[20 Days] ชีวิตที่ประเทศเยอรมัน

Jedsada Tiwongvorakul
20Scoops CNX
Published in
6 min readJan 2, 2018

สวัสดีครับเมื่อ เดือนพฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาเจ้าของบล็อคได้มีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตที่ประเทศเยอรมันนี ที่เมือง Hamburg มาเป็นเวลา 20 วัน เลยอยากจะนำภาพบรรยากาศและการดำเนินชีวิตมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมกับเก็บเป็นความทรงจำครั้งแรกในชีวิตของเจ้าของบล็อคที่ได้ไปเที่ยวยุโรป โคตรคูล ✈️

เริ่มจากการทำ Visa

เอาจริงๆ เจ้าของบล็อคก็ไม่เคยออกนอกประเทศนะ ถ้าไม่นับแม่สายอะนะ ฮ่า ฮ่า เลยไม่ค่อยมีความรู้สักเท่าไร ส่วน Visa ที่เจ้าของบล็อคทำมีชื่อว่า วีซ่าเชงเก้น (Shengen Visa) เป็นวีซ่าสำหรับเดินทางระยะสั้นไม่เกิน 90 วัน สามารถเดินทางไปเที่ยวยุโรปโดยใช้เข้าออกในกลุ่มประเทศเชงเก้นได้ถึง 26 ประเทศ ได้แก่

Austria, Belgium, Czech Republic, Denmark, Estonia, Finland, France, Germany, Greece, Hungary, Iceland, Italy, Latvia, Lithuania, Luxembourg, Malta, Netherlands, Norway, Poland, Portugal, Slovakia, Slovenia, Spain, Sweden, Switzerland, Liechtenstein

ก็เอาเป็นว่าใครจะไปเที่ยวในระยะสั้นที่ประเทศด้านบนละก็ ศึกษาวิธีการขอวีซ่าเชงเก้นไว้ด้วยนะครับว่าจะเตรียมเอกสารอะไรมั่ง เพราะดูเหมือนจะยุ่งยากพอสมควรแต่ บริษัทของเจ้าของบล็อคมีหนังสือเชิญด้วยละมั้งเลยแลดูไม่ค่อยวุ่นวาย เพราะเจ้าของบล็อคก็มีหน้าที่แค่ส่งเอกสารที่หัวหน้าบอกก็เท่านั้น ฮ่า ฮ่า

เริ่มออกเดินทาง

เจ้าของบล็อคเริ่มออกเดินทางเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2017 โดยเริ่มจาก เชียงใหม่-กทม แล้วต่อจาก กทม-เฮลซิงกิ(ประเทศฟินแลนด์) สุดท้ายต่อจาก เฮลซิงกิ-ฮัมบูร์ก โดยรวมแล้วใช้ชีวิตอยู่บนอากาศประมาณ 13 ชั่วโมง ซึ่งเที่ยวจาก กทม-เฮลซิงกิ นี่แหละโคตรโหดร้ายเลย เพราะว่าเป็นช่วงที่อยู่บนเครื่องยาวนานที่สุดละโดยประมาณ 11 ชั่งโมง แต่ไม่ค่อยเหงานะเพราะหลับตลอดเส้นทาง บ้าบอ เพราะบนเครื่องมีสิ่งเอนเตอร์เทนอยู่หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้

สามารถดูหนัง เล่นเกมได้
แต่อย่างว่านะดูหนังไม่มี sub-thai เลยก็พยายามดูแต่ภาพเอา 555

และแล้วก็มาถึง Office สักทีความรู้สึกเมื่อลงจากเครื่องคือ หนาวจนไข่สั่นเลยทีเดียว เว่อร์เกิ๊น แต่ก็หนาวกว่าไทยแน่นอนอันนี้คอนเฟิร์ม พอมาถึงสิ่งแรกที่เจ้าของบล็อคทำคือ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกเดินสำรวจรอบๆ Office ดูวิถีชีวิตของคนเป็นอันดับแรกเลย พอเดินมาสักพักก็เจอโบสถ์เก่าๆ แลดูสวยดีเจ้าของบล็อคเลยอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้

