ฉีเหมิน #3 — การประยุกต์

Qi Men Alchemy
6 min readNov 1, 2017

--

บทความตอนที่ 3 จะพูดถึง ความเข้าใจหลักที่สำคัญ หรือ Core Knowledge ของวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย, ความเข้าใจผิดที่ผมพบเจอมาตลอดเวลาที่พูดถึงวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยให้บุคคลทั่วไป และในที่สาธารณะ

จากนั้นส่วนต่อไปผมจะแนะนำการนำฉีเหมินตุ้นเจี่ยไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ ให้พอเห็นภาพรวมว่าวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทำอะไรได้บ้าง

การแบ่งการประยุกต์การใช้งานตามที่จะแสดงต่อไปนี้ เป็นการแบ่งโดยการตัดสินใจของผมเอง โดยเกิดจากการเรียนฉีเหมินมากับอาจารย์หลายท่าน จึงอาจจะไม่เหมือนกับการแบ่งของซินแสท่านอื่นนะครับ

ตอนนี้จะเป็นการแนะนำตอนสุดท้าย บทความตอนที่ 4 ผมจะเริ่มเข้าสู่ทฤษฎีที่จำเป็นต้องรู้เพื่อใช้งานต่อไป คาดว่าประมาณบทความตอนที่ 5 ทุกท่านน่าจะเริ่มนำฉีเหมินตุ้นเจียไปใช้พยากรณ์เบื่องต้นได้

ในบทความนี้ ผมขออนุญาติทุกท่านแทรกเรื่องศาสนาพุทธลงไปบ้างเล็กน้อยนะครับ เนื่องจากผมเห็นว่ามีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจวิชาฉีเหมิน จนเสียเงินเสียเวลาศึกษาไปมหาศาล

ความเข้าใจหลัก

การจะเข้าใจฉีเหมินตุ้นเจี่ยได้นั้น มีความเข้าใจหลักที่สำคัญซึ่งเราจำเป็นจะต้องเข้าใจให้ชัดเจนก่อน ถึงจะทำให้เข้าใจการประยุกต์การใช้งานวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และ ไม่หลงทาง

ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย มีความเชื่อว่า

  1. สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่นั้นมีอิทธิผลต่อความคิดเรา เช่น คนเดียวกัน แต่อยู่ในประเทศต่างออกไปก็คิดและมองโลกต่างออกไป
  2. ความคิดหรือมุมมองของเรา + สถาณการณ์ ที่เจอ เป็นเหตุให้เราตัดสินใจบางอย่างออกไปตามเหตุปัจจัยนั้น ซึ่งความตั้งใจที่จะกระทำการหรือการตัดสินใจอันนี้ ในพุทธศาสนาเรียกว่า ‘เจตนา’
  3. การตัดสินใจเป็นเหตุให้เราลงมือกระทำ บางอย่างออกไป ดังมีพุทธพจน์ว่า
    “เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลคิดแล้ว จึงกระทำกรรมด้วยกาย วาจา ใจ” [พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ — หน้าที่ 103]
  4. การกระทำที่เราได้ทำไป ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ขึ้น โดยผลลัพธ์ของเจตนา ในขั้นนี้พระพุทธศาสนาเรียก ‘วิบาก’ (วิบาก = ผลของ กรรม)
  5. ผลลัพธ์ที่เราได้ ก็จะเป็นการกำหนดสภาพแวดล้อมใหม่รอบตัวเราในอันดับต่อมา เช่น ทำดีก็เป็นผลให้ มีคนดีมาร่วมงานกับเราเป็นต้น
  6. แล้ววัฐจักรนี้ก็วนต่อไปเรื่อย ๆ

ซึ่งสามารถแสดงภาพโดยละเอียดได้ตามภาพด้านล่าง

สิ่งแวดล้อม → ความคิด → การตัดสินใจ → การกระทำ → ผลลัพธ์ → สิ่งแวดล้อมใหม่ → ความคิดแบบใหม่

อาศัยความรู้ตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย จึงได้ศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบกับแต่ละส่วนผ่านทางองค์ประกอบของผัง เช่น

  1. ผลลัพธ์ ดูจาก 10 กิ่งฟ้า
  2. การกระทำ ดูจาก 8 ประตู
  3. ความคิด, การตัดสินใจ ดูจาก 9 ดาว
  4. สิ่งแวดล้อม, สิ่งเหนือการควบคุม ดูจาก 10 เทพ

นอกจากนี้ ในขั้นสูง ฉีเหมินยังเชื่อเรื่อง อดีตชาติ (แต่จะต่างกับของพุทธอยู่นิด) โดยเชื่อว่า อดีตชาติ, บุญกรรมมีผลต่อ ความคิดและสิ่งแวดล้อมที่เราต้องเจอด้วย (บุญกรรมของจีนก็เหมือนวาสนา) ผ่านทางการวิเคราะห์ วิถี 7 ดารา และ 28 กลุ่มดาว

