Apeiron Battle Design Primer 2 : Avatars — Perks, Boons, and Skills

ApeironTH
2 min readAug 4, 2022

--

การออกแบบระบบต่อสู้ของ Apeiron บทที่ 2 : Perks, Boons, และ Skills

ว่างายเหล่าพระเจ้าทั้งหลาย! ในบทความที่แล้วเราได้พูดถึงพื้นฐานของระบบการต่อสู้ด้วยการ์ดของเกม Apeiron กันไปแล้ว — ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านละก็ สามารถอ่านได้ ที่นี่ (ภาษาไทยจิ้มตรงนี้), เนื่องจากในบทความนี้จะต้องใช้ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ซึ่งอยู่ในบทความที่แล้ว ในบทความนี้เราจะลงลึกในการวิเคราะห์และเจาะลึกไปกับยูนิตที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามรบอย่างไม่ต้องสงสัย : อวตาร์

อาวล่ะ มาเริ่มกันเลย, อวตาร์จะมีองค์ประกอบมาจาก Elemental points จำนวน 100 แต้ม โดยขึ้นอยู่กับธาตุของดาวดวงนั้นๆ เอาแบบเจาะจงเลยก็คือมีดาวเคราะห์ที่มีธาตุแตกต่างกันทั้งหมดถึง 15 ธาตุ, และคลาสของอวตาร์อีก 3 คลาส — ทำให้มีอวตาร์ที่แตกต่างกันออกไปถึง 45 แบบเลยทีเดียว!

ธาตุแต่ละธาตุต่างก็มีวัตถุประสงค์ในตัวของมันที่ต่างกันออกไป รวมไปถึงทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละธาตุ ซึ่งมีตามนี้เลย :

1. ธาตุดิน
ธาตุดิน คือผู้ปกป้องโดยกำเนิด, ด้วยสกิลที่ช่วยเสริมเลือดและเกราะ, ในระหว่างที่มอบโล่ป้องกันให้กับเหล่าพันธมิตรไปด้วย ทั้งยังมีสกิลที่ช่วยในการขัดขวางศัตรูโดยการสตั๊นและทำให้พวกมันติดอยู่กับที่, ด้วยคาถาอันทรงอรรถประโยชน์ที่จะเสกป่าออกมาเพื่อมอบมิติและประสบการณ์ต่อสู้อันน่าตื่นตาตื่นใจ
อวตาร์ที่มีสกิลธาตุดินเยอะนั้นมีทั้งความถึกและสกิลที่ลดความสามารถในการต่อสู้ของศัตรู (CC) ดังนั้นคุณอาจจะนำ Apostles ที่มีความสามารถในการสร้างความเสียหายที่สูงแต่ต้องการการปกป้องมาเข้าทีม — เช่น นักเวทย์หรือนักอัญเชิญ, หรือคุณอาจจะไปอีกทางโดยนำนักรบและการ์เดี้ยนเข้ามาเพื่อสร้างทีมสุดแข็งแกร่งที่ยากจะทำลายก็ได้เช่นกัน

2. ธาตุน้ำ
ธาตุน้ำ เชี่ยวชาญในเวทย์มนต์, ด้วยความสามารถในการลดคูลดาวน์ของสกิลและสกิลเวทย์ที่หลากหลาย, ช่วยส่งเสริมในการสนับสนุนพันธมิตรและสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง
อวตาร์ที่มีสกิลธาตุน้ำเยอะนั้นช่วยให้ความไปได้ในการสร้างเด็คหลากหลายมากขึ้น, และทำให้เลือกได้ว่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนให้กับเหล่าแนวหน้าอย่าง อัศวิน, โจร, และพลปาหอก หรือ จะทำหน้าที่เป็นตัวสร้างดาเมจหลักและมี การ์เดี้ยน, อัศวิน, และนักรบเป็นคนคอยมาปกป้อง ในทางกลับกัน, คุณอาจจะใช้ประโยชน์จากความสามารถในการลดคูลดาวน์ของสกิลและนำเหล่าคนทรงและนักกวีมาทำการสแปมสกิลอันทรงพลังได้ถี่ขึ้น

