MY NAME IS RED
“รักคือการมองเห็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ และปรารถนาจะเก็บสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นไว้กลางใจเสมอ”
วรรณกรรมเล่มหนาสัญชาติตุรกีอีกเล่มของนักเขียนระดับรางวัลโนเบล Orhan Pamuk
เรื่องนี้ย้อนกันไปถึงตอนที่ตุรกียังใช้ชื่อว่าจักรวรรดิออตโตมันเลย
จุดเริ่มของเรื่องอยู่ที่การฆาตรกรรม
แต่เนื้อหาไปไกลกว่า “ใครฆ่า” หลายขุมนัก
“จมูกม้า” เป็นเบาะแสของการฆาตรกรรม!
ส่วนตัว จับธีมของเรื่องได้ว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างรัฐศาสนา (religious state) กับการเข้าสู่รัฐฆาราวาส (secular state) ผ่านการต่อสู้ทางความคิด กับฝีไม้ลายมือของจิตรกร
ไม่ใช่ต่อสู้ battle กันโต้งๆ แต่เป็นการต่อสู้แบบการเมืองวัฒนธรรม
ความเป็นรัฐฆาราวาสมันพยายามแทรกซึมเข้าไปในรัฐศาสนามาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว
“ภาพวาดคือความเงียบทางความคิด และเสียงดนตรีขับกล่อมสายตา”
ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจิตรกรสมัยนั้นมีข้อจำกัด
ใครจะไปรู้ว่าการวาดภาพแบบมีมิติ (perspective) รวมไปถึงการวาดภาพ “คน” เป็นการเลียนแบบงานของ “พระเจ้า”
อีกทั้งพาไปรับรู้ความหมาย และคุณค่าของ “ภาพเหมือน (portrait)”
ถ้าไม่มีภาพเหมือน เราจะเชื่อความทรงจำของเราได้แค่ไหน?
ผู้เขียนพาไปถึงแก่นการใช้ชีวิตของคนยุคนั้น เห็นภาพการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมประเพณีในระดับเปิดโลกเลยทีเดียว
ผ่านการเล่าเรื่องโดยวิธีที่เด็ด คือผู้เล่าเป็นบุคคลที่หนึ่ง ใช้สรรพนามเรียกตัวเองว่า “ข้า” เพียงแต่สลับเปลี่ยนกันไปในแต่ละบท
“ข้า” ที่ผลัดกันมาเล่าเรื่องผ่านปากของตัวเอง ล้วนรับรู้ว่ากำลังเล่าให้ “คนอ่าน” ฟัง
เรียกได้ว่าได้รู้ซึ้งถึงเบื้องลึกเบื้องหลังตัวละครกันทุกตัว และบางตัวมีวาระซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยเรื่องราวให้ “คนอ่าน” อย่างเรารู้เฉลยกันง่ายๆ
แน่นอน ตัวฆาตรกรก็เรียกตัวเองว่า “ข้า” เช่นกัน
ดังนั้น กว่าจะรู้ถึงตัวฆารตกร ก็ปาไปถึงตอนจะจบเล่มแล้ว
ที่อลังการมากอีกอย่าง คือการเล่าเรื่องผสมผสานไปกับการบรรยายงานศิลปะที่มีอิทธิพลในยุคสมัยนั้น แม้ผู้อ่านจะไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อ ไม่เคยเห็นภาพเหล่านั้น ก็ยังรู้สึกว่า เฮ้ย มันอลังการ
“คนมีเหตุผลย่อมรู้ว่ารักซึ่งปราศจากความหวังเป็นเรื่องป่วยการ”
เรื่องราวความรักของชายหญิงในเรื่องนี้ บอกเลยว่ารสชาติขมฝาด
มันไม่ได้มีพื้นฐานอยู่บน “ความรัก” เท่านั้น
มันเป็นความรักที่ไม่ได้หวานใสอย่างวัยแรกรุ่น แถมยังเต็มไปด้วยความช้ำ และการบีบคั้นทางศีลธรรม
หนังสือเล่มนี้แม้จะหนา แต่ก็นับว่าอ่านได้รวดเร็ว ไหลลื่น พลิกได้หน้าต่อหน้า
ความรู้สึกเมื่ออ่านจบคือสนุก ทึ่ง และแปลกใหม่
เหมือนได้เสพงานที่เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ศิลป์ยังไงยังงั้น
และโปรดอย่าถามว่า “RED คือใคร”
PS
“อย่าให้พูดเลยว่าแมวอิสตันบูลผยองกันขนาดไหน เพราะถูกชาวบ้านตามใจจนเคยตัว”
ทาสแมวพึงรู้ไว้เถิดว่า อิสตันบูลเป็นเมืองแมวมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน
ส่วนคอกาแฟก็พึงรู้ไว้เถิดว่า ร้านกาแฟมีตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมันแล้วเช่นกัน
— -
หนังสือ MY NAME IS RED
ผู้เขียน Orhan Pamuk
ผู้แปล นันทวัน เติมแสงศิริศักดิ์
Matichon Book — สำนักพิมพ์มติชน