ซึ่งกล่าวได้ว่าในฉีเหมินเชื่อว่า การกระทำ เป็นตัวกำหนด ผลลัพธ์ ถ้าเราอยากได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ต้องทำเหตุปัจจัยตามนั้น เช่น อยากประสบความสำเร็จก็ต้องตั้งใจทำงาน มีคุณธรรม มีเมตตาช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานเป็นต้น สมดังบททำวัตรที่สวดทุกวันว่า “เราจักทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น” [บทสวด อภิณหปัจจเวกขณปาฐะ]

ซึ่งจะมีความแตกต่างเป็นอย่างมากกับความเชื่อ หรือ ความเข้าใจหลักวิชาอื่น ๆ เช่น กรณีของเฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) ในยุคปัจจุบันหรือเฟิงสุ่ยเชิงพาณิชย์, เชิงวิทยาศาสตร์, แนวตะวันตก ซึ่งจะมีความเข้าใจหลักของวิชาคือ การหาฤกษ์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่ำรวย แล้วได้โชคใหญ่แบบอยู่ดี ๆ เกิดเหตุไม่คาดฝันคนเอาเงินมาให้ 100 ล้าน หรือ ถูกหวยรางวัลใหญ่ หรือ การหาชัยภูมิ (ฮวงจุ้ย) ที่เหมาะสม ที่ทำให้อยู่แล้วไม่ต้องทำอะไรมากก็สามารถทำให้จากรายได้เดือนละไม่กี่หมื่นเป็นเดือนละ 10 ล้านภายใน 1 ปี

เป็นวิชาจำพวกไหน?

มีอีกความเข้าใจที่ต้องทำความเข้าใจก่อนการศึกษาวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ซึ่งผมพบเจอจากผู้ที่เริ่มศึกษาหลายท่าน โดยมักจะมีความเข้าใจผิดเหมือนกัน คือ การเข้าใจผิดว่าวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นวิชาทางวิทยาศาสตร์ (หรือคาดหวังให้มันเป็น) ผมขอยืนยันว่า

  1. ไม่มีตรงส่วนไหนของวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นวิทยาศาสตร์เลยแม้แต่น้อย
  2. ยังไม่มีเรื่องไหนที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์วิชานี้ได้สักเรื่อง
  3. ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนในโลก กล้ารับประกันว่าฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นวิชาทางวิทยาศาสตร์

ดังนั้นแล้ว

ถ้าฉีเหมินตุ้นเจี่ย ไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว ฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นวิชาประเภทใด?

ตามการจัดประเภททั่วโลกแล้ววิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยก็จะจัดอยู่ในหมวด อภิปรัชญา (Metaphysics) ไม่ได้จัดอยู่ในหมวด วิทยาศาสตร์ (Science)

เนื่องจากฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นวิชาที่

  1. ศึกษาเรื่องของพลังงาน ณ เวลาหนึ่ง ๆ ว่าแต่ละชั้นพลังงานมีพลังงานเป็นอย่างไร
  2. ฝึกฝนจิต สมาธิ เพื่อให้ใช้พลัง ณ เวลานั้นให้เกิดประโยชน์ได้
  3. พยายามกระทำการต่าง ๆ ให้ {ถูกวิธี, ถูกกาละ, ถูกเทสะ, ถูกคน, ถูกปัจจัย, ถูกผลลัพธ์}

ซึ่งวิชานี้ตามบันทึก เป็นวิชาที่ได้รับการสืบทอดมาจาก เทพจิ่วเทียนเสวียนนี่, นักพรตเต๋า, ผู้บำเพ็ญเพียร และ ปรมาจารย์ต่าง ๆ ซึ่งภาษาไทย เรียกศาสตร์ชนิดนี้ว่า ไสยศาสตร์

ทั้งนี้เนื่องจาก “ไสยศาสตร์” เป็นคำศัพท์ที่รากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต เป็นคำสมาส โดย “ศาสตร์” หมายถึงแขนงหนึ่งของความรู้ และ “ไสย” มาจาก “ไศวะ” ซึ่งเป็นศัพท์สันกสฤตจากคำว่า “ศิวะ” ได้เป็น “ไศฺวศาสฺตร” แปลได้ว่า “ศาสตร์จากพระศิวะ” หรือ “ศาสตร์ที่เกี่ยวกับพระศิวะ”

‘ไสยศาสตร์’ แปลว่า ‘ศาสตร์จากพระศิวะ’, ‘ศาสตร์จากเทพ’