3. ธาตุไฟ
ธาตุไฟ คือความเดือดดาลและการทำลายล้างอย่างแท้จริง ด้วยสกิล AOE อันทรงพลังที่มีมากมาย, พร้อมจะเผาศัตรูให้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา, แม้ว่ามันจะหมายถึงการเสียสละชีวิตของพันธมิตรในบางคราก็ตาม…
อวตาร์ที่มีสกิลธาตุไฟเยอะนั้นจะนำพาซึ่งความเจ็บปวดมาแก่เหล่าศัตรูอย่างแน่นอน, คุณอาจจะนำนักบวชหรือการ์เดี้ยนมาเข้าทีมเพื่อฮีลเหล่าพันธมิตรที่บาดเจ็บจากสกิล AoE ของอวตาร์ที่เสกมาเพื่อให้รอดจากการถูกทำลายล้าง หรืออีกแบบนึงเลยก็คือ, ไปทางที่สุดจะอันตรายโดยการนำนักรบคลั่งมาเข้าทีมด้วย, ด้วยความสามารถของนักรบคลั่งที่ยิ่งเลือดน้อยก็ยิ่งแข็งแกร่งจะทำให้นี่กลายเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้ผลลัพธ์ที่สูงเช่นเดียวกัน!

4. ธาตุลม
ธาตุลม ผู้แสวงหาความเร็ว เคลื่อนไหวไวกว่า, โจมตีก็ไวกว่า, การโค่นศัตรูลงก็ย่อมไวกว่า ในขณะที่ความเร็วในด้านต่างๆ สูงเกินไปจนศัตรูตอบโต้ไม่ทัน, ตัวผู้เล่นก็ต้องเร็วพอที่จะควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมเช่นกัน
อวตาร์ที่มีสกิลธาตุลมเยอะจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องอาศัยการควบคุมที่ดีในการแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ในสนามรบ สกิลเหล่านี้ท้าทายเหล่าผู้เล่นในการเล่นให้เชี่ยวชาญ, แต่มันคุ้มค่าที่จะสละเวลาในการเรียนรู้อย่างแน่นอน แต่นั่นก็จะทำให้ผู้เล่นต้องควบคุมอวตาร์ในสนามรบตลอดเวลา, ดังนั้นการนำ Apostles ที่ใช้ง่ายและดูแลตัวเองได้อย่างเช่น นักรบหรือนักธนูก็เป็นทางเลือกที่ดีเลย

เอาล่ะ, นั่นคงช่วยให้คุณพอจะนึกภาพออกว่าธาตุจะส่งผลต่อการกลยุทธ์ในการสร้างทีมของคุณยังไงบ้าง, งั้นทีนี้มาพูดถึงเรื่องสกิลกันบ้าง ถ้าจะให้พูดเจาะลึกลงไปละก็, อวตาร์นั้นจะมาพร้อมกับสกิลที่แตกต่างกัน 3 ชนิดนั่นคือ : Boons, Perks, และ Skills

Note: ระบบ Boons, Skills, และ Perks ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา, และสกิลต่างๆ ยังอาจจะไม่เป็นไปตามนี้เป๊ะๆ เราอาจเปลี่ยนแปลงบางสิ่งหรือทั้งหมดก็ได้ในระหว่างการพัฒนา

Boons แบ่งออกได้เป็นสองแบบ : ความสามารถติดตัวและความสามารถเมื่อหลอดพลังงานเต็ม ซึ่งจะมอบพลังที่แข็งแกร่งให้คุณได้ไปลองต่อยอด โดย Boon ที่เป็นความสามารถติดตัวจะขึ้นอยู่กับประเภทของดาว ในขณะที่ความสามารถแบบพลังงานจะขึ้นอยู่กับคลาสของอวตาร์ และนี่คือตัวอย่างของความสามารถติดตัวของดาวแต่ละประเภท :

