรื่องมากครับ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องการกินกัน

ทั้งนี้บทความนี้ผมอ้างอิงจากการสังเกตตัวเอง ไม่ได้มีแหล่งอ้างอิงเสริมใดๆ ทั้งหมดนี้อาจจะผิด ดังนั้นสามารถแนะนำแลกเปลี่ยนกันได้ครับ

บทความนี้ผมเรียบเรียงใหม่จากบทความสั้นๆที่ผมพิมพ์ในเฟส ดังนั้นหากรู้สึกอ่านสะดุดตรงไหน ไม่ต่อเนื่องแนะนำกันได้ครับ

มารู้จักกับเพื่อนที่ชื่อว่า Growth Hormone

ผมมีเพื่อนคนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานชื่อว่า growth hormoneหรือ อีกชื่อคือ ฮอร์โมนการเจริญเติบโต

ซึ่งเพื่อนคนนี้มาเมื่อไหร่ ผมจะรู้สึกทำงานได้มีสมาธิ และ ทำงานได้ดีมากๆ เหมาะกับ Programmer เป็นอย่างยิ่ง

growth hormone ชื่อบอกว่าเป็นฮอร์โมนการเจริญเติบโต แต่ความเป็นจริงคือเทพแห่งการทำลาย เพื่อให้ก่อเกิดสิ่งใหม่ๆ

ก่อนจะอธิบายคุณประโยชน์ ผมขอย้อนกลับไปว่าเพื่อนคนนี้จะมาได้ยังไงกันครับ

การมาของเพื่อน Growth Hormone

ปกติเพื่อนคนนี้จะมาเมื่อร่างกายไม่มีอาหารหรือพลังงานมากเพียงพอต่อความต้องการในหนึ่งวัน จะเกิดขึ้นอย่างเช่นตอนเด็กที่เราต้องโต ซึ่งใช้พลังงานเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อเราหยุดโต ก็จะเกิดขึ้นเมื่อราขาดอาหารหรือพลังงานที่จะซ่อมแซมต่อวัน อาจจะไม่อดอาหารก็ได้ แต่ใช้พลังงานในวันนั้นเยอะเกินไปก็เกิดขึ้นได้

ประโยชน์ของเพื่อน Growth Hormone

เมื่อร่างกายรู้ว่าพลังงานไม่พอ Growth Hormone โดยจะทำลายเซลล์เก่าๆ หรือคิดว่าไม่มีประสิทธิภาพทิ้งไปเพื่อประหยัดพลังงาน และ เพื่อให้เซลล์ใหม่ๆได้เติบโตขึ้น มาแทนอาจจะเรียกว่าเป็นการ ชำระล้างร่างกาย (detox) นั่นเอง

ทั้งนี้มันจะกระตุ้นให้เรารู้สึกอยากมีชีวิต และไม่อยากตายขึ้นมาด้วย ตัวนี้ช่วยให้ผมทำงานได้ดีขึ้น เพราะ เราจะรู้สึกเหมือนโดนกระตุ้นอยู่ตลอดอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มีชีวิตแล้วมันก็ทำงานเต็มที่ในวันนั้น

ความอันตรายของเพื่อน Growth Hormone

ทั้งนี้ความอันตรายของ growth hormone ก็มีอยู่เหมือนกันโดยนิสัยเพื่อนคนนี้ ชอบทำลายกล้ามเนื้อ และ โปรตีนก่อนเป็นอันดับแรก

ช่วงเวลาทองของ growth hormone คือช่วงตี 1–2 ผมต้องสะดุ้งตื่นจากความเจ็บปวดร่างกาย ที่เหมือนโดนเข็มแทงตามตัวที่สุดแสนทรมาน รู้สึกเหมือนร่างกายว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

ถ้าไม่ได้นอนก็จะรู้สึกเพ้อถึงชาบู หมูกระทะ แซลมอน เพราะเกิดอาการอยากกินเนื้อ

แต่วิธีนี้แก้ไม่ยาก แค่กินเวย์โปรตีนก่อนนอนให้มันทำลายของเดิมไป แล้วเติมโปรตีนเข้าไปซ่อมแซมของใหม่ก็หายแล้ว

เรื่องอาหารที่ต้องกินเพิ่ม

ในส่วนของโปรตีน ค่อนข้างหายากในอาหารไทยหรือร้านอาหารตามสั่ง นอกจากไม่ค่อยมีผักแล้วโปรตีนก็น้อย ก็เลยต้องทำกินเอง ไม่ก็เลือกกินเวย์ก็ง่ายดี

