ปัจจัยที่ทำให้ Startup ประสบความสำเร็จ

ในวันที่เราเริ่มทำสตาร์ทอัพสิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ ใช่หรือไม่ ?

“ แต่คำถามที่เราต้องถามกับตัวเองและเพื่อนร่วมทีม คือ ทำยังไงให้มันประสบความสำเร็จ

ในบทความนี้ผมจะมาลองหากันว่าเหล่ากูรูทั้งหลายในวงการสตาร์ทอัพมีปัจจัยอะไรที่ทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ

เริ่มต้นด้วย “Bill Gross” พูดในงาน Ted Talk ในหัวข้อ The single biggest reason why startups succeed

ปล. ขอแนะนำให้ดู ผมขอเอาหัวเป็นประกันเลยว่า นี่คือ Ted Talk ความยาว 6.40 นาที ที่มีคุณค่ามาก คุณจะไม่รู้สึกเสียเวลาแน่นอน— ผมขอแนะนำให้ดู คลิกที่นี่

Bill Gross เชื่อว่าธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นรูปแบบองค์กรที่เปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น เมื่อคุณรวมกลุ่มคนที่มีไฟ สร้างแรงจูงใจให้พวกเขา แล้วพวกเขาจะสามารถสร้างสิ่งที่หน้าเหลือเชื่อได้มากมาย

แต่ถ้าบริษัทสตาร์ทอัพเจ๋งขนาดนั้น อะไรคือสาเหตุที่ทำบริษัทสตาร์ทอัพมากมายถึงล้มเหลว และสิ่งที่ Bill Gross อยากรู้ คืออะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ ?

Bill Gross สรุป 5 ปัจจัยที่ทำให้สตาร์ทอัพ สำเร็จ หรือล้มเหลว

1. ไอเดีย (Idea)

Bill Gross เชื่อว่าไอเดีย คือทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว Bill ชอบเสมอเวลาที่ตัวเองคิดไอเดียใหม่ออกมาได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป Bill กลับคิดว่าสิ่งที่สำคัญกว่าไอเดีย คือปัจจัยลำดับถัดมาต่างหาก นั่นคือ “ทีมงาน”

2. ทีม (Team)

Bill Gross เชื่อว่ามีสิ่งที่สำคัญเหนือกว่าไอเดีย นั่นคือ ทีม วิธีการทำงาน และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพธุรกิจ

Bill Gross นึกถึงคำพูดของ Mike Tyson ว่า

“Everybody has a plan, until they get punched in the face.” — Mike Tyson

แปลตามตัวก็คือ “ ทุกคนมักมีแผนอยู่ จนกระทั่งโดนหมัดเข้าที่หน้า ”

Bill Gross มั่นใจว่ามันจริง และสามารถนำมาใช้ในโลกของธุรกิจได้ เพราะถ้ามองในเรื่องของการทำงานในทีม มันคือความสามารถในด้านการทำงานและการปรับตัวเวลาที่ลูกค้า ชกเข้าที่หน้าเรา

ท่องเอาไว้เลย “The customer is the true reality.”

3. โมเดลทางธุรกิจ (Business Model)

สิ่งที่ธุรกิจต้องการคือ เรื่องของโมเดลทางธุรกิจที่ชัด เราต้องหาความชัดเจนว่าธุรกิจที่เราทำนั้นสามารถหาลูกค้าได้หรือไม่ ? และมันจะทำเงินได้หรือไม่ ?