  • Wasteland — Waste Warrior Glare — สร้างความเสียหายเพิ่มเติมให้กับเป้าหมายที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
  • Delta — River Run — หลังจากที่อวตาร์ใช้สกิล, การเคลื่อนไหวครั้งถัดไปของ อวตาร์จะเป็นการวาร์ปในระยะที่กำหนด
  • Gigas — Titanic Might — เมื่อใดก็ตามที่ Apostle, พันธมิตรหรือศัตรู, ตายในขอบเขตรอบๆ อวตาร์, จะทำให้อวตาร์ได้รับพลังชีวิตสูงสุดเพิ่ม, และเพิ่มขนาดตัวให้ใหญ่ขึ้นอีกด้วย โดยสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึงเท่าตัวจากขนาดปกติ

Perks คือความสามารถแบบติดตัวอีกแบบ — แต่แทนที่จะได้มันมาแบบอัตโนมัติ, คุณจะต้องทำการใช้ elemental points ในการปลดล็อกมัน Elemental points จะได้รับจากการเพิ่มเลเวลอวตาร์, และใช้มันในการปลดล็อกหรือเพิ่มระดับ perks ต่างๆ — สามารถได้รับสูงสุดถึง 20 elemental points เพื่อใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของ perk แต่ละอันได้, Perks จะแบ่ง Skill trees ออกเป็นธาตุได้ 4 หมวดได้แก่ ดิน, น้ำ, ลม, และไฟ

โปรดจำไว้ว่าคุณไม่สามารถใช้ elemental points ในการปลดล็อกธาตุนั้นๆ มากกว่าเปอร์เซ็นต์ธาตุที่ดาวดวงนั้นมี ตัวอย่างเช่นดาวของคุณมีองค์ประกอบของธาตุไฟ 10% , ดังนั้นคุณจะสามารถใช้ elemental points ใน Fire tree ได้เพียง 10 แต้มเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น, Perks บางอันอาจมีข้อกำหนดบางอย่างในการปลดล็อก

ใน skill tree ของแต่ละธาตุจะมี perks 8 อย่างที่สามารถปลดล็อคได้ และมี Perks หลายอันเลยที่สามารถใช้พร้อมกันได้ในการต่อสู้ มาดูตัวอย่าง perks จาก Fire tree กันหน่อยดีกว่า :

  • Ignited Savagery (Fire Perk Level 2) — สกิลของอวตาร์ไม่สนใจ (%) เกราะและต้านเวทย์ของเป้าหมาย
  • Burning Fury (Fire Perk Level 4) — อวตาร์จะได้รับ Burning Fury ทุกๆ 30 วินาที, สามารถสะสมได้ถึง 10 ครั้ง ทุกๆ ครั้งที่มีการสะสมจะส่งผลให้อวตาร์ได้รับ (%) ของค่าพลังโจมตีเป็นโบนัส
  • Blazing Pride (Fire Perk Level 6) — การทิ้งการ์ดจะมีค่าใช้จ่ายเป็นการลดเลือดอวตาร์แทนการใช้มานา

Skills จะมีวิธีการปลดล็อกคล้ายๆ กับ Perks โดยทุกๆ 20 แต้มจะทำให้ระดับสกิลขั้นใหม่ถูกปลดล็อก, และแต่ละระดับจะมาพร้อมกับสกิลการ์ดใหม่ๆให้ผู้เล่นได้เลือกไปใช้ในเด็คของตน โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ระดับด้วยกัน

ยิ่งไปกว่านั้น, สกิลการ์ดจะขึ้นอยู่กับธาตุและคลาสของอวตาร์ แถมยังมีสกิลพิเศษที่จะได้รับเมื่อมีการพัฒนาค่าความประพฤติไปจนถึงระดับหนึ่ง (ค่าความดีหรือความเลว), แต่เราจะค่อยมาอัปเดตเรื่องสกิลการ์ดของความประพฤติกันทีหลัง