ดังนั้น ฉีเหมินตุ้นเจี่ย จัดเป็นวิชาประเภท ไสยศาสตร์ เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่เนื่องมาจากเทพ เป็นเรื่องของพลังงานและการฝึกจิต ตามการแบ่งประเภทในประเทศไทย หรือ ‘อภิปรัชญา’ ตามการแบ่งทั่วโลก

3 ส่วนหลัก

การศึกษาวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยนั้นในแต่ละการประยุกต์เราจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ

  1. ทฤษฎี
  2. ประยุกต์
  3. จิตวิญญาณ

การศึกษา จะเริ่มจากการศึกษาทฤษฎีในวิชา ควบคู่ไปกับฝึกฝนจิตวิญญาณ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้งานเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้งาน

การประยุกต์

จากการรวบรวมของผมที่ได้ไปศึกษากับอาจารย์มาหลายท่าน สามารถสรุปการใช้งานฉีเหมินตุ้นเจี่ยออกเป็น 10 ประเภทใหญ่ ได้ดังนี้

  1. พยากรณ์
  2. เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
  3. ชะตา (ดวง)
  4. กระทำการ (ฤกษ์ยาม)
  5. กลยุทธ์
  6. เคลื่อนพล
  7. เวทย์มนต์
  8. อุบัติการ
  9. ประจัญบาล
  10. เสี่ยงทาย

พยากรณ์

ฉีเหมินพยากรณ์ (Qi Men Forecast) จัดได้ว่าเป็นการใช้งานหลักของวิชานี้ 90% ของผู้ใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย จะเป็นการใช้งานเพื่อพยากรณ์เป็นสำคัญ และวิชาฉีเหมินสำหรับคนทั่วไปก็จะรู้จักกันในแง่ที่เป็นวิชาสำหรับการพยากรณ์

จุดที่ต้องแยกแยะก่อนจุดแรก คือ

เสี่ยงทาย คือ อยากรู้อะไรก็ถามเลย

พยากรณ์ คือ เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วอยากรู้ว่าผลของเหตุการณ์นั้นคืออะไร

ดังนั้นการวิชาฉีเหมินเพื่อพยากรณ์นั้น จำเป็นต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาก่อน ถึงจะเอาเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นมาขึ้นผังพยากรณ์ หรือเรากล่าวว่ามี ‘สัญญาณ’ ขึ้นมาบอกเราก่อนจึงจะพยากรณ์ ไม่ได้มีการใช้งานเหมือนเสี่ยงทาย ที่อยากรู้อะไรก็กดผังถามได้เลย

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมต้องการขายคอนโด จะไม่ใช่เป็นการกดผังขึ้นมาถามว่ามันจะขายได้ไหม แต่ผมจะต้องรอจนเกิดเหตุการณ์บางอย่าง เช่น มีคนโทรมาสอบถาม แล้วผมจึงกดผังถามว่า คนนี้จะซื้อคอนโดผมไหม (หรือในขั้นสูงคือ ทำอย่างไรจะเพิ่มโอกาสให้คนนี้ตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น)

ในขั้นสูงนอกจากจะรอให้เกิดเหตุการณ์ ยังมีวิธีการอื่นอีกหลายอย่าง ที่จะเป็นตัวแสดงว่าเวลานี้เหมาะสมที่จะขึ้นผังแล้ว หรือ ผังตามพลังงาน ณ เวลานี้เหมาะสมที่จะนำมาพยากรณ์แล้ว

ในการพยากรณ์ขั้นสูง จะเป็นการศึกษา ความหมายในเชิงพยากรณ์ขององค์ประกอบในผังแต่ละตัว เช่น เมื่อต้องการดู ‘กำไร’ ก็จะดูวัง (ช่อง) ที่มีประตูเป็น (生門, shēng mén, เซิง เหมิน) เป็นต้น

ในบทความตอนหน้า (ตอนที่ 4) ผมเริ่มอธิบายการใช้งานวิชาฉีเหมิน โดยจะพูดถึงวิธีพยากรณ์เบื่องต้น กันครับ

ผังฉีเหมินพยากรณ์

เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)

ฉีเหมินเฟิงสุ่ย (Qi Men Feng Shui) เป็นหัวข้อหนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก การใช้งานฉีเหมินตุ้นเจี่ย (ขออนุญาติเรียก ‘ฮวงจุ้ย’ ว่า ‘เฟิงสุ่ย’ เพื่อให้สอดคล้องกับการอ่านเป็นจีนกลางของศัพท์คำอื่นในบทความ)

อย่างไรก็ตามการใช้งานฉีเหมินเฟิงสุ่ยนั้นจำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเฟิงสุ่ยตามปกติเสมอ ซินแสที่ชำนาญเรื่องฉีเหมินจะนำฉีเหมินไปใช้เพิ่มในมุมบางอย่างที่วิชาปกติไม่ได้พูดถึงมากนัก การใช้งานฉีเหมินเฟิงสุ่ยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีหลัก ๆ คือ

