กำเนิดผังหล่อซู
ผังหล่อซู่ (洛書) ตามตำนานว่ามาจากหลังเต่า แต่จริง ๆ มาจากไหนกัน?
ทุกท่านที่เคยได้เรียนฮวงจุ้ยมา โดยเฉพาะวิชาดาวเหินย่อมจะต้องรู้จัก ผังหล่อซู่ (洛書 — luò shū, ลั่ว ซู̲) เป็นอย่างดี เพราะว่าเป็นผังพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้และเข้าใจ เพื่อใช้ในการเดินดาว ซึ่งสมัยที่ได้เรียนมาจากสำนักต่าง ๆ ก็เล่าให้ฟังว่าผังนี้มันเกิดจากมีคนไปเจออยู่บนหลังเต่า!!!!
ตอนที่เรียนก็เกิดความอึ้งขึ้นมาทันทีว่า มันไปอยู่บนหลังเต่าได้ไง และ คนที่เห็น เห็นแล้วรู้ได้ไงว่าไอ้จุด ๆ นี่คือความลับของจักรวาล แต่ละแถวบวกกันได้ 15 และพอเริ่มเรียนไป ก็เริ่มท่องจำให้ชำนาญว่า เวลาเหินดาวมันเหินจากทิศไหนไปทิศไหนบ้าง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ทำไมดาวมันกระโดดไปกระโดดมา แล้วทำไมต้องกระโดดตามนี้ด้วย มีกฎหรือทฤษฎีอะไรอยู่เบื่องหลังรูปแบบนี้
หลังจากเกิดข้อสงสัยอยู่นาน ผมก็เจอปรมาจารย์ท่านหนึ่ง (ท่านไม่ประสงค์เปิดเผยตัว) ได้อธิบายให้ฟัง ดังนี้
ขั้นที่ 1
เรานำเอา หยิน-หยาง มาแตกไปเรื่อย ๆ จาก 2 (หยิน-หยาง) เป็น 4 ทิศ, จาก 4 ทิศ เป็น 8 ข่วย เราจะได้ตามภาพ ซึ่งเป็นการแสดงข่วยตามพลังของหยิน-หยาง
ขั้นที่ 2
ถ้าเรานำข่วยทั้ง 8 มาเรียงตาม ลักษณะหยิน-หยางที่ปรากฎ เราจะได้ดังรูปด้านล่าง
ลักษณะของหยิน-หยาง ที่ปรากฏ คืออะไร เช่นตอน ตี 4 นับเป็นพลังหยางแล้ว (เข้าสู่วันใหม่ เลยเที่ยงคืนมาแล้ว) แต่ว่ายังมืดอยู่ไม่มีแสงสว่าง การแสดงออกจึงเป็นหยิน (กลางคืน) หรือ ตอน บ่าย 3 นับเป็นพลังหยินแล้ว เพราะเลยเที่ยงวันมาแล้ว แต่ยังสว่างอยู่ แถมร้อนด้วย
หรือ กระเทย จะเห็นว่าเพศ (พลัง) จริง ๆ เป็นผู้ชาย แต่ลักษณะที่ปรากฏเป็น ผู้หญิง (บางคนสวยกว่าผู้หญิงจริงอีก)
เมื่อเราเรียงตามลักษณะที่ปรากฏของข่วย เราจะเรียงโดยอาศัยการดูว่า ข่วยไหนมีความแตกต่างจากข่วยที่เหลือ หรือ เรียกว่า
มองหาหยินในหยาง มองหาหยางในหยิน
ซึ่งลักษณะความเป็นหยิน หยาง ที่มากที่สุด คือ การเป็นหยิน หรือ หยาง หมดทั้ง 3 เส้น โดยเราให้ หยินมากสุดเป็น 1 หยางมากสุดเป็น 9
จากนั้น เส้นล่างสุด ที่มีความแตกต่างจาก 2 เส้นด้านบน ก็จะมีลักษณะหยิน-หยางที่ปรากฏมาก รองลงมา จึงให้ หยินมากสุดอันดับ 2 เป็น 2 และให้ หยางมากสุดอันดับ 2 เป็น 8
ด้วยวิธีเดียวกัน เราก็ทำกับเส้นกลาง และ เส้นบน ก็จะได้ตามภาพ
ขั้นที่ 3
นำตัวเลข และลำดับ หยิน-หยาง ที่กำหนดจากขั้นตอนที่ 2 มาใส่ในภาพขั้นตอน ที่ 1 ก็จะได้ตามภาพด้านล่าง
ซึ่งเป็นการแสดงข่วยตามปกติ (เรียงตามพลังของหยิน-หยาง) แต่ได้มีการกำหนด ลำดับ (เลข) โดยลักษณะของหยินหยางที่ปรากฎ
ขั้นที่ 4
เรากำลังจะนำข้อมูลที่ได้จากขั้นที่ 3 มาเขียนเป็นวงกลม โดยในซีกซ้าย เราจะเริ่มจากด้านล่างแล้วเขียนข่วยทวนเข็มไป ส่วนซีกขวาเราอ่านจากข่วยขาวสุด (เส้นเต็ม 3 เส้น หรือ ลำดับที่ 9) โดยเริ่มเขียนจากด้านบนไปทางทวนเข็ม
เมื่อเราเขียนสำเร็จก็จะได้ตามภาพด้านล่าง ซึ่งผังนี้เราจะเรียกกันว่าผัง “ข่วยก่อนฟ้า” หรือที่ซินแสเรียกกันว่า “เซียนเทียนปากั้ว (先天八卦)”
ขั้นที่ 5
นำข้อมูลที่ได้จากขั้นต้น มาใส่เลขลำดับของลักษณะ หยิน-หยาง ที่ปรากฎ ก็ได้ได้ตามภาพด้านล่าง ซึ่งตอนนี้เราจะเห็นแล้วว่า หลอซู มันมาได้อย่างไร
สรุป
จากขั้นตอนทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่า ผังหลอซู ที่เป็นความลับมานาน รวมไปถึงนิทานที่ว่ามาจากหลังเต่า เบื่องหลังวิชาที่แท้จริง คืออะไร
จุดที่น่าสนใจก็คือ
“การเหินดาว” ในวิชาดาวเหินนั้น แท้จริงแล้วคือ “ลำดับ” ของลักษณะที่แสดงออกมาของหยิน-หยาง
ดาวจริงๆ ไม่ได้เหินไปไหน ที่เปลี่ยนไปคือ หยิน-หยาง ในแต่ละช่วงเวลา และ
พลังจริงๆ หมุนเป็นวงกลม ไม่ได้เหินกระโดดไปกระโดดมาตามเลข แต่ลักษณะของหยิน-หยางแสดงออกมาต่างหาก ที่ให้เหมือนมันเหินไปมา
ส่งท้าย
หวังว่าทุกท่าน คงได้รับประโยชน์จาก บทความแรกสำหรับ ซีรี่ย์ [กำเนิดฮวงจุ้ย] จุดประสงค์ของผม คือ การเผยแพร่ความรู้ ที่ผมใช้เวลา 20 ปีในการศึกษามา โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อที่คนรุ่นหลัง ไม่ต้องเสียเวลา 20 ปีเพื่อตามหาเหมือนผม (เผื่อผมเกิดมาชาติหน้าจะได้มาอ่านบทความนี้ต่อเลย 5555)
และจะได้เป็นการพัฒนาวงการฮวงจุ้ยในประเทศไทยต่อไปอีกด้วย เรียกว่าเป็นการศึกษาต่อยอด
การเข้าใจความรู้พื้นฐานเหล่านี้จะมีประโยชน์ อนันต์ ในการศึกษาวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวกับฮวงจุ้ย และ ดวงจีน อย่างมาก และ ยังช่วยให้เราตัดสินใจได้ด้วย ว่า อันไหนของจริง หรือ แปลกๆ
ข้อมูลทั้งหมดนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ สามารถเผยแพร่ได้เต็มที่ แต่ถ้าจะนำไปใช้ หรือ นำไปสอน รบกวนบอกผมหน่อยก็จะเป็นประโยชน์กับผมมาก จะได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ต่อไป
บนความต่อไป จะพูดถึงเรื่องหยิน-หยาง ในมุมที่เป็นต้นกำเนิดของหยิน-หยาง ที่คนทั่วไปยังไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน ว่า หยิน-หยาง แท้จริงแล้ว (แน่นอนว่าผมไม่ได้อธิบายแค่ มืด-สว่าง)คือ อะไร กำเนิดจากอะไร (แน่นอนอีกเช่นกันว่า ไม่ได้อธิบายว่าเกิดจาก ไท่จี้) การเข้าใจหยิน-หยาง ในมุมที่ผมจะอธิบาย จะทำให้เข้าใจได้ชัดเจนว่า 5 ธาตุกำเนิดมายังไง (รวมถึง วิชาอื่นๆ ด้วย)
ขอบคุณทุกท่าน
ถ้าสนใจติดตาม บทความอื่น ๆ สามารถไปกด Like ได้ที่ Facebook
https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/
ภาพประกอบจาก
http://www.bbc.com/earth/story/20160516-why-it-is-hard-to-find-the-source-of-rivers-like-the-amazon