ทั้งนี้ เวย์นมแพง ลองเวย์ถั่วเหลืองก็ได้นะครับ ราคากิโลละร้อยกว่าๆ ในขณะเวย์นม อยู่กิโลละ 500 กว่าๆ ซึ่งเมื่อก่อนเน้นกินไก่ เพราะไก่ถูก ราคากิโลละ 60 บาท เดี่ยวนี้ 110 บาท อย่างแพงเกือบเท่าตัว กว่าจะได้กินลำบากกว่าเวย์ถั่วเหลืองมาก

แต่ข้อเสียของเวย์ถั่วเหลืองคือติดเค็ม ดังนั้นเขาถึงได้เอามาหมักเป็นซอสเค็ม โชยุ ถั่วเหลืองกัน วิธีแก้ก็ผสมเวย์นม ไม่ก็กินรสดับเบิ้ลช็อคโกแล็ค ช่วยได้

หลังจากปัญหาด้านโปรตีน ก็ต้องกินพวกวิตามินเสริมด้วย เช่น กินเซนทรัม (วิตามินรวมใน 1 วัน (แต่ก็ไม่ค่อยครบ)), วิตามินซี เพื่อส่งเสริมร่างกาย

หรือกินไขมันที่มีประโยชน์ เป็นแหล่งก่อเกิดวิตามิน เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันรำข้าว ทั้งนี้ต้องเป็นน้ำมันสกัดเย็นทั้งหลาย

ถ้าเป็นน้ำมันพวกจากโรงงานธรรมดาๆ ในขั้นตอนผลิตมันจะทำการแยกจนไม่เหลืออะไร แล้วเติมเอาทีหลัง (นึกไม่ออกนึกถึง น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น concentrated juice คือเหลือแต่น้ำตาลเป็นน้ำหวาน(มากๆ) กลิ่นผลไม้แทน )

เท่าที่ผมเข้าใจ หลักการทำงานคร่าวๆ
วิตามินเป็นพลังงานให้สมองสร้างโฮโมน > สมองปล่อยโฮโมนเป็นดั่งคำสั่งควบคุมร่างกาย > ส่วนร่างกายได้รับโฮโมนทำตามคำสั่ง (แต่ถ้า บางทีโดนคำสั่งถี่ๆ ร่างกายจะรวนแล้วไม่ได้ประสิทธิภาพ บางทีได้ผลตรงกันข้ามก็เยอะ เลยต้องมีการคุมการพักผ่อน)

ส่วนที่นิยม กระตุ้นเผาผลาญ ก็มีชาดำ กินตอนทำงาน หรือ ออกกำลังกาย กระตุ้นทำงานและเผาพลาญให้ร่างกาย

กับอีกอย่าง คือ น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล หรือ ชื่อ Apple Cider Vinegar ทั้งนี้ซื้อมั่วๆไม่ได้ ต้องมีคำว่า Mother ด้วย นอกจากช่วยเรื่องย่อยอาหาร ย่อยโปรตีน ยังทำให้หยุดหิวได้ดีเอามากๆ (คือคิดว่าหิวพร่ำเพรื่อไม่เป็นเวลาไม่ไหวแล้วก็กินจะหายหิวดีมาก) กินตื่นนอนและก่อนนอน (เขาว่าให้กินวันละ 2–3 ครั้ง)

//เพิ่มเติม จากทางบ้าน มีผู้อ่านแนะนำมา การอดอาหารช่วงแรก หากจัดการไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดอาการขาดเกลือ ซึ่งสำคัญพอๆกับน้ำ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ ดังนั้นสามารถดื่มน้ำผสมเกลือเพื่อเติมเต็มส่วนนี้ได้ครับ

สรุป​ (มั้ง?)

จะว่ายังไงดี ร่างกายคนเราจะทำงานได้ดีเมื่อตอนหิว แม้แรกๆ จะรู้สึกหงุดหงิด แต่พอผ่านไป จะรู้สึกสบายตัวแทน

แต่แบบที่ผมเผลอคือนิสัยเสียกินบุฟเฟต์เยอะๆ มันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากทำงานแล้วอยากนอนตลอดเวลา

Growth Hormone จะคอยสร้างความแจ่มใสให้เราทำงาน ทั้งนี้ต้องอดอย่างพอดีและออกกำลังกายอย่างพอดี ไม่งั้นจะล้าจนทำงานไม่ออก

ในส่วนของ growth hormone น่าจะจบตรงนี้

นอกเรื่อง IF : Intermittent Fasting ใจความสำคัญของ IF และความอันตรายของการอดอาหาร

ทั้งนี้การที่ผมรู้สึกทำงานได้ดี รู้สึกมีพลังงานมันอาจจะมีปัจจัยอย่างอื่นเสริมด้วย