  1. โดยการพยากรณ์
  2. โดยการใช้องศาอาคาร

เฟิงสุ่ยโดยพยากรณ์

奇門天眼通秘法 (Qímén tiānyǎntōng mìfǎ, ฉีเหมิน เทียนเหยี่ยนทง มี่ฟ่า) — ฉีเหมินตาทิพย์; การใช้ฉีเหมินกับเฟิงสุ่ยรูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมกันมาก คือ การนำมาใช้พยากรณ์พลังงานและชัยภูมิของพื้นที่นั้นโดยที่ผู้พยากรณ์ไม่จำเป็นต้องเห็นสถานที่ หรือ ไปยังสถานที่นั้น

โดยการประยุกต์ใช้กับเฟิงสุ่ยจะอยู่บนหลักการของการพยากรณ์ เช่น มีผู้มาถามปัญหาเฟิงสุ่ยกับเรา เมื่อขึ้นผัง ณ เวลานั้น ก็สามารถพยากรณ์ได้ว่า แหล่งกำเนิดพลังงานอยู่ทิศไหน มีสภาพเป็นอย่างไร; สั่วะหรือพลังงานพิฆาตของสถานที่นั้นอยู่ทิศไหน; แต่ละทิศมีสภาพเป็นอย่างไร มีภูเขามีถนน มีอาคาร มีชัยภูมิอย่างไร เป็นต้น

โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเห็นหรือไปยังสถานที่นั้น เรียกว่าเป็นหนึ่งในวิชาที่ทำให้ซินแส เหมือนมีตาทิพย์เลยก็ว่าได้ (หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Remote Viewing)

นอกจากจะทำให้ซินแสเหมือนมีตาทิพย์แล้ว ด้วยการที่วิชาฉีเหมินมีการพิจารณาถึงระดับชั้นพลังงานที่สูงวิชาอื่น ๆ ทำให้เราสามารถอ่านผังในแง่มุมอื่นที่วิชาอื่นไม่สามารถอ่านได้ ยกตัวอย่างเช่น มีอยู่ครั้ง มีคนถามเรื่องเฟิงสุ่ยกับผม หลังจากกดดูผังแล้ว ก็มีมุมหนึ่งที่ดูจากลักษณะแล้ว มุมนี่น่าจะมีผี มีการฆ่ากัน มีการตายกัน บริเวณนี้ พอถามกลับไปก็พบว่า มุมนี้เป็นมุมที่เคยมีการผูกคอตายมาก่อน เป็นต้น

อีกทั้งมันยังสามารถบอกในจุดที่ปกติเรามองไม่เห็น หรือ ยากต่อการสังเกตุด้วย เช่น มีต้นไม้บังรอบพื้นที่, มีตึกมีอาหารบัง หรือ กระทั้งมีถนนบัง เช่น กรณีหนึ่ง ผมเคยไปถึงสถานที่ แล้วตามผังบอกว่าทิศนี้จะมีแหล่งกำเนิดพลัง แต่มองไปก็ไม่เห็นมีอะไร เห็นมีแต่พุ่มไม้ แต่เมื่อตัดสินใจเดินไปสำรวจสักพักก็พบกับเนินดินเป็นภูเขาขนาดย่อม ๆ โผล่มาจากพื้นดิน แต่ตอนแรกต้นไม้หนาเลยมองไม่เห็น เป็นต้น (ในทางเฟิงสุ่ยถือว่า ถ้าบนพื้นราบแล้วมีเนินดินโผล่ขึ้นมาแสดงว่ามีพลังตรงจุดนั้นดันขึ้นมา)

นอกจากการใช้งานเพื่อการพยากรณ์ที่กล่าวมาแล้วในกรณีที่เราจำเป็นต้องดูพื้นที่ใหญ่มาก การใช้ฉีเหมินเฟิงสุ่ย ก็จะทำให้เราสามารถรู้ได้ว่า บริเวณไหนของพื้นที่ขนาดใหญ่นั้น มีจุดที่ต้องพิจารณาหรือสนใจอะไร (หรือค้นหาอะไร) เป็นพิเศษหรือไม่ ทำให้เหมือนมีไกด์นำทางเมื่อเราต้องการพิจารณาเฟิงสุ่ยในสถานที่นั้น ๆ