เอาล่ะ มาดูสกิลบางสกิลที่จะสามารถได้รับจากการไปถึงระดับแรกของแต่ละคลาสกันหน่อยดีกว่า :

  • Windy Rebuke — Air Tier 1 Skill/The Wisdom — พุ่งเข้าไปหาฮีโร่ฝ่ายพันธมิตร, ได้รับสถานะ ghosted (เคลื่อนที่ทะลุยูนิตได้) ในขณะที่ได้รับโบนัสความเร็วเคลื่อนที่ 20% และมอบโล่จำนวนเท่ากับ [x](+80%INT) แก่เป้าหมายและตัวเองเมื่อไปถึงเป็นเวลา 3 วินาที
  • Rising Sun Slash — Fire Tier 1 Skill/The Fury — ฟันบริเวณรอบๆ ผู้ร่าย, สร้างความเสียหาย [x] เป็นความเสียหายเวทย์แก่ศัตรูในระยะ, แล้วทำการกระโดดไปยังบริเวณที่เลือก, สร้างความเสียหายเป็นจำนวนเท่ากันแก่ศัตรูที่โดนกระแทกและสร้างสถานะสโลว์ 60% แก่พวกมัน
  • Snow Shaping — Water Tier 1 Skill/The Fate — โยนบอลหิมะใส่เป้าหมายที่เป็นศัตรู, สร้างความเสียหาย [x] เป็นความเสียหายกายภาพ บอลหิมะจะตกลงข้างๆ เป้าหมายหลังจากนั้น 1 วินาที, โดยจะคงอยู่เป็นเวลา 4 วินาที ในระหว่างที่กำลังเก็บกู้บอลหิมะ, อวตาร์จะทำการอัญเชิญ Apostle หิมะออกมา, และอวตาร์ยังได้รับโล่เป็นจำนวนเท่ากับ 20% ของค่าพลังชีวิตสูงสุดของอวตาร์เป็นเวลา 3 วินาที หากลูกบอลหิมะฆ่าเป้าหมายได้, การ์ดใบนี้จะเด้งกลับมาเป็นการ์ดใบบนสุดของเด็คคุณ
  • Unyielding Rock — Earth Tier 1 Skill/The Fury — สร้างก้อนหินที่เคลื่อนไหวไม่ได้บนพื้นที่ที่เลือกเป็นเวลา 5 วินาที, และทำการผลักยูนิตทั้งหมดไปทิศตรงกันข้าม 1 ยูนิตจากจุดศูนย์กลางที่ร่างเวทย์ไป, สร้างความเสียหายเวทย์มนต์ [x](+50%INT) แก่ศัตรูที่โดน, และสร้างสถานะสโลว์ 40% แก่พวกมัน

โอเช! น่าจะมากพอแล้วสำหรับตอนนี้ แล้วก็, ตอนนี้ผมเห็นฝ่ายออกแบบระบบต่อสู้กำลังมองมาที่ผม, แล้วผมก็คิดว่าพวกเค้าคงไม่อยากให้ผมสปอยล์อะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะ ฮ่าฮ่า ยังไงก็ตาม! เราหวังว่าคุณจะเพลิดเพลินไปกับบทความนี้ คุณตื่นเต้นที่จะออกแบบทีมของคุณเองมั้ย? เราหวังว่าจะเป็นงั้นนะ! มาร่วมพูดคุยและถกเถียงถึงแผนสุดอลังของคุณกับพวกเราบน Discord, หรือใน Telegram, หรือ Twitter ก็ได้เช่นกัน (แต่ก็นะ, มาที่ดิสคอตเถอะ)

ขอขอบคุณที่อ่านจนจบเช่นเคย! แล้วเจอกันใหม่ในบทความต่อๆ ไป ซียูอะเกนนน~

--

--

ApeironTH

- Translate Official Medium of Apeiron to TH language -