ปล. ก่อนจะทำการประเมินบริษัททั้งหมด Bill เชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดใน 5 ปัจจัย

4. เงินทุน (Funding)

Bill Gross ลองคิดว่าถ้าบริษัทสตาร์ทอัพได้เงินทุนมามากๆ นั่นจะเป็นสิ่งที่สำคัญหรือป่าว

5. จังหวะเวลา (Timing)

ต้องคิดว่า ไอเดียนั้นมาถูกที่ถูกเวลาหรือไม่

มันเร็วเกินไปไหม ? เราต้องรอให้โลกพร้อมก่อนถึงสามารถทำมันได้หรือไม่

มันช้าไปไหม ? คนอื่นอาจทำไปหมดแล้ว อาจทำให้เรามีคู่แข่งมากเกินไป (ซึ่งถ้าทำทีหลัง อาจทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ)

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ 5 ปัจจัยที่ Bill เชื่อว่าจะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ

จากนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ Bill เอา 5 ปัจจัยที่จะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จมาเปรียบเทียบ ผ่าน 100 บริษัทของ Idealab และอีก 100 บริษัทอื่น ๆ

เปรียบเทียบบริษัทของ Idealab โดยใช้

5 บริษัทที่ประสบความสำเร็จ (แถวบน) และ 5 บริษัทที่ล้มเหลว (แถวล่าง)

ประเมินโดยลองให้คะแนน ตำสุด 0–10 สูงสุด

source : The single biggest reason why startups succeed

เปรียบเทียบบริษัทอื่น ๆโดยใช้

5 บริษัทที่ประสบความสำเร็จ (แถวบน) และ 5 บริษัทที่ล้มเหลว (แถวล่าง)

ประเมินโดยลองให้คะแนน ตำสุด 0–10 สูงสุด

source : The single biggest reason why startups succeed

ผลลัพธ์ที่ได้ มันทำให้ Bill ประหลาดใจ

source : The single biggest reason why startups succeed

ปัจจัยสู่ความสำเร็จอันดับ 1 คือ จังหวะเวลา (Timing)

เวลาคือปัจจัยที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ 42%

ปัจจัยสู่ความสำเร็จอันดับ 2 คือ ทีม (Team)

ทีมเป็นปัจจัยอันดับที่ 2 คือ 32%

ปัจจัยสู่ความสำเร็จอันดับ 3 คือ ไอเดีย (Idea)

ไอเดียที่เป็นตัวบอกว่าเราทำอะไร กลับมาเป็นอันดับที่ 3 คือ 28%

อันนี้ทำให้ Bill ประหลาดไจมาก เพราะไอเดียที่ Bill คิดว่าสำคัญ มันเป็นสิ่งที่สำคัญก็จริง แต่กลับไม่ไช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะ

บางครั้ง “ ไอเดียสำคัญ เพราะว่ามันมาในเวลาที่เหมาะสม ”

ปัจจัยสู่ความสำเร็จอันดับ 4 คือ โมเดลทางธุรกิจ (Business Model)

โมเดลทางธุรกิจ เป็นอันดับที่ 4 คือ 24%

อันนี้ Bill เข้าไจเพราะว่า “บ่อยครั้งที่บริษัทมากมายที่ประสบความสำเร็จ เขาสำเร็จโดยที่ยังไม่มี Business Model ด้วยซ้ำ” มันตามมาทีหลังได้ ตราบใดก็ตามที่ลูกค้ายังซื้อหรือใช้บริการในสิ่งที่คุณทำ

ปล. แต่อย่างไรก็ตาม Business Model ก็เป็นสิ่งที่สำคัญนะ

ปัจจัยสู่ความสำเร็จอันดับ 5 คือ เงินทุน (Funding)

เงินทุน เป็นอันดับ 5 ด้วยคะแนน 14% เท่านั้น

Bill บอกว่าเงินทุนก็คล้ายๆ กับ Business Model เพราะตราบใดก็ตามที่คุณมีลูกค้า และคนที่ใช้บริการอยู่ ก็มีโอกาสมากมายที่เงินทุนก้อนโตจะมาหาคุณ ยิ่งในปัจจุบันมีทั้ง Angel และ VC มากมายที่รอให้เงินทุนอยู่

สุดท้ายนี้ Bill ได้ยกตัวอย่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จ