เฟิงสุ่ยโดยองศาอาคาร

การใช้ฉีเหมินโดยการขึ้นผังจากองศานั้น มีการใช้งานคล้ายกับการขึ้นผังดาวเหินทั่วไป แต่ในวิชาฉีเหมินนอกจากใช้องศาของอาคารแล้วยังจำเป็นต้องอาศัยทิศที่เป็นตำแหน่งของประตูร่วมด้วยในการขึ้นผังฉีเหมินเฟิงสุ่ย เป็นการเพิ่มความละเอียดของการวิเคราะห์ขึ้นไปอีกมาก จากในวิชาดาวเหินมีเพียง 16 ผังต่อยุค ในฉีเหมินมีถึง 48 ผังที่แตกต่างกันต่อยุค (ถ้านับรวมวิถี 7 ดาราและ 28 กลุ่มดาวเข้าไปด้วยจะกลายเป็นหลายร้อยผัง)

ผังฉีเหมินเฟิงสุ่ย (ตรงกลางคือผังดาวเหิน)

*หมายเหตุ* ผังฉีเหมินฮวงจุ้ยมีหน้าตาเหมือนผังปกติ แค่เปลี่ยนวิธีการขึ้นผังจากการใช้เวลาเป็นการใช้องศาแทน

การใช้งานฉีเหมินเฟิงสุ่ย จะเน้นไปที่การใช้งานภายในอาคารเป็นหลัก (เนื่องจากมีการใช้ทิศของตำแหน่งประตูด้วย) ดังนั้นในการใช้งานร่วมกับวิชาอื่นจึงมักเป็นในรูปการ ใช้ดาวเหินกับภายนอกเป็นหลัก และใช้ฉีเหมินกับภายในเป็นหลักเป็นต้น

เช่นเดียวกับข้อดีของฉีเหมินในการประยุกต์ด้านอื่นคือ มีการพูดถึงระดับชั้นพลังงานที่สูงกว่าวิชาอื่น ๆ ทำให้วิเคราะห์ได้หลากหลายและละเอียดกว่าวิชาอื่น

ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างของวิชาฉีเหมินเฟิงสุ่ย คือ เป็นวิชาที่พัฒนาต่อยอดมาจากฉีเหมินพยากรณ์ ซึ่งเป็นวิชาที่มีหลักการเป็นหนึ่งเดียวกันในทุกสำนัก ทำให้ไม่มีปัญหาการทะเลาะกันว่า สำนักไหนตีความตามคัมภีร์โบราณถูก สำนักไหนตีความผิด ดังเช่นที่ปรากฎในวิชาเฟิงสุ่ยทั่วไป

ฉีเหมินเหินเคลื่อนย้ายฟ้าดิน

ในการประยุกต์ใช้ฉีเหมินยังมีอีกส่วน คือ 奇門乾坤大挪移 (qí mén qián kūn dà nuó yí, ฉีเหมินเฉียนคุนต้านั้วอี๋) — ฉีเหมินเคลื่อนย้ายฟ้าดิน, ฉีเหมินเคลื่อนย้ายจักรวาล; เป็นหนึ่งในการใช้วิชาฉีเหมินเพื่อปรับเฟิงสุ่ย ซึ่งจัดเป็นส่วนหนึ่งในฉีเหมินเวทย์มนต์

ตามตำรากล่าวว่า ผู้ที่สามารถฝึกวิชานี้สำเร็จ สามารถปรับพลังในอาคารให้เป็นพลังงานแบบไหนก็ได้ เช่น เป็นพลังงานดาว 8 ทั้งอาคารก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปเยือนอาคารแห่งนั้น (ปล. ผมก็ทำไม่เป็นครับ ไม่ต้องส่งข้อความมาขอเรียนวิชานี้นะครับ)

ชะตา

ฉีเหมินชะตา (Qi Men Destiny) เป็นการประยุกต์ใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย มาเพื่ออ่านชะตาของเรา เช่นเดียวกับวิชาอื่น ๆ เช่น ปาจื่อ (โป๊ยหยี่สี่เถี่ยว) แต่มีจุดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องการพิจารณาระดับชั้นพลังงานเกินไปกว่า พลังฟ้าและพลังดินจากกิ่งฟ้าและก้านดิน อย่างในกรณีวิชาปาจื่อ อย่างมาก

ถึงกระนั้นก็ตามการอ่านดวงชะตาด้วยวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ก็มีจุดด้อยกว่าวิชาอื่นตรงไม่ได้มีการพิจารณาพลังในระดับชั้นล่าง ๆ อย่างพลังงานจากก้านดิน ดังเช่นในวิชาปาจื่อ หรือ ลิ่วเริ่นเสินเค่อ ซึ่งพลังงานในระดับชั้นนี้ มีผลต่อเหตุการณ์ที่เราเจอเป็นอย่างมาก ทำให้การนำวิชาฉีเหมินไปอ่านเหตุการณ์ที่เราต้องเจอตามดวงชะตาไม่ง่ายและละเอียดเท่าวิชาอื่น (เช่นในปาจื่อ ช่วงไหนมีการชง หรือ ภาคีกับหลักไหน เราก็จะสามารถอ่านเหตุการณ์ได้ไม่ยาก)

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการที่วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยสามารถใช้อ่านชะตาในระดับชั้นพลังงานที่อยู่สูงกว่าวิชาอื่น เป็นเหตุให้มีจุดเด่นในด้านการนำไปวิเคราะห์ความสามารถทางจิตวิญญาณของดวงชะตานั้นได้เป็นอย่างดี และยังมีความละเอียดในการบอกบุคลิกความคิด การตัดสินใจ พฤติกรรม นอกจากนี้ยังสามารถบ่งบอกถึงระดับพลังจากภายนอกที่ส่งผลต่อเราในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ โชคลาภ การศึกษา อารมณ์ จิตใต้สำนึก จิตวิญญาณ กรรมจากชาติก่อน โดยดูจากองค์ประกอบที่อยู่ในวังนั้น (ในช่องนั้น)

ตัวอย่างผังฉีเหมินชะตา จะเป็นตามที่แสดงด้านล่าง

ผังฉีเหมินชะตา

โดยภาพรวมแล้ว ฉีเหมินชะตา จะถูกใช้เพื่อประโยชน์ในการใช้ฤกษ์ วิชาทางเต๋า และ วิชาขั้นสูงของฉีเหมินโดยเฉพาะวิชาที่เกี่ยวกับเวทย์มนต์ ต่อไป

กระทำการ

ฉีเหมินกระทำการ (Qi Men Execution) หรือที่เรารู้จักในชื่อ ฤกษ์ยาม หรือภาษาจีนว่า 擇日 (zérì, เจ๋อ ยื่อ) — การเลือกวัน; เหตุที่ผมใช้คำว่ากระทำการ มากกว่าจะเป็นฤกษ์ยาม เพราะการหาฤกษ์ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย จะต่างจากวิชาอื่นอยู่พอสมควร ทั้งนี้เนื่องมากจาก ฉีเหมินตุ้นเจี่ย เชื่อว่า การระทำส่งผลต่อผลลัพธ์ และ การกระทำของเรามาจากความคิดและเจตนาของเรา แต่ เจตนาและความคิดของเราได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อมและพลังงานรอบตัวเรารวมถึงจิตใต้สำนึก หรือ

สิ่งแวดล้อม → ความคิด → การตัดสินใจ → การกระทำ → ผลลัพธ์ → สิ่งแวดล้อมใหม่

ดังที่ได้แสดงไปแล้วในหัวข้อ [ความเข้าใจหลัก] ข้างต้นของบทความนี้

เป็นเหตุให้การหาฤกษ์ยามในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย จะต่างจากวิชาอื่นอยู่พอสมควร คือ

  1. การเลือกฤกษ์ที่เหมาะสมตามวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย นอกจากหายามที่มีพลังเป็นมงคลแล้ว ในขั้นสูงยังอาจจะต้องเลือกผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดด้วย เช่น ฤกษ์ที่ใช้ในการกระจายข่าว ในบางครั้งอาจจะเป็นฤกษ์ที่ดีมาก แต่จะเป็นการกระจายข่าวในลักษณะของข่าวลือ มากกว่าจะเป็นไปในทางชื่นชม เป็นต้น
  2. การใช้ฤกษ์ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย มักจะกระทำต่อเนื่องกันหลายฤกษ์ตามกลยุทธ์ที่ได้วางแผนมา เช่น การหาฤกษ์เปิดร้าน โดยมากเราจะไม่ได้หาฤกษ์เปิดร้านอย่างเดียว แต่จะหามาตั้งแต่การเตรียมตัวเปิดร้าน, การโฆษณา, การประชาสัมพันธ์, การเชิญผู้มางาน (ดูในหัวข้อกลยุทธ์ เพิ่มเติม) เพื่อให้พลังทั้งหมดสอดคล้องและส่งเสริมกันตลอด
  3. ฤกษ์ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย จะมีทั้งผังยาม ผังวัน ผังเดือน ผังปี ขึ้นอยู่กับ การกระทำที่เราต้องการ เช่น ถ้าสิ่งที่เราต้องการทำกินเวลาหลายยาม หรือ ทั้งวัน มักจะใช้ผังวันแทนที่จะใช้ผังยามตามปกติ เป็นต้น
  4. ในการหาฤกษ์ฉีเหมินตุ้นเจี่ย ขั้นสูง จะพูดไปถึง บุคคลที่เป็นผู้ใช้ฤกษ์นั้นด้วย เช่น คนแก่ใส่ชุดสีดำ, สภาพอากาศ, สภาพสถานที่, วิธีที่จะทำการในฤกษ์นั้น ฯลฯ
ผังฉีเหมินกระทำการ

กลยุทธ์

ฉีเหมินกลยุทธ์ (Qi Men Strategic) เป็นการประยุกต์ใช้ฉีเหมินตุ้นเจี่ย กับการวางกลยุทธ์ เป็นการประยุกต์ใช้ฉีเหมินตุ้นเจี่ยเพื่อวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์นั้น เพิ่มเติมเป็นพิเศษจากการพยากรณ์เหตุการณ์ตามปกติ

ฉีเหมินกลยุทธ์ นอกเหนือจากการวิเคราะห์ตามปกติในหลักการของพยากรณ์แล้ว ยังมุ่งไปที่การ มีการนำ 64 กว้าที่ได้จากผังฉีเหมิน ไปเปลี่ยนเส้นเหยา หรือ ต้งเหยา (定爻, dòng yáo) [คนไทยเรียกว่า ต่งเง้า] โดยตำแหน่งที่ ต้งเหยาจะเป็นไปตามวิถี 7 ดารา และ 28 กลุ่มดาว ของกว้านั้น ผลที่ได้ก็จะสามารถบอกกลยุทธิ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้ เช่น

กว้า เจี่ยน (蹇, jiǎn) — อุปสรรค์, ขัดขวาง [ ☵ ด้านบน, ☶ ด้านล่าง] ถ้าวิถี 7 ดาราตรงกับดาว 2 ก็จะ ต้งเหยาเส้นที่ 2 โดยความหมายที่ได้จะบอกว่า กลยุทธ์ที่เหมาะสมตามคัมภีร์อี้จิง คือ การร่วมมือถ้อยที่ถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่ยึดถือประโยชน์เฉพาะตนในการดำเนินการ

แต่ถ้าวิถี 7 ดาราตรงกับดาว 3 ก็จะต้งเหยาเส้นที่ 3 โดยในคัมภีร์อี้จิงตามปกติจะหมายถึง “ให้กลับไปคิดทบทวนตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจใหม่อีกครั้งอย่างถี่ถ้วน” แต่รูปแบบนี้จะตรงกับลักษณะพิเศษ ของ 36 กลศึกสามก๊ก (三十六計, Sānshíliù Jì) ‘กลยุทธ์ที่ 15 ล่อเสือออกจากถ้ำ’ ด้วย (ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกในการใช้กลยุทธ์นี้)

ซึ่งหมายความว่าถ้าเราพบกว้า เจี่ยนและมีวิถี 7 ดาราเป็นดาว 3 กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่จะดำเนินการคือ ‘ล่อเสือออกจากถ้ำ’ เป็นต้น การประยุกต์เรื่องกลยุทธ์ นอกจากเรื่องกว้าแล้ว ยังมีการวิเคราะห์ตามหลักวิถี 7 ดารา เช่น กรณีไหนควรรุก กรณีไหนควรป้องกัน กรณีไหนควรใช้การกระจายข่าวเป็นต้น

โดยทั่วไปจะใช้ผังฉีเหมินพยากรณ์ในจะมีลักษณะเหมือนกับผังฉีเหมินพยากรณ์เพียงแต่เน้นไปที่ 64 ข่วยเพิ่มเติม

เคลื่อนพล

ฉีเหมินเคลื่อนพล (Qi Men Mobility) เป็นการประยุกต์ที่เน้นไปที่การหาทิศที่เหมาะสม (หรือวันที่เหมาะสม) เพื่อเคลื่อนพล หรือ เคลื่อนกองทัพในสมัยโบราณ ในสมัยปัจจุบันคือการเดินทาง (ที่ไกลหน่อย)

การคำนวณจะใช้การขึ้นผังแบบพิเศษ ที่เรียกว่า 五符法 (wǔ fú fǎ, อู่ฟู๋ฝ่า) [ยังนึกคำแปลภาษาไทยที่เหมาะสมไม่ออก ขออนุญาติใช้ทับศัพท์ไปก่อนครับ] ในผังฉีเหมินที่สร้างด้วยวิธีนี้ นอกจาก 8 ประตูที่มีตามปกติแล้ว สิ่งที่ต่างคือ

  1. 9 ดาว เป็นคนละตัวกัน
  2. 12 เทพ ตาม 12 ทิศ ไม่ใช่ 10 เทพตามปกติ
  3. 12 เทพประจำการ เพิ่มขึ้นมาอีก
  4. ไม่ใช้กิ่งฟ้า และ กิ่งดิน

การขึ้นผังแบบนี้นอกจากจะนำไปใช้เคลื่อนพลแล้ว ยังมีการนำไปใช้แทนผังฉีเหมินวันอีกด้วย (เนื่องจากการเคลื่อนพลเป็นสิ่งที่กินเวลาหลักวันในสมัยก่อน)

