ความรัก การเมือง เรื่องของคนโปรด

เรื่องของความรัก

เลดี้ซาร่าห์รักควีนแอนน์

เป็นความรักที่พัฒนามาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นที่เลดี้ซาร่าห์เป็นผู้ปกป้องควีนแอนน์จากการโดนรังแกโดยพวกอันธพาล มาจนถึงปัจจุบันที่หากมองระดับความสัมพันธ์จะเห็นว่า เลดี้ซาร่าห์จะมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า มีวุฒิภาวะกว่า(maturity) และแม้โดยตำแหน่งจะด้อยกว่าแต่ในความสัมพันธ์เธอครอบงำแบบเหนือกว่า(dominate)ไม่ว่าจะเป็นด้านการให้คำแนะนำหรือเป็นที่พึ่งพิง

ที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่งคือในความรักก็มีเรื่องของผลประโยชน์

เลดี้ซาร่าห์ฉกฉวยประโยชน์จากความสัมพันธ์ให้การบริหารประเทศเป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกนโยบายหรือการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินผ่านควีนแอนน์ที่เสมือนหุ่นถูกชักใยในเรื่องการเมือง

ในทางกลับกันควีนแอนน์ก็รักเลดี้ซาร่าห์

แม้ในเกมการเมืองเธอจะยอมให้เลดี้ซาร่าห์ชักใย แต่ในเกมของความรัก เธอก็ไม่ใช่ไก่อ่อนที่นอนรอความรักจากอีกฝ่าย ความร้ายของควีนแอนน์คือเธอก็รู้วิธีการที่จะยั่วให้เลดี้ซาร่าห์หึงหวง ด้วยการเล่นด้วยกับอบิเกลที่พยายามเข้ามาเอาใจ

ซึ่งควีนแอนน์ก็คงชอบอบิเกลในตอนต้นและอาจจะรักด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่การที่เธอเลือกเก็บไว้ทั้งสองคนนั่นก็เพราะควีนแอนน์ย่อมรู้ดีว่าเธอมี ‘อำนาจ’

อำนาจที่จะครอบครองทั้งคู่ได้

และอบิเกลกลายเป็นอำนาจต่อรองในเรื่องความรัก

เพราะแต่เดิมนั้นหากเลดี้ซาร่าห์ยุ่งจนไม่ใส่ใจในยามที่ควีนแอนน์โหยหา ควีนแอนน์ก็ได้แต่ยอมจำนนจนกว่าเลดี้ซาร่าห์จะหาเวลามาให้ แต่เมื่อมีอบิเกล ควีนแอนน์รู้ว่าเธอสามารถทำให้เลดี้ซาร่าห์ต้องง้อและเอาใจเธอมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควีนแอนน์ต้องการ

อบิเกลรักตัวเอง

แม้จะอยู่ในความสัมพันธ์สามเส้า แต่อบิเกลต่างจากอีกสองคนคือเธอดูจะไม่ได้มีความรักในเชิงรู้สึกลึกซึ้งหรือเสน่หาแบบที่สองคนนั้นมีให้กัน (affectionate)

หากมองเฉพาะในเรื่องรัก , อบิเกลดูจะเป็นคนที่ตื้นเขินในความสัมพันธ์เชิงความรู้สึก สังเกตจากฝ่ายชายที่มาด้วยท่าทีหมาหยอกไก่ เธอก็เล่นตามกลับด้วยความสนุกแต่จะเห็นได้ว่าในความสัมพันธ์เธอต้องการเป็นผู้ควบคุมเพื่อให้ได้อย่างที่ใจเธอต้องการ (ความสนุก ,อำนาจ ฯลฯ) แม้จะเป็นเรื่องเซ็กส์ที่เธอก็พร้อมจะมอบให้ฝ่ายชายด้วยการพิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ตอนนั้นอย่างไร (มาสเตอร์เบทตัดบทความรำคาญ , ยอมมีเซ็กส์ด้วยเพื่อผูกมัด)

สิ่งหนึ่งที่เธอรักแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัยคือ อบิเกลรักตัวเอง

สิ่งหนึ่งที่เธอรักแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัยคือ อบิเกลรักตัวเอง

ดังนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับควีนแอนน์ก็ไม่ต่างกับที่เธอมีให้ฝ่ายชายคือความสัมพันธ์ที่เธอคาดหวังอะไรบางอย่างสำหรับตัวเอง มันอาจเริ่มต้นที่ความเห็นใจควีนแอนน์ที่ปวดจากโรคเก๊าท์ แต่เมื่อเธอแอบเห็นความสัมพันธ์ของควีนแอนน์กับเลดี้ซาร่าห์ เธอก็รู้แล้วว่า ‘โอกาส’ ที่เธอจะพลิกฟื้นสถานะตัวเองขึ้นมาอีกครั้งก็คือการใช้ความรักเป็นเครื่องมือ