อย่างเช่นที่ผมทำ คือการทำ IF หรือ Intermittent Fasting ก็คือการมีการกินเป็นช่วงเวลาแล้วก็มีแบบไม่กินเลยเป็นช่วงเวลา

ปกติเขาจะแบ่งเป็นเวลากินโดยกินวันละมื้อหรือ 2 มื้อ ในเวลา 8 ชม. อด 16 ชม. เป็นเวลากำลังดีหากเริ่มต้นทำ

บางทีก็กิน 4 ชม. อด 20 ชม. หรือโหดๆ กิน 1 ชม. อด 23 ชม. ซึ่งผมทำยังพอรู้สึกปกติ แล้วแต่สะดวกขอให้อดประมาณ 16 ชม. (บางคนอดข้ามวันก็มี แต่ผมไม่เคย เพราะโหดเกินไป)

ใจความสำคัญของ IF : Intermittent Fasting

ทั้งนี้ if ก็มีหลักการของมันอยู่ ไม่ใช่แค่อดอย่างเดียว จริงๆ ไม่ต้องทำ if ยุ่งยากก็ได้ ถ้ารู้หลักการ มันเป็นการเล่นกับอินซูลีน และ พลังงานต่อวัน

โดยผมสรุป ใจความหลักๆอยู่ 3 ข้อทำให้ IF เห็นผล

1. โดยกินเฉพาะเวลากินจริงๆ ไม่กินจุบจิบ (ไม่อดอาหารก็ลดได้ระดับนึงแล้วอันนี้) เรื่องนี้ทำให้อินซูลีนได้พักผ่อน ถ้ากินพร่ำเพรื่อ มันจะด้อยคุณภาพ เผาผลาญแย่ ส่งผลตรงกันข้าม แต่พอกินเป็นเวลา อินซูลีนทำงานได้เต็มที่ ร่างกายมันจะทำงานได้อย่างเป็นประสิทธิภาพ

2. กระเพาะได้พักผ่อน ปกติผมเป็นคนกินเยอะ ร่างกายต้องเอาพลังงานไปเผาพลาญย่อยอาหารที่กิน และ กักตุนพลังงาน ยิ่งกินถี่ก็ก็เสียพลังงานกับย่อยอาหารไม่หยุด ทำให้ผมรู้สึกง่วงเอามากๆ พอกระเพาะมีโอกาสว่าง ร่างกายก็จะได้พลังงานกลับคืนมา ทำให้รู้สึกมีพลังงานจากใหนมาก็ไม่รู้ ทำให้รู้สึกระปรี้กระเปร่า

3. ควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละวัน บางคนไม่ต้องอดก็ได้ ก็คุมอาหารต่อมื้อเอา ที่เรียกว่า diet (จริงๆเรื่องนี้คนญี่ปุ่นก็สอนไว้ ในชีวิตประจำวันแบบว่า อย่ากินให้อิ่มเกินไป)

แต่ผมสะดวก if เพราะกินอิ่มเป็นมื้อๆ แล้วอดเอา รู้สึกมีความสุขกว่า คือมันคุมง่ายดี เวลากินก็กิน จะได้จบๆ ไม่ต้องมีซีเรียสว่ามื้อนี้เยอะมั้ย น้อยมั้ย (แล้วแต่สะดวกคน)

สรุป คือกินอาหารให้น้อยกว่าความต้องการของ 1 วัน ก็เพียงพอแล้ว แต่ทั้งนี้อย่ากินน้อยเกินไปจนเป็นผลเสีย แค่น้อยกว่า นิดๆหน่อย วันละ 10% ก็เห็นผลแล้ว

เรื่องนี้ต้องไปคำนวณและวิเคราะห์พฤติกรรมตัวเองดู
อย่างผมเป็นโปรแกรมเมอร์ วันๆนั่งๆนอนๆ นั่งทำงานเป็น 15 ชม แทบไม่ออกจากห้อง ผมคิดว่ากินข้าวประมาณ มื้อครึ่ง กำลังดี (มื้อแต่ละคนไม่เท่ากัน บางทีมื้อนึงของผมก็กับข้าว 2–3 อย่าง)

หลักๆประมาณ 3 ข้อนี้

ความอันตรายของการอดอาหาร

ทั้งนี้ IF จะขาดประสิทธิภาพมาก ถ้าไม่ออกกำลังกายควบคู่ด้วย อาจจะเรียกว่าโยโย่ดีไหมนะ

ถ้าเรามัวแต่อดๆ แต่ไม่ทำอะไรเลย ร่างกายก็คิดว่าเราต้องจำศีลเอาตัวรอด โดยการ กินอะไรก็ตุนให้หมดไม่เอามาใช้ ทำให้ก่อเกิดโยโย่เอฟเฟ็ค