แต่พอจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเท่านั้นแหละ ก็มีคนเดินเข้ามาพูดกับเจ้าของบล็อค แต่ฟังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งไม่แน่ใจว่าพูดภาษาอังกฤษหรือเยอรมัน แต่ดูสถานการณ์แล้วเขาคงคิดว่าเจ้าของบล็อคถ่ายรูปที่ติดเขาอยู่ เพราะคนเยอรมันมี Privacy สูงมากเลยทีเดียว จะถ่ายรูปอะไรต้องคิดเลยอะว่าจะติดคนไหม ถ้าไม่ใช่สถานทีท่องเที่ยวนี่คิดหนักเลยนะ รูปที่ได้วันแรกก็จะออกมาประมาณนี้แหละ

หน้าคนเต็มๆ เลยนะรูปนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

พอตกดึกก็ได้ไปเที่ยวที่ Apple Store ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองของ Hamburg พอไปถึงก็ตกใจว่าทำไหมคนเยอะจังน่าจะขายดีเอามากๆ แต่พอดูดีๆ ทำไมคนส่วนใหญ่ยืนแต่หน้าร้าน ออ… Wi-Fi ฟรีนี่ว้า

ถ่ายได้แค่มุมนี้แหละ กลัวติดคน

เอาละขอถ่ายรูปแรกของวันสักหน่อย … พอดีช่วงนี้เจ้าของบล็อคเพิ่มน้ำหนักเล่นกล้ามนะรูปจะออกมาอวบๆ หน่อยๆ

มาถึงเยอรมันละ ครับ พ่อ-แม่ พี่น้อง

ตัดภาพมาที่…เช้าวันใหม่กับการผจญภัยที่ต่างแดนแบบจริงจังแล้วสินะทั้งการกิน, การเดินทาง และการใช้ชีวิต เจ้าของบล็อคขอเล่าเรื่องแรกโดยเริ่มจากการเดินทางก่อนละกันว่าในแต่ละวันเจ้าของบล็อคเดินทางไปทำงานยังไงไปดูกันเลย

การขนส่งขนส่งสาธารณะที่เยอรมัน

ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ใช่การขนส่งสาธารณะบ้านเราไม่ดีนะ แต่มันมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้ที่เยอรมัน ดูดีกว่าอะ เข้าเรื่องเลยละกันการเดินทางส่วนใหญ่หรือพูดง่ายก็แทบจะทุกวันของเจ้าของบล็อคจะเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดินจากที่พัก Berliner Tor ไป Office (Altona)

ล่ะอะไรล่ะ? ที่มันดูดีกว่าบ้านเรา คือ แมร่งไม่ต้องมีการเสียบบัตรเข้าออกประตูเลยอะ คือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเดินขึ้นรถไฟฟรียังได้เลย ไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาตรวจนะแต่แค่จะสุ่มตรวจเท่านั้น ที่เจ้าของบล็อคไปอยู่ 20 วันเจอตรวจแค่ครั้งเดียวเอง อะ คือมันอยู่ที่วินัยของคนล้วนๆ เลยเรื่องนี้ คำถามที่ไม่ต้องตอบ Model นี้ใช้ที่ไทยได้ไหม ?

ละจากที่พักไปสถานีรถไฟก็ต้องเดิมข้ามทางม้าลาย ก็เหมือนบ้านเราต้องกดปุ่มที่เสาไฟเพื่อขอข้ามถนน แต่สิ่งที่แตกต่างเล็กน้อยก็คือ…

ตรงข้ามก็จะเป็นสถานีรถไฟ

ถ้าเป็นทางม้าลายบนถนนเล็กๆ ก็ให้เดินไปเลยไปนะครับไม่ต้องรอให้รถไปก่อนเพราะรถจะหยุดให้เราเอง อันนี้ที่แรกเจ้าของบล็อคก็ติดนิสัยให้รถไปก่อนก็โดนโบกมือให้ไปก่อนเลยตลอด แต่พออยู่ไปสักพักที่นี่แหละมึงไม่กลัวรถละ ฮ่าๆ สำหรับการเดินทางก็ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินกับสองขาเดินเอา ก็บรรยากาศมันเดินแล้ว OK เอามากๆ เลยอะ เห็นสาวดูสวยดี อิอิ

อาหารการกิน

สำหรับอาหารเช้าที่โน้นนั้นเจ้าของบล็อคไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะรู้สึกว่ามันยังธรรมดาไปแต่จะค้นจาก Google มาให้นะ เพราะมันก็คือขนมปัง, เนย, แยม, น้ำผลไม้, แฮม, Salami และเนื้อแช่แข็งมากมายหลากหลายชนิด ส่วนตัวเลยนะไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยแต่มันไม่ใช่ทางของเจ้าของบล็อคมากกว่าอะ ขนมปังกับเนย เนี่ยยยยย

รูปนี่น่าจะใกล้เคียงสุดละนะ

เมื่อมาถึงเยอรมันทั้งทีจะไม่ลอง ไส้กรอกกับเบียร์ได้ยังไงละ เพราะมันคือ Signature ของประเทศนี่จัดเลยดิครับรออะไร เราพร้อมจะลุยกันมานานแล้ว

รสชาติออกหวาน หัวหน้าบอกมันคือ เบียร์ + สไปรท์ กินง่ายอร่อยเจ้าของบล็อคชอบตัวนี้มาก
รสชาติออกหนาวเหมือนกันแต่พอกลืนลงคอแล้วปลายจะมีกลิ่นของ Lemon
ตัวนี้รสชาติเบานุ่มเหมือน LEO บ้านเราเลยครัช
ตัวนี้ Hi-Class หน่อยเพราะไปกินที่ร้าน รสชาติออกแนวเบียร์สิงห์สด นะ

และใครที่คิดว่าเยอรมันเบียร์ถูกกว่าน้ำคุณคิดถูกแล้ว คือเบียร์บางยี่ห้อราคาไม่ถึง 1 euro ด้วยซ้ำ นำ้โค้กกระป๋องที่เราซื้อ 17 บาท ที่โน้นขาย 2 euro เลยนะ และอีกอย่างหนึ่งที่ไม่มีขายคือ น้ำแดง มิรินด้า นี่แหละเจ้าของบล็อคหาแทบตายไม่เจอ เลย

ส่วนไส้กรอกอย่าไปพูดถึงมันเลย เพราะเจ้าของบล็อคหลอนมาก กินแมร่งทุกชั่วโมง ทุกวัน คือกินแทนน้ำอะ ก็คนมันไม่เคยอะเนาะ แต่รสชาติบอกเลยว่าโอเคมากๆ เมื่อกินกับซอสต๊อดของบ้านเรา

มาถึงจานที่เจ้าของบล็อคคิดว่ามันน่าจะอร่อย เลยเร้าหรือหัวหน้าให้พามากินซึ่งไม่ใช่มาส่งอย่างเดียวนะต้องเลี้ยงด้วย 555 นั้นก็คือ สเต็กเนื้อ

ภาพ Before เนื้อส่วน Rib eye
และนี่คือภาพ After

และเราจะไม่หยุดเร้าหรือให้หัวหน้าพาไปชิมรสชาติของเนื้อจะกว่าเราจะพอใจ WTF!

เนื้อส่วน Fillet ขนาด 300g

คือมันมีเรื่องตลกของรูปสเต็กด้านบนอยู่ว่า เจ้าของบล็อคก็ไม่รู้อะเนาะว่าราคาเท่าไหร่ หัวหน้าก็บอกว่าไม่อิ่มเบิ้ลได้ ไอ่เราก็แบบว่า หิว อะ หน้ามืดไปหมด ก็ขอเพิ่มอีกชิ้นหนึ่ง แต่พอรู้ราคาเท่านั้นแหละ คือ ชิ้นละ 42 euro = 1,640 บาท โอ้แม่เจ้า ขอโทษด้วยนะครับ ผมหิว 555 (ไม่ต้องคำนวณนะ เพราะวันนั้นจัด ไวท์แดง/ขาว และเบียร์ ไปอย่างละแก้ว ด้วย)

ทิ้งท้ายกับสเต็กหัวหน้าก็จัดไปร้านที่ดีที่สุดของเมือง Hamburg ไอ่เราก็ไม่เข็ด เลยจัดเมนูที่เป็น Signature ของร้านไปเลย T-Bone

เนื้อส่วน T-Bone

รสชาติไม่ต้องพูดถึงนะ อร่อยเว่อร์โดยเฉพาะ ระดับความสุกที่ Medium Rare อะอะ เรื่องของขาหมูเยอรมันเจ้าของบล็อคลองแล้วนะแต่ลืมถ่ายรูป เพราะรีบกินมาก แต่จะขอบอกว่ารสชาติที่ไทยอะมันไม่ใช่นะ แต่ถ้าเป็นร้านแพงๆ นี่ก็ไม่รู้แฮะ แต่รสชาติขาหมูเยอรมันที่เจ้าของบล็อคได้รับประทานมามันจะนุ่มๆ หน่อยๆ หนังจะกรอบไม่ได้แห้งเหมือนเคยกินที่ไทยอะ

เอาล่ะพักเรื่องกินไว้แค่นี้แแหละ เพราะมันถึงเวลาที่จะออกไปศึกษาวัฒนธรรมวิถีชีวิต และเสพศิลปะรอบเมือง Hamburg กันแล้วไปเลย ปู้นๆ

จัดไปงานวัดที่เยอรมัน

หัวหน้าของเจ้าของบล็อคก็จัดพาทัวร์ดูงานวัดของเยอรมันซึ่งงานจัดขึ้นข้างสถานทีที่ชื่อว่า Feldstrasse Bunker ซึ่งเป็นสถานที่หลบภัยระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กำแพงหนามาก ละงานวัดก็อลังการงานสร้าง อากาศก็หนาวมากๆเลยทีเดียว

ไม่กล้าถ่ายติดคน ฮ่า ฮ่า
ตุ๊กตาที่แจกสวยกว่าบ้านเราเยอะ คือล่อตาล่อใจมาก

ภายในงานก็มีเครื่องเล่นมากมาย แต่เจ้าของบล็อคสะดุดตาก็น่าจะเป็นเครื่องเล่นด้านล่างนี้แหละ เพราะสีสันและเสียงเพลงของมันเหมาะกับสายย่อ อย่างเจ้าของบล็อคไปชมกันเลย…

ทิ้งท้ายจากงานวัดก็ขอ Selfie สักหน่อยดูการแต่งตัวคงเดาไม่ยากว่าหนาวมาก

ไปดูบอล ลีกบุนเดสลีกาของเยอรมัน

เจ้าของบล็อคก็เคยมีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศลีกไทยอยู่บ้างอะนะ ระหว่างเมืองทองพบกับบุรีรัมย์ แต่นี่เรามาถึงยุโรปแล้ว ก็ได้ทำการเร้าหรือหัวหน้าว่าอยากดูบอลนอกบ้าง เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตอยากไปนั่งที่สนามที่มีคนเยอะๆ กับการเล่นที่สวยงามสักครั้ง สุดท้ายก็ตามภาพด้านล่างเลย ได้มาแชร์ทีม Hamburger SV ทีมประจำเมือง Hamburg เมืองที่เจ้าของบล็อคมาเที่ยว

ตั๋วเข้าสนาม คือสแกน Bar Code เข้าประตู
Volksparkstadion สนามของทีม Hamburger SV

ก่อนแข่งก็มีการร้องเพลงปลุกใจ คือมันปลุกเอามาก คนร้องเพลงพร้อมกันเป็นหมื่นๆ เลือดมันสูบฉีดดีมาก และก่อนจะออกจากสนามความประทับใจคือทีม Hamburger SV ชนะด้วยถือว่าคุ้มมากๆ เลย Selfie เก็บเอาไว้ให้ลูกให้หลานดูสักหน่อย

ใจกลางเมือง Hamburg มีอะไร ?

ในใจกลางเมืองของ Hamburg ก็จะเป็นสถานที่ราชการซะส่วนใหญ่ สำหรับขา Shop ก็จะมีแหล่งให้เดินหาซื้อของฝากพวกขนมนมเนยต่างๆ สำหรับแฟชั่นก็มีห้างสรรพสินค้ากับร้านแบรนด์ดังๆ อย่าง Timberland, Rolex, Adidas และอื่นๆ มากมายราคาช่างโหดร้ายเหลือเกิน แต่จะมีอยู่หนึ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ Showroom ของ Tesla และช่วงเวลาที่เจ้าของบล็อคไปใกล้เทสกาล Christmas พอดีก็จะมีขบวนพาเหรดให้เห็นพอดี เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากด้านล่างนี้เลย จ้า

ห้างสรรพสินค้าหัวหน้าบอกว่าคนไทยมีหุ้นอยู่ด้วยนะ
พื้นที่จัดงาน Christmas เกินของไวท์แรงมาก อะ
หัวหน้าบอกว่าตรงสระน้ำตรงนี้ถ้าหนาวจริงๆ มันจะกลายเป็นนำ้แข็งถึงขั้นจัดงานบนน้ำแข็งได้เลย
ร้านค้าเต็มไปหมด
สถานีรถไฟฟ้ามาโผล่กลางเมืองเลย เดินทางสะดวกมาก หันไปทางซ้ายก็ Apple Store ละ
สถานที่ราชการอะไรสักอย่างนี้แหละจำชื่อไม่ได้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อย่ามองผมแบบนั้น ผมถ่ายแบบอยู่ ป้า
เสียดายคิวจองเต็ม รถ Model นี้เหมาะกับเจ้าของบล็อคมาก

ภาพบรรยาการขบวนพาเหรดเทศกาล Christmas คือคนเยอะมากเจ้าของบล็อคต้องปีนขึ้นไปถ่าย ในใจกลัวโดนด่ามาก

ภาพด้านล่างนี้จะเป็นสถานที่เดียวกันกับด้านบนแต่จะเป็นช่วงเวลากลางคืน เจ้าของบล็อคคิดว่ามันสวยกว่ากลางวันเพราะมีแสงสี นี่แหละชุดใหญ่ไฟกระพริบ

พอดีวันนี้เป็นวันที่ 1 December เป็นวันโรคเอดส์ เขาเลยเปิดไฟสีแดงเพื่อระลึกถึง
แสงสีนี้จัดเต็มมาก
บอกเลยว่าสาวเยอะเดินเบียดไปเบียดมา วู้ววววว
นั่งเอาไข่ตากลมเล่น เลยได้ภาพนี้มา

เที่ยวเมืองเก่าของเยอรมัน

ก่อนจะจบทริปก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมื่องเก่าของเยอรมันที่ชื่อว่า Oldenburger ที่นี่บ้านเรืองส่วนใหญ่จะคงสภาพเดิมมีอายุมากว่าร้อยปี แต่ก็จะมีบางส่วนที่ต่อเติมให้ดูทันสมัย และมีร้านค้าให้จับจ่ายใช้สอยกันเติมข้างทาง แต่ที่เจ้าของบล็อคชอบมากคงเป็นพื้นถนนที่มันเป็นอิฐที่มีลวดลายสวยงามเลยทีเดียวเชียว

พื้นถนนบ้านเขาสะอาดเนาะ อิอิ
ร้านค้าก็เติมทั้งสองข้างทาง
แวะกิน Burger King ที่เมืองเก่าของเยอรมัน ไฮโซ
จำไม่ได้ละว่าที่นี่คืออะไร ฮ่าๆ
ร้านนี้ก็เช่นกันไม่รู้ว่าเป็นร้านอะไร
ร้านค้าเยอะแยะ
อันนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นห้าง นะ
เทศกาล Christmas ที่โน้นคึกคักมาก
อันนี้น่าจะเป็นโบสถ์
ด้านหน้าของโบสถ์ในเมืองเก่า
ถ่ายไปเรื่อยอะ เจ้าของบล็อค

เมื่อฝนตกอยู่ดีๆ ก็กลายมาเป็นหิมะ เฉยเลยทุกคนทำตัวปกติหมดยกเว้นเจ้าของบล็อคที่ดีใจมาก กริ๊ดลั่นเลย

ครั้งแรกที่ได้สัมผัส หิมะ

เจ้าของบล็อคคิดว่าคนส่วนใหญ่ในไทยที่ดูหนังฝรั่ง หรือเกาหลีก็จะได้เห็นฉากที่เป็นหิมะแล้วรู้สึกว่าอยากจะสัมผัสกับมันสักครั้งหนึ่งในชีวิต “กูจะปั่นหิมะแล้วแดกแมร่ง” ใช่เลยเจ้าของบล็อคก็หนึ่งในนั้นเหมือนกัน และความคิดแรกของเจ้าของบล็อคที่คิดไว้เมื่อเจอ หิมะ ก็คือ จะถอดเสื้อผ้าให้เหลือแต่ Boxer แล้วถ่ายรูป แต่เอาเข้าจริงๆ กลับไม่ทำคำพูดต้มยำการกระทำต้มจืด ทำได้เพียงชิมหิมะเท่านั้นเพราะท่าทำจริงคงไม่ได้กลับไทย ฮ่าๆ

แล้วจะกลับยังไงจักรยานโดน แช่แข็ง
อย่างกะพระเอกเกาหลี อะ
อีกสักรูป นะ ไอ่เราก็หน้าตาไม่ใช่ธรรมดานี้ว้า
เมื่อในฉากหนัง Hollywood ยังไงยังงั้น เลย บ้าบอ
รอยเท้าแสดงให้เห็นถึงความหนาของ หิมะ
อันนี้เจ้าของบล็อคถามหัวหน้าแล้วนะว่ามันคืออะไร แต่ลืม แย่จริงๆ
มีนมข้นหวานสักกระป๋องไหม จะได้เอามาทำ บิงซู

เกือบลืมเจ้าของบล็อคมีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะแชร์ แต่ก่อนจะเล่าเจ้าของบล็อคต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของบล็อคคนเดียวเท่านั้น เอาล่ะเข้าเรื่องเลย…

ทำไมบ้านเมืองเขาสะอาดกว่าเราล่ะ ?

อันนี้ต้องยอมรับก่อนเลยว่ามันไม่ใช่จะสะอาด 100 เปอเซ็นต์ นะครับเพราะก็ยังมีบางจุดที่สกปรกอยู่ แต่ไอ่ที่สกปรกนะมันไม่ใช่ถุงพลาสติกหรือขวดน้ำเหมือนบ้านเราอะดิ คำถาม ละทำไมถึงไม่มีถุงพลาสติกหรือขวดเปล่าล่ะ? ที่โน้นเวลาซื้อของแม่ค้าเขาไม่ให้ถุงใส่ของกันหรอ?

ใช่ครับ ไม่มีถุงให้ฟรี อยากได้ต้องจ่ายตังค์ซื้อต่างหาก เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่ที่เยอรมันจะไปซื้อของต้องพกถุงไปเองครับตามคอนเซป “ยืดอกพกถุง” จึงเป็นคำตอบที่เจ้าของบล็อคไม่เห็นถุงพลาสติกตกเป็นขยะตามข้างทางเลย

สำหรับขวดน้ำ เช่น ขวดน้ำยี่ห้อหนึ่งราคา 17 บาท ที่ขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปนั้นขวดเปล่าที่โน้นเขามีมูลค่านะครับ เพราะสามารถเอาไปแลกคืนเป็นใบเสร็จเพื่อเอาไปแลกเป็นเงินได้ โดยเอาไปทิ้งที่ตู้รับขวดอัตโนมัติแล้วจะได้ใบเสร็จมา ซึ่งมูลค่าของขวดที่ว่านั่นมันไม่ใช่ถูกๆ เลย เพราะมันมีมูลค่าถึง 25 cent = 9.77 บาท เลยทีเดียว ลองคิดเล่นดู 100 cent = 1 euro = 39.09 บาท (อัตราเงินอ้างอิงวันที่ 2/01/2018)

หมายความว่าถ้าเก็บขวดเปล่า 4 ขวด ไปแลก ก็จะได้เงิน 1 euro พอเราคิดเล่นๆ ก็ลองมองย้อนกลับมาที่บ้านเราดูสักหน่อยว่ากี่ขวดถึงจะได้ 10 บาท? มันจึงเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยเห็นขวดเปล่าอยู่ข้างถนน เห็นเพียงแต่ขวดเบียร์อันนี้เข้าใจ ฮ่าๆ

สรุป

นี่นับว่าเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิตเจ้าของบล็อคเลยก็ว่าได้เพราะไม่เคยไปไหนนานเท่านี้มาก่อนยกเว้นเข้าค่าย รด. นะ แถมยังไปถึงยุโรปอีกถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ถ้าหากเจ้าของบล็อคไม่ได้มาทำงานที่บริษัทนี้ ซึ่งภาพถ่ายอาจะไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก เพราะทัศนียภาพที่ผ่านเข้ามาที่สองตามักจะสวยกว่าผ่านเลนส์กล้องอยู่แล้ว แล้วมันเป็นความทรงจำที่ดีมากสำหรับปี 2017 เลยแหละ เจ้าของบล็อคก็หวังว่าการผจญภัยครั้งใหม่ในปี 2018 นี้คงจะเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นไม่แพ้กับปีที่แล้วนะ สวัสดีปีใหม่ครับทุกๆ ท่าน

--

--