เรื่องของการเป็นคนโปรด

ควีนแอนน์รู้ตัวดีว่าเธอไม่เก่งในเรื่องบริหารบ้านเมือง ในด้านส่วนตัวเธอทุกข์ทรมานกับอาการของโรคเก๊าต์ (รวมถึงน่าจะมีโรคซึมเศร้าหรือไม่ก็โรคผิดปกติทางอารมณ์ร่วมด้วย)

ลองคิดดูว่า

ถ้าคุณคบกับใครแล้วคุณรู้สึกด้อยกว่าตลอดเวลา ต้องพึ่งพาเขาตลอดเวลา แม้จะสบายแต่สิ่งหนึ่งที่อาจสะสมขึ้นในใจคือความรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง

แล้วลองนึกถึงคนระดับควีนแอนน์ที่ในแง่ฐานันดรอยู่สูงกว่าคนทั้งประเทศแต่แท้จริงแล้วเธอรู้ดีว่าเธอตัวเล็กลงมากในแง่ต้องพึ่งพาเลดี้ซาร่าห์แทบทุกอย่างย่อมทำให้เธอรู้สึกด้อยและต้องคอยรอให้เลดี้ซาร่าห์เป็นผู้คุม

(1) อบิเกลเข้ามาในสภาพตรงข้ามกับเลดี้ซาร่าห์ เธอไม่ได้มาพร้อมงานบ้านเมืองเธอพกมาแต่ความสนุกสบายใจ

เธอเข้ามาในสถานที่เด็กกว่า(ไม่ใช่ในแง่อายุแต่ในแง่บุคลิก) แสดงตัวชัดว่าตนเองไม่ได้เหนือกว่าควีนแอนน์ แล้วคอยพูดจี้ปมในใจควีนแอนน์ให้เชื่อว่า ควีนแอนน์มีความสามารถมากกว่าที่เป็นอยู่ในการบริหารประเทศ (ซึ่งไม่จริง)

เรียกได้ว่าเธอมาเสริมความชื่นชมตัวเอง(narcissism)ของควีนแอนน์ และเติมการนับถือตัวเองให้ควีนแอนน์ (self esteem) แม้รู้ทั้งรู้ว่าทั้งหมดคือการโกหก

แต่สำหรับควีนแอนน์นั้นไม่รู้ เธอรู้สึกแค่ว่ามันสดใสซาบซ่าขึ้นเหมือนป๋าๆหรือป้าๆที่ได้เด็กมาเป็นแฟนใหม่แล้วกระชุ่มกระชวยแถมยังเชิดชูให้ตัวเองรู้สึกเป็นใหญ่ขึ้น

(2) อบิเกลใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มีคุณค่าทางอารมณ์ เช่น กระต่าย … เลดี้ซาร่าห์เป็นคนแบบที่ไม่ค่อยละเอียดอ่อนกับเรื่องของสัตว์เลี้ยงหรือเรื่องหยุมหยิม เธอเป็นคนจริงใจตรงไปตรงมาและรับผิดชอบเรื่องใหญ่เช่นการเมืองหรือการปกครองมากกว่า ตั้งแต่แรกๆเราเห็นว่าเธอบ่ายเบี่ยงจะเล่นกับกระต่ายของควีนแอนน์

แต่อบิเกลรู้ว่ากระต่ายมีคุณค่าทางใจก็เลยแสดงความอ่อนไหวไปกับสิ่งที่ควีนแอนน์รักและนั่นคือการเอาชนะใจควีนแอนน์ในด้านที่เลดี้ซาร่าห์ขาดหายไป

เรื่องการเมือง

แม้มีนายกรัฐมนตรีและมีฝ่ายค้านแต่จะเห็นว่านโยบายต่างๆล้วนขึ้นตรงกับการตัดสินใจของควีนแอนน์

อำนาจของควีนแอนน์เป็นตัวตัดสินชี้ขาดฝ่ายบริหาร รวมไปถึงอำนาจในการใช้งบประมาณแผ่นดินที่เห็นได้ว่าเธอสามารถมอบเงินในท้องพระคลังซึ่งเป็นเงินของแผ่นดินให้งานแต่งของอบิเกลโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของใครทั้งสิ้น

อำนาจของควีนแอนน์ต่างจากอำนาจของควีนอลิซาเบธในอีกหลายร้อยปีต่อมา ที่เราจะเห็นได้ในซีรี่ย์ The Crown (ที่โอลิเวีย โคลแมน ก็กำลังจะไปรับบทควีนอลิซาเบธอีกเช่นกัน) คือแม้จะเป็นประมุขของประเทศแต่อำนาจของฝ่ายบริหาร(รัฐ)ในยุคควีนอลิซาเบธสามารถถ่วงสมดุลการตัดสินใจของควีน และการจับจ่ายใช้สอยอยู่ภายใต้การจับตาของประชาชนกับรัฐบาลที่สามารถชะลอหรือคัดค้านได้

ดังนั้นบ้านเมืองในยุคควีนแอนน์จึงเป็นบ้านเมืองที่รวมศูนย์ไปอยู่ที่ความพึงพอใจของผู้นำ การเมืองจึงเป็นเรื่องของการเป็นคนโปรด

ประชาชนที่เสมือนเบี้ยชั้นล่างสุดย่อมไม่รู้ว่าเบื้องบนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเมื่อมีรัฐบาล พวกเขาก็เข้าใจว่านโยบายทั้งหลายที่ประกาศให้พวกเขาต้องทำตามมาจากรัฐสภาที่มีการถกเถียงและคิดถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองกับประชาชนเป็นหลัก

แต่เปล่าเลย

  • ทหารที่ออกไปรบไม่รู้หรอกว่าการเสี่ยงตายของเขาขึ้นกับว่าฝ่ายใดสามารถชนะใจควีนแอนน์ให้เห็นด้วยในการทำสงคราม
  • เช่นเดียวกับชาวบ้านที่ขูดรีดภาษีไม่รู้หรอกว่าเขายากเข็ญมากขึ้นไม่ใช่จากเหตุผลด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง แต่เพราะฝ่ายการเมืองที่อยากขึ้นภาษีสามารถชนะใจควีนแอนน์ให้เห็นด้วยกับการขึ้นภาษี

ตอนจบ

ในตอนท้ายก็เหมือนตอนจบในประวัติศาสตร์หรือเรื่องรักจักรๆวงศ์ๆ ที่ควีนแอนน์ตกเป็นเหยื่อของคนโปรดที่คอยเอาใจผสมความหูเบา บวกกับตัวควีนแอนน์ก็ ‘เล่นเกมอำนาจในความสัมพันธ์’ จนเกินไปทำให้คนที่รักเธอ(และเธอก็รัก)อย่างจริงใจถูกขับไสออกจากวังทั้งที่เป็นความรักแบบตรงไปตรงมา

ในขณะที่ความรักแบบทำให้โปรดปรานทำให้รู้สึกมีคุณค่าที่แฝงในคำลวงยังคงอยู่มีอำนาจต่อในวัง

ฉากจบที่ควีนแอนน์เห็นอบิเกลเหยียบกระต่ายซึ่งเสมือนตัวแทนลูกๆของเธอแบบสนุกสะใจ ไม่ได้เอ็นดูรักใคร่ลูกของเธออย่างที่ปากเคยบอก มันจึงเหมือนการถูกหักหลัง ตอกย้ำความผิดหวังและเพิ่มความเจ็บปวดที่เลือกคนนี้ไว้ใกล้ตัว

ควีนแอนน์น่าจะพอรู้อยู่แล้วมาพักใหญ่แต่ฉากนี้คือ ‘หลักฐาน’ ชัดเจนของความไร้หัวใจและการโกหกหลอกลวง

แต่เธอก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ จะหาคนรักใหม่ก็ไม่ง่าย จะใช้อำนาจไล่อบิเกลออกก็จะทำให้ชีวิตต้องลำบากด้วยสถานภาพตอนท้ายที่เธอก็ชราลงและป่วยในสภาพจำเป็นต้องพึ่งพาใครซักคน (อาการเดินอ่อนแรงและปากเบียวน่าจะมีภาวะของเส้นเลือดสมองตีบร่วมด้วย)

การซ้อนภาพอบิเกลตัดสลับกับกระต่ายในขณะที่ลงไปนวดให้ควีนแอนน์

คือการใช้อำนาจในความสัมพันธ์เท่าที่ยังพอเหลือจะทำได้ คือต้องการตอกย้ำให้อบิเกลรู้สถานะตัวเองว่าเป็นได้แค่ข้ารองพระบาทที่ไม่ได้เท่าเทียมในแบบคู่รัก(และไม่ได้เท่าเทียมเหมือนกับเลดี้ซาร่าห์) เป็นดั่งสัตว์เลี้ยงที่เธอกระทำ

ควีนแอนน์สื่อสารให้อบิเกลรู้ว่าเธอก็ไม่ต่างจากกระต่ายที่เธอเหยียบใต้เท้า เพียงแต่เปลี่ยนเป็นควีนแอนน์ที่เป็นคนเหยียบอยู่เหนือชีวิตเธอ

--

--