ถ้าเราออกกำลังกายนิดหน่อยควบคู่ด้วย ร่างกายจะได้รู้ว่าเราจำเป็นต้องใช้กำลังเอาชีวิตรอดนะ มันถึงจะไม่กักตุน

ทั้งนี้อย่าอดมากจนเกินไป มากจนสมองเบลอ มากจนทรมาน คือถ้าทำแล้วมันทำได้ไม่นานไม่ต่อเนื่อง เราจะเสียกล้ามเนื้อเยอะเกินไปด้วย

ปกติผมก็จะใช้ตาช่างที่มันวัดกล้ามเนื้อได้ตลอด เดี่ยวนี้ในตลาดมีหลายเจ้าไม่แพง ถึงมันจะมีความคลาดเคลื่อน 10–20% ก็ตาม และมีปัจจัยอื่นๆอย่างเช่น ตัวเปียก ท้องอิ่มท้องหิว แต่ก็เชื่อถือได้ระดับนึง

เสริมอีกนิด กระเพาะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถขยายและหดได้ ถ้าเรากินเยอะเป็นกระจำ จะทำให้กระเพาะใหญ่ตลอดเวลา แต่ถ้าเรากินน้อยๆ กระเพาะก็จะหดเล็กลงทำให้เราอิ่มเร็วไปด้วย แต่เราต้องค่อยๆปรับตัว

ของผมก็จะมีช่วงเวลาที่ผมเรียกว่า ขยายกระเพาะ กับ ช่วงเวลาที่หดกระเพาะ มันจะรู้สึกได้

สรุปสุดท้าย

ท้ายที่สุด ผมคิดถึงเพื่อน Growth Hormone มากๆ มันทำให้ผมมีชีวิตชีวา

แต่ผมไม่ค่อยเจอเพื่อนคนนี้บ่อยๆ มันอาจจะเพราะผมไม่สามารถรักษาสมดุลของการเป็นโปรแกรมเมอร์ด้วย บางทีได้อย่างก็เสียอย่าง

ผมไม่สามารถ อดอาหาร ออกกำลังกายหนัก แล้วก็ทำงานที่ใช้สมองคำนวณหนักในเวลาเดียวกันได้

แบบว่า อดอาหารหนักหัวโล่งเบลอ ออกกำลังกายหนักปวดตัวไม่หยุดไม่มีสมาธิ ท้ายสุดทำงานเขียนโค๊ดไม่ออกผมเลยต้องรักษาสมดุล การงานและสุขภาพ ยอมให้สมองทำงานไม่เต็มที่นิดๆหน่อยแต่โฟกัส แล้วรักษาสุขภาพด้วยไปในตัว

แต่ก็จะชอบเจอสถานะการณ์แปลกๆ เช่นยิ่งงานด่วนงานเร่ง นั่งปั่นงานอดหลับอดนอน ทำให้ผมเสียตารางเวลาที่ผมทำมา ทำให้คุมอาหารได้ไม่ดี

แต่ตอนที่ผมสมัครเป็นทหารเกณฑ์ ผมลดได้ 16 กิโลสบายๆ ใน 1 เดือน เพราะงานมันสอดคล้องกัน

โดยเดือนนี้พึ่งกลับมาคุมอาหารได้ไม่นาน เลยเริ่มจากควบคุมการกิน ลดกระเพาะ เรียกเพื่อน Growth Hormone กลับมา

เดี่ยวอนาคตต้องจัดการเรื่องการออกกำลังกาย ต่างๆด้วย แต่ตอนนี้น้ำหนักเกินร้อย มันออกอะไรมากก็ไม่ค่อยได้ เพราะน้ำหนักเยอะเกินไปทำให้บาดเจ็บ ต้องลดน้ำหนักระดับนึงคอยวางแผนต่อไป ก็ให้กำลังใจตัวเองแล้วสู้ๆต่อไป

ท้ายสุด

ทั้งนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ และขอให้สุขภาพในการทำงานแข็งแรง เขียนโปรแกรมได้ยาวๆ โดยไม่เป็นโรคใดๆนะครับ

หากชอบก็สามารถมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมได้ที่กระทู้ของบริษัท

หรือเฟสของบริษัทได้ครับ

--

--

Pagon GameDev
บริษัทต่างโลก อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด

Interactive Developer ผู้สนใจการทำเกม และ Interactive XR VR MR AR มากว่า 10 ปี ปัจจุบันเป็น Co-Founder บริษัท ต่างโลก อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด