Apeiron Battle Design Primer 3: Adventuring with Apostles

ApeironTH
3 min readAug 15, 2022

--

การออกแบบระบบต่อสู้ของ Apeiron บทที่ 3: พจญภัยไปกับ Apostle

ว่างายเหล่าพระเจ้าทั้งหลาย! ช่วงนี้ข้อมูลเราโหลดแน่นกันหน่อยนะ — ไม่กี่วันก่อนเราพึ่งจะประกาศรายละเอียดแรกของอีเว้นต์ Sacred Star Presale ที่กำลังจะมาในเดือนหน้าแล้ว, และเรายังมี Mini Guild Wars ครั้งแรกที่จะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (2 ทุ่ม วันที่ 7 กรกฎาคม 2565) แต่นั่นก็หยุดเราไม่ได้หรอก!

บทความในวันนี้เราจะมาพูดถึงการออกแบบระบบต่อสู้ของ Apeiron เป็นบทความที่ 3 แล้วที่เราปล่อยออกมาก่อนที่เราจะปล่อย battle demo ออกมาให้ได้รับชมกัน! ในบทความที่แล้วเราได้พูดถึง อวตาร์, ยูนิตที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามรบที่คุณสามารถจะควบคุมได้ และตอนนี้เราก็เปลี่ยนมาโฟกัสกับเหล่าผู้สนับสนุนตัว : Apostles ผู้แข็งแกร่งที่จะมาคอยสู้อยู่เคียงข้างกายคุณ

แต่ก่อนที่เราจะคุยกันถึงเรื่องนั้น, เราอยากจะเตือนคุณอีกรอบว่า Mini Guild Wars นั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! มุ่งหน้าไปที่ดิสคอร์ดของเราและเชียร์ทีมที่ชอบ, รับชมความสนุก, และสุ่มรับของรางวัลรวมมูลค่าสูงถึง 1000 USD !

อ้อ อีกเรื่อง: จากบทความ Sacred Star Presale ที่เราได้ปล่อยออกมา, เราอยากรู้ว่าทุกคนในคอมมูนิตี้มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างและโปรดบอกเราว่าควรเปลี่ยนตรงไหนอย่างไร, รวมไปถึงการเปลี่ยน Mark ที่ต้องการสำหรับสิทธิ VID Whitelist และเปลี่ยนให้มันง่ายขึ้นสำหรับเหล่าผู้ที่ถือสินทรัพย์ของเราในการได้สิทธิ whitelisted

เรายังอยากย้ำอีกทีว่าในอนาคต หลักๆ แล้ว Stars จะสามารถได้รับผ่าน Nebula Expeditions ซึ่งจะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเหล่าผู้ที่ถือสินทรัพย์ของเราเท่านั้น โปรดมั่นใจได้เลยเราจะปล่อยข้อมูลออกมาเรื่อยๆ และเราจะคอยทำงานพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากคอมมูนิตี้อย่างใกล้ชิด

เอาล่ะ, อัปเดตสถานการณ์ของเรากันพอเเล้ว, ไปต่อกันที่หัวข้อหลักกันเลยดีกว่า…

Apostles ไงล่ะ! Apostles คือเหล่าดู๊ดฮีโร่ผู้คอยอยู่ข้างอวตาร์ในสนามรบ, เหล่าผู้ติดตามที่ศรัทธาของคุณ โดย Apostle จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 คลาสด้วยกัน, และในแต่ละคลาสก็จะมี Skill card pool ด้วยกันทั้งหมด 8 สกิล เมื่อคุณได้รับ Apostle, มันจะมาพร้อมกับสกิลแบบสุ่ม 3 สกิลจากใน class pool, ซึ่งคุณสามารถนำมาใส่ในเด็คสำหรับต่อสู้ 15 ใบ โดยจะต้องนำ Apostle ตนนั้นไปสู้ด้วย ในแต่ละคลาสก็จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย…

และตารางอันนี้ก็คงจะทำให้คุณเห็นภาพมากขึ้น! นอกจากสกิลของพวกมันแล้ว, Apostles ยังมีสกิลติดตัวที่จะทำงานอัตโนมัติเมื่อหลอดพลังงานของ Apostle เต็มหลอด (เมื่อได้รับหรือสร้างความเสียหายปริมาณหนึ่ง)

เมื่อเข้าสู่สนามรบ, คุณจะไม่สามารถควบคุม Apostles ได้โดยตรง, แต่จะสามารถให้คำสั่งพวกมันโดยการใช้สกิลแทน ตอนที่ไม่ได้ใช้สกิล, Apostles จะเดินไปข้างหน้าจนกว่าจะถึงศัตรูในระยะตีของพวกมัน, แล้วพวกมันก็จะเริ่มทำการโจมตีปกติ

สำหรับ battle demo, คุณจะได้เห็น skills และความสามารถต่างๆ ได้แสดงออกมา, ซึ่งเราจะมาพูดกันตรงเนี้ยแหละ! ไปดูกันเลยดีกว่า, แต่มีข้อแม้ติ๊ดนึง…

สกิลและสกิลติดตัวที่อยู่ด้านล่างยังอยู่ในการพัฒนาอยู่,และยังไม่อยู่ในรูปแบบสุดท้ายที่พร้อมที่สุด เราสามารถทำการเปลี่ยนแปลงอะไรก็หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงทั้งหมดตามที่เราได้พิจารณาและพัฒนาเกมต่อไป

นักรบ [Warrior]

นักรบคือเจ้าแห่งการโจมตีและป้องกัน, ทำให้มันกลายเป็นแนวหน้าที่ไว้ใจได้ พวกมันจะมาพร้อมกับสกิลระยะใกล้ที่หลากหลายและมีเลือดกับเกราะจำนวนหนึ่ง, ช่วยให้สามารถยืนอยู่ในสนาบรบขณะสู้ได้ด้วยตัวเอง

สกิลติดตัว: Hangry Whirlwind — [เมื่อพลังงานเต็ม] จู่โจมศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ , สร้าง [100%ATK] เป็นความเสียหายกายภาพ, และฮีลตัวเองเป็นจำนวน 30% ของความเสียหายที่สร้างได้

สกิล:

  • Jump’n’Bash — กระโดดไปหาเป้าหมายในบริเวณที่เลือกและจู่โจมพวกมันเพื่อสร้าง [x] เป็นความเสียหายกายภาพ หากเป้าหมายติดสถานะสโลว์หรือสตั๊นอยู่, พวกมันจะได้รับความเสียหายเป็นสองเท่าแทน
  • Flying Axe — ขว้างขวานไปยังทิศทางที่เลือก, สร้างความเสียหายแก่ศัตรูตัวแรกที่โดนและสร้างสถานะสโลว์ 20% แก่มันเป็นเวลา 2 วินาที
  • Slamma Jamma — หลังจากผ่านไป 2 วินาที, ผู้ร่ายเหวี่ยงอาวุธเป็นรูปกรวยลงไปในทิศทางที่เลือกและสร้างความเสียหาย [x](+75%ATK) เป็นความเสียหายกายภาพแก่ศัตรูที่โดนและทำให้พวกมันลอยขึ้นเป็นเวลา 0.5 วินาที หากศัตรูติดสถานะสโลว์หรือสตั๊นอยู่แล้ว, พวกมันจะได้รับความเสียหายเป็นสองเท่าแทน โดยจะสร้างความเสียหายแก่อวตาร์เป็น 150%

จอมเวทย์ (Mage)

จอมเวทย์คือพ่อมดผู้ชาญฉลาดที่สามารถเรียกใช้พลังของธาตุต่างๆ ได้ โดยสกิลส่วนใหญ่ของจอมเวทย์จะเป็นสกิลสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง (AoE) การเตรียมพร้อมสำหรับ Fireball อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่คุณต้องการสำหรับชัยชนะก็ได้, แต่การร่ายพลาดอาจนำพาไปสู่การพ่ายแพ้ในศึกนั้นเช่นกัน…

สกิลติดตัว: Spirit Bomb — [เมื่อพลังงานเต็ม] โยนลูกแก้วพลังงานไปหาศัตรูตรงตำแหน่งที่อวตาร์กำลังเล็งอยู่, โดยจะลงพื้นหลังจากผ่านไป 1 วินาที, สร้าง [50 + 60% INT] เป็นความเสียหายเวทย์มนต์แก่ศัตรูทั้งหมดในพื้นที่เมื่อลูกแก้วกระทบ

สกิล:

  • Lift // Fall — ทำการกระแทก Apostles ฝ่ายศัตรูทั้งหมดในพื้นที่ให้ลอยขึ้นเป็นเวลา 3 วินาที, สร้าง [x](+15% Max HP) เป็นความเสียหายเวทย์มนต์เมื่อตกลงสู่พื้น
  • Danger Circle — ขว้างวงแหวนเวทย์ไปยังทิศทางเป้าหมาย, สร้าง [75](+30%INT) เป็นความเสียหายเวทย์มนต์แก่ศัตรู 2 ตัวแรกที่วงเวทย์ผ่านและ
    ทำการสตั๊นพวกมันเป็นเวลา 1.5 วินาที
  • Starcaller — ทำการเรียกอุกกาบาตให้ตกลงมา 10 ลูกในระยะเวลา 5 วินาที โดยจะทำการตกใส่ศัตรูในระยะแบบสุ่ม, แต่ละลูกสร้าง [60](+50%INT) เป็นความเสียหายเวทย์มนต์

โจร (Rogue)

โจรเป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งศาสตร์การเร้นสังหาร ด้วยสกิลที่แยบยลและว่องไว, ด้วยเหตุนั้นทำให้มันสามารถลอบไปยังตำแหน่งเป้าหมายและสังหารเหล่าเป้าหมายที่อ่อนแอเช่น นักเวทย์ ลงได้อย่างรวดเร็ว, การตัดนักเวทย์ออกไปถือว่าส่งผลดีอย่างมาก, แต่การจะหลบหนีออกมาจากแนวหลังของศัตรูก็เป็นส่วนที่ต้องการใช้ความแยบยลอยู่เหมือนกัน

สกิลติดตัว: From Behind — [เมื่อพลังงานเต็ม] กระโดดไปข้างหลังศัตรูที่เลือดต่ำที่สุดในระยะและสร้างความเสียหาย [x](+100% ATK) เป็นความเสียหายกายภาพ on-hit

สกิล:

  • Sneaky Strike — ผู้ร่ายได้รับ +50% โบนัสความเร็วโจมตีในการโจมตี 4 ครั้งถัดไปในช่วงระยะเวลา 4 วินาทีและการโจมตีครั้งที่ 4 จะสร้างโบนัสความเสียหายเพิ่มเติม +50%
  • Can’t Touch This — ทำการหลบหลีกการโจมตีปกติทั้งหมดเป็นระยะเวลา 3 วินาทีเมื่อสิ้นสุดสกิล, สร้างความเสียหาย [40](+20% ATK) เป็นความเสียหายกายภาพแก่ศัตรูที่อยู่รอบข้าง, เพิ่มดาเมจขึ้น 20% ต่อทุกการโจมตีที่หลบได้ (Jax ชัดๆ)
  • Ninjutsu — ผู้ร่ายทำการสร้างร่างโคลนเงา, ก่อนจะทำการเทเลพอร์ตไปยังตำแหน่งเป้าหมาย ร่างโคลนจะมีค่าสถานะเท่ากับผู้ร่าย 100%, และจะเลือดลด 10% จากพลังชีวิตสูงสุดทุกๆ วินาที, และทำการโจมตีปกติใส่ศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุด

ผู้พิทักษ์ (Guardian)

ผู้พิทักษ์จะทำการปกป้องพวกพ้องด้วยสกิลที่เน้นการป้องกัน, และทำหน้าที่เป็นตัวแทงค์หลักของทีม เขาจะคอยอยู่ติดกับพันธมิตรที่ต้องการความช่วยเหลือและคอยมอบความทนทานแก่ทีมด้วยบัพที่คอยช่วยชีวิตและพลังในการฮีล

สกิลติดตัว: Sentinel’s Smash [เมื่อพลังงานเต็ม] ทำการกระแทกศัตรูที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยโล่, สร้างความเสียหาย [50](+5% จากพลังชีวิตสูงสุด)(+20% ATK) เป็นความเสียหายกายภาพและผลักศัตรูออกไป

สกิล:

  • I’m Coming! — ทำการพุ่งไปหาพันธมิตรที่มีพลังชีวิตต่ำที่สุดในระยะ, โดยเรียงลำดับความสำคัญให้อวตาร์ก่อน, และมอบโล่ให้แก่ทั้งคู่จำนวน [60](+20%INT) เป็นเวลา3 วินาที
  • Day of Judgement — ทำการเรียกพลังจากสรวงสวรรค์ให้โจมตีใส่เป้าหมายศัตรู, สร้างความเสียหาย [150](+30% ของพลังชีวิตที่หายไปจากเป้าหมาย) เป็นความเสียหายเวทย์ อวตาร์ได้รับความเสียหายเพียว
  • Shield Bash — กระโดดไปยังบริเวณเป้าหมายที่เลือก, สร้างความเสียหาย [60](+50%DEF) เป็นความเสียหายกายภาพและทำการสตั๊นมันเป็นเวลา 2 วินาที

นักธนู (Hunter)

นักธนูจะคอยยิงเป้าหมายจากระยะไกล โดยใช้พันธมิตรเป็นที่กำบัง, นักธนูสามารถจัดการโค่นทีมศัตรูได้ทั้งทีมไปทีละตัวๆ เขามีสกิลซึ่งช่วยให้เขาสามารถเล็งเป้าหมายได้อย่างมั่นใจ, และสร้างความเสียหายได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม, ในการต่อสู้ระยะประชิด, เขาจะตัวแตกอย่างรวดเร็ว

สกิลติดตัว: Sniped! — [เมื่อพลังงานเต็ม] สร้าง Hunting Mark บนเป้าหมายสองตัวแบบสุ่มเป็นเวลา 4 วินาที ความเสียหายจากการโจมตีของพันธมิตรแก่เป้าหมายจะทำการระเบิด mark, สร้างความเสียหาย [50]+(15%ATK) เป็นความเสียหายกายภาพ

สกิล:

  • Piercing Shot — ผู้ร่ายทำการเล็ง, หลังจากนั้น 1.5 วินาที, จะยิงลูกธนูเจาะทะลุไปยังอวตาร์ของศัตรู, สร้างความเสียหาย [100](+40%ATK) เป็นความเสียหายกายภาพแก่ศัตรู 2 ตัวแรกที่อยู่ในเส้นทางของลูกธนู ความเสียหายจะเพิ่มเป็นสองเท่าหากลูกธนูยิงไปโดนอวตาร์ของศัตรู
  • In the Zone — เข้าสู่ “focus mode” เป็นระยะเวลา 6 วินาที ผู้ร่ายจะติดสถานะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้และได้รับความเร็วโจมตีเพิ่มขึ้น 45% , ในระหว่างนี้การโจมตีปกติจะถูกเสริมพลัง, โดยเป็นการยิงลูกธนูเพิ่มขึ้นไปหาศัตรู 2 ตัวที่อยู่ข้างหน้า, โดยแต่ละลูกจะสร้างความเสียหาย [0](+40%ATK) เป็นความเสียหายกายภาพ
  • Sliding Dash — ผู้ร่ายเข้าสู่สถานะไม่สามารถตกเป็นเป้าหมายได้เป็นระยะเวลา 0.75 วินาที, วาร์ปไปยังตำแหน่งเป้าหมาย, และทำการสตั๊น Apostles ฝ่ายศัตรูทุกตัวที่มีเลือด 50% หรือต่ำกว่าระหว่างที่ไปถึง โดยค่าร่ายของ “Sliding Dash” ในระหว่างที่อยู่ในมือจะลดลง 1 หน่วยสำหรับทุกการโจมตีปกติที่ผู้ร่ายได้โจมตีไป

