Infernal Affairs Trilogy: นรกอยู่ในใจใกล้ๆ นี่เอง

Photo credit: Media Asia Films

[มีสปอยล์]

มันเป็นความไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ที่คน ผู้ซึ่งสมควรได้รับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตกลับไม่ได้รับสิ่งนั้น แต่คนที่ไม่ deserve สิ่งเหล่านั้นกลับได้รับไปเต็มๆ ตอนที่อาเหยิน (พี่เหลียง) โดนยิงแสกหน้าแล้วประตูลิฟต์หนีบซ้ำๆ คือความสะเทือนใจถึงที่สุด ที่คนเป็นตำรวจ หรือ A Good Guy กลับมีจุดจบน่าสลดใจ (จริงๆ ไม่ใช่แค่อาเหยิน แต่คนที่ถูกจำแนกว่าเป็นตำรวจดีในเรื่อง ต้องตายกันเกือบหมดทุกคนเลยด้วย ซึ่งอาจจะสื่อถึงความเป็นไปในสังคมที่เราอาศัยอยู่หรือไม่ อย่างไร) ทำไมคนที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในการปกปิดตัวตน เพื่อทุ่มเททำงานในฐานะตำรวจ ต้องเจอเรื่องชอกช้ำแบบนี้ ส่วนอาหมิง (พี่หลิว) ที่เป็นโจรแฝงตัวมาในคราบตำรวจ กลับสามารถลอยหน้าลอยตา ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ต่อไป ทำให้คิดต่อว่า แล้วอันที่จริง ความยุติธรรมมีอยู่ในโลกนี้ไหม แล้วความยุติธรรมที่ว่านี้จะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ ในเมื่อคนที่มีความอุตสาหะ ทำดีเข้าไป กลับไม่ได้สิ่งใดๆ ที่คู่ควรกับความทุ่มเทนั้นเลย ซึ่งดูเผินๆ ก็จะทำให้เรารู้สึกว่า แล้วจะทำอะไรดีๆ ในชีวิตเพื่ออะไร หลักการในชีวิตจะยังคงยึดถือได้อยู่หรือไม่

อยากให้ดูเหตุการณ์ต่อไปที่เกิดขึ้นในหนัง โดยเฉพาะในภาค 3 ไม่ว่าคำบอกเล่าของอาหมิงที่รายงานให้คนอื่นรับรู้จะเป็นอย่างไร จะมีการปรับรายละเอียดและบิดเบือนความจริงมากแค่ไหน คนที่รู้ดีที่สุดก็คือตัวเอง จะโกหกคนอื่นเขาอย่างไร หรือมากเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าโกหกตัวเองไม่ได้ทั้งนั้น ซึ่งก่อให้เกิดผลทางใจที่ตามมา คือความทรมานจิตใจจากการทำผิดบาป อาหมิงทำร้ายคนไปทั่วเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ทำร้ายทั้งคนที่มีบุญคุณ ทั้งเพื่อน ทั้งเจ้านาย เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนจับได้ ทำให้รอดจากสถานการณ์โดนจับโป๊ะมาได้ แต่ก็แลกกับความทุกข์จากการกระทำผิดที่ติดตัวไปตลอดชีวิต ความทุกข์นี้ในหนังมีคำบรรยายเอาไว้ว่า เป็นเหมือนการถูกจองจำอยู่ในขุมนรกที่ลึกที่สุด ที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ เป็นการชดใช้บาปไปเรื่อยๆ วนเวียน ตลอดไป เป็นการตกนรกในใจตัวเอง เราก็จะเห็นอาการรังเกียจตัวเองของอาหมิง พยายามบอกตัวเองว่า ฉันเป็นตำรวจ ฉันอยากเป็นคนดี อยากเป็น A Good Guy ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาได้รับจากการกระทำของตัวเองทั้งนั้น

สิ่งที่อาเหยินและตำรวจดีๆ คนอื่นได้รับหลังจากเสียชีวิต คือเกียรติยศในแบบที่ตำรวจที่ดีพึงจะได้รับ แม้จะเศร้าใจ แต่อย่างน้อยมันก็คือความภาคภูมิใจที่ถูกส่งต่อไปให้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว ตำรวจดีๆ รุ่นหลังก็ยึดถือคนเหล่านี้เป็นแบบอย่าง เป็นที่จดจำต่อไป ส่วนอาหมิงนั้น นอกจากจะไม่หนีหายไปจากโลก ในแบบที่ตัวเองอยากให้เป็นแล้ว ยังต้องมีชีวิตอยู่อย่างทรมานร่างกายและจิตใจ ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเลยแม้แต่คนเดียว ไม่มีคนที่รักเขาอีกเลยในชีวิต ไร้ซึ่งเกียรติของความเป็นมนุษย์ที่ควรจะได้รับ และต้องเป็นแบบนี้ไปจนกว่าจะถึงวันที่หมดลมหายใจ

มีช่วงเวลาในภาคแรกที่ตัวละครอาเหยินและอาหมิงต่างก็เกิดอาการสับสน รู้สึกว่า นี่เรามาทำอะไรที่นี่ อาเหยินก็คิดว่า จริงๆ เราเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ เราเสียโอกาสต่างๆ ในชีวิตไป เพื่อที่จะปกปิดตัวเองแล้วอยู่ในแก๊งค์มาเฟียทำไม มันใช่ที่ของเราไหม ส่วนอาหมิงก็มองดูรูปตัวเองในฐานะตำรวจคนหนึ่ง แล้วก็ทบทวนตัวเองว่า ตกลงเราเป็นอะไรกันแน่ ช่วงท้ายของภาค 3 อาหมิงระเบิดอารมณ์ โดยพล่ามบอกคนอื่นว่า ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นคนไม่ดี แล้วก็อยากได้โอกาสในการแก้ตัว แต่สุดท้าย ก็ต้องได้รับผลที่เหมาะสมจากสิ่งที่ตัวเองได้ทำไว้

ยังมีความรู้สึกว่า เออ โลกนี้มันยังมีเหตุมีผลอยู่ (แม้ว่าจะโหดร้าย) ก็ตอนภาคสุดท้าย ถ้าไม่มีภาค 3 จะรู้สึกว่า โลกนี้ช่างไม่แฟร์ มันน่าชอกช้ำใจที่ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยเงื่อนไขของสังคมแบบนี้ ก็ยังดีที่ทำให้รู้สึกว่า โลกนี้มันก็มีวิถีของมันอยู่นะ

ป.ล. เพลงฉี่ฉวี้ขึ้นมาทีไร หน้าอาเหยินกับอาหมิงผุดขึ้นมาทันที

#ดีชั่วอยู่ที่ใจไม่ใช่อื่นใด

--

--