Bill ยกตัวอย่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จ โดยวิเคราะห์ผ่าน 5 ปัจจัยที่ทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ

1. Airbnb (ตัวอย่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จ)

Airbnb ถือเป็นกรณีที่นักลงทุนส่วนไหญ่มองข้าม เพราะตอนนั้นในช่วงจังหวะเวลานั้น (Timing) นักลงทุนคิดว่า “ไครจะไปเปิดบ้านในคนแปลกหน้าเข้ามาพัก”

ซึ่งหน้ามองแบบผ่านๆ ก็คงบอกว่าจริง แต่ในตอนนี้ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นไปได้ และเวิร์คด้วย เพราะในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจอ่อนตัวลง คนเริ่มให้คนเข้ามาพักในบ้านเพราะต้องการสร้างรายได้

ความสำเร็จนี้ เกิดจากการมี 1.ไอเดียที่ดี 2.มีทีมดำเนินงานที่ดี 3.มีแผนธุรกิจที่ดี และส่วนที่สำคัญที่สุดคือ มีจังหวะเวลาที่ดี เพราะพอเศรษฐกิจแย่ลงคนต้องการสร้างรายได้ โดยมองข้ามการให้คนแปลกหน้าเข้ามาพักในบ้านได้

2. Z.com (ตัวอย่างบริษัทที่ล้มเหลว)

source : http://www.ejewel.com/our_companies/show/internet/z

z.com (1998) เป็นบริษัทด้านความบันเทิงเปิดตัวในปี 1998 เป็นของ Idealab เองซึ่ง Bill บอกว่าเขาชอบมันมาก ทุกคนในทีมตื่นเต้นกับมัน

z.com มีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น 1. เงินทุนก้อนโต (Funding) 2.โมเดลทางธุรกิจที่สุดยอด ขนาดสามารถเชิญดารา Hollywood เข้าร่วมได้

แต่อินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาปี 1999–2000 ยังไม่ดี คนไม่สามารถดูออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตได้ ผู้คนยังต้องใส่ codecs บน Web Browser เพื่อดูออนไลน์ ในที่สุดบริษัทต้องปิดไปในปี 2003

แต่หลังจากนั้นแค่ 2 ปี Web Browser ก็แก้ปัญหา Codecs โดย Adobe Flash

และการกระจายอินเทอร์เน็ต 50% ของอเมริกา Youtube ได้ออกมาพอดี

Youtube มีไอเดียดี และออกมาได้เวลาที่ดีเยี่ยม ซึ่งจริงๆแล้ว Youtube ไม่มี Business Model ด้วยซ้ำในตอนที่ทำออกมาแรกๆ เว็ปทำไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะทำเงินได้อย่างไร แต่ทางด้านของจังหวะเวลา (Timing) Youtube ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ

ข้อสรุปของ Bill Gross ก็คือ

กระบวนการทำงานนั้นสำคัญมาก ไอเดียก็สำคัญมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจังหวะเวลา วิธีที่ดูจังหวะเวลาได้ดีที่สุด คือดูว่า “ลูกค้าของเรา พร้อมหรือไม่กับสิ่งที่เราเสนอให้เขา และโลกพร้อมแล้วหรือยัง” คุณต้องประเมินจังหวะเวลาอย่างตรงไปตรงมา อย่าหลอกตัวเองกับผลลัพธ์ที่แค่คิดว่าจะดีเฉยๆ

ผมเอามาเล่าให้ฟังแล้ว ถึงตาคุณบ้าง

ถ้าชอบกดถูกไจบทความด้วยนะครับ ผมจะใด้รู้ว่ามันเป็นประโยชน์กับคุณ

อยากรู้ว่าคุณคิดเห็นอย่างไรกับทฤษฎีของ Bill Gross ช่วยคอมเม้นหน่อยนะ

ถ้าคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับเพื่อนของคุณ ทำไมถึงไม่แชร์ (Share)ให้กับพวกเขาละ

--

--