นักบวช (Priest)

นักบวชคือฮีลเลอร์ของคุณ เขามีสกิลในการฟื้นฟูอันทรงพลังที่จะช่วยรักษาเหล่า Apostle ที่บาดเจ็บของคุณ, และยังสามารถฟื้นคืนชีพพันธมิตรได้ทันทีอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น, ที่มันค่อนข้างเกินไปหน่อยก็คือ, เขามีสกิลที่จะสามารถสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ศัตรูที่ได้ฆ่าพันธมิตรฝ่ายเราไป

สกิลติดตัว: Juicin’ Up — [เมื่อพลังงานเต็ม] ฟื้นฟูพลังชีวิต [125] หน่วยแก่พันธมิตรที่พลังชีวิตต่ำที่สุดและการฟื้นฟูจะเพิ่มเป็น [250] เมื่อเป้าหมายมีพลังชีวิตต่ำกว่า 40%

สกิล:

  • Revenge — เลือกเป้าหมายฝ่ายพันธมิตร, สร้างความเสียหาย [50](+10%INT) เป็นความเสียหายเวทย์แก่ศัตรูรอบข้างเป้าหมาย และความเสียหายจะเพิ่มขึ้นตามพลังชีวิตที่หายไปของเป้าหมายฝ่ายพันธมิตรโดยเพิ่มได้มากถึง 50%
  • Divine Fountain — สร้างเขตแดนขึ้นมาตรงที่พื้นที่เลือกเป็นระยะเวลา 10 วินาที, ฟื้นฟูพลังชีวิตพันธมิตรทั้งหมดที่อยู่ด้านในพื้นที่นั้นเป็นจำนวน [10](+15% INT) ทุกๆ วินาที
  • Cheerleading — การโจมตีปกติของผู้ร่ายและพันธมิตรจะได้รับการเสริมความเร็วโจมตี 25% และ 30INT เป็นเวลา 6 วินาที

จนถึงตอนนี้, คุณอาจสงสัยว่าจะไปหาเจ้า Apostles ที่ไหนล่ะ? แล้วจะได้พวกมันมายังไงล่ะ? จริงๆ แล้วเหล่า Apostles เหล่านี้ก็คือ NFTs นั้นแหละ, และพวกมันก็หาซื้อได้แล้วตามลิงก์นี้เลย Origins Collection Apostles โดยอยู่บน OpenSea ณ ตอนนี้, เมื่อเกมเปิดให้เล่น, คุณจะสามารถช่วยเหลือเหล่าวิญญาณของ Apostle ที่หลงทางจาก Paths of Dirac เพื่อเพิ่มเข้ามาในกองกำลังของคุณ

เยี่ยมเลย! นั่นแหละคือทั้งหมดของบทความนี้ มีคำถามมั้ย? มีไอเดียสำหรับการสร้างทีม? เห็นภาพคอมโบสกิลจากเหล่าสกิลและความสามารถที่เราออกแบบมาอย่างปรานีตแล้วใช่มั้ยล่ะ? บอกเราหน่อยสิ! มาบอกเราที่ Twitter, Telegram, และ Discord, แล้วมาคุยกับเราเรื่อง Apostles, Apeiron, หรือจะอะไรก็ได้เลย!

ขอขอบคุณที่อ่านจนจบเช่นเคย! แล้วเจอกันใหม่ในบทความต่อๆ ไป ซียูอะเกนนน~

--

--

ApeironTH

- Translate Official Medium of Apeiron to TH language -