อีกทั้งบางกรณีก็จะมีการใช้เพื่อกระตุ้นชะตา โดยการให้เดินทางไปทำกิจกรรมตามผังในวันเวลาที่เป็นทิศดีด้วยเช่นกัน

เวทย์มนต์

ฉีเหมินเวทย์มนต์ (Qi Men Magic) อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่าฉีเหมินมีจุดเด่นกว่าวิชาอื่นตรงการพูดถึงระดับชั้นพลังงานที่สูงกว่าวิชาอื่น ๆ ทำให้ปรมาจารย์สมัยก่อน มีนำเอาฉีเหมินไปประยุกต์ใช้กับเรื่องทางจิตอย่างมาก จัดว่าเป็นการประยุกต์ใช้มากเป็นอันดับ 2 รองจากฉีเหมินพยากรณ์เลยทีเดียว

วิชาขั้นสูงทางเต๋า และ เหมาซาน มักจัดพิธีโดยการอาศัยฤกษ์ยามและทิศที่ตั้งแท่นพิธีตามฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นหลัก

วิชาขั้นสูงของฉีเหมินตุ้นเจี่ยทั้งหมด จะใช้ได้สำฤทธิ์ผลเพียงไหน อยู่ที่ระดับความสามารถในฉีเหมินเวทย์มนต์เป็นหลัก กล่าวคือ ถ้าจิตมีกำลังแค่ไหน มีพลังแค่ไหน สามารถเชื่อมต่อฟ้าดินได้ดีขนาดไหน ก็จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของการใช้วิชาฉีเหมินเลยทีเดียว

เรื่องทางจิต, สมาธิ, พลังชี่, พลังจากสิ่งแวดล้อม, พลังจากดวงดาว นี้ ผู้ทีี่เคยฝึกชี่กงจนถึงขั้นสัมผัสพลังชี่ได้ หรือ เคยนั่งสมาธิจนเข้าสมาธิลึกได้ คงจะรู้สึกเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นแต่อย่างไร เพราะคงเคยพบเจอด้วยตัวเองจนชิน แต่สำหรับผู้ที่เชื่อถือเฉพาะสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเท่านั้น เชื่อถือวิทยาศาสตร์เท่านั้น คงปรากฎเป็นเรื่องประหลาด เรื่องไม่น่าเชื่อถือ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องหลอกลวง (จริง ๆ นักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพลังชี่คือพลังงานอะไร แต่เราก็รักษาโรคด้วยแพทย์จีนมาตั้งแต่ 4,000 ปีที่แล้วถึงปัจจุบัน)

อย่างไรก็ตาม วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยขั้นสูงก็ยังจำเป็นต้องใช้เรื่องพวกนี้อยู่ดีไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามที่ ดังนั้นผู้ที่สนใจจะศึกษาวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยอย่างจริงจัง มีข้อแนะนำว่าควรจะเริ่มฝึกวิชาที่เกี่ยวกับพลังงาน, จิต, สมาธิ ประกอบไปด้วย เช่น ชี่กง เป็นต้น

อุบัติการ

ฉีเหมินอุบัติการ (Qi Men Occurrences) ในสมัยโบราณจัดว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งของฉีเหมินตุ้นเจี่ย ที่ใช้คู่กับฉีเหมินเวทย์มนต์เลยก็ว่าได้

ภาษาจีนจะเรียกว่า 克應 (kè yìng, เค่อ อิ้ง) หรือ 外應 (wài yìng, ไว่ อิ้ง) หรือ การตอบรับจากภายนอก เป็นเหตุการณ์ที่มักจะเกิดเมื่อเรามีการใช้วิชาฉีเหมินได้อย่างถูกต้อง เป็นการบอกว่าได้ฤกษ์แล้วหรือยัง คือ เมื่อมีเหตุการณ์ปรากฎตามที่ควรจะเป็นไปตามฤกษ์ แสดงว่า ถึงเวลาที่เราจะกระทำการตามฤกษ์นั้นได้แล้ว

โดยทั่วไปคือการใช้วิชาในสายฉีเหมินเวทย์มนต์ก่อน เช่น ทำสมาธิเชื่อมพลังฟ้าดิน แล้วส่งคำขอ (คำบัญชา) ไปยังจักรวาลหรือเทพ จากนั้นจึงรอให้เกิดเหตุการณ์ตามฤกษ์นั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์จงลงมือกระทำตามที่ตั้งใจไว้ โดยทั่วไปเหตุการณ์จะเกิดภายในยามที่เราใช้วิชาฉีเหมินนั้น

ยกตัวอย่างกรณี ตอนสมัยที่โพสในเพจ Qi Men Alchemy ครั้งแรกเพื่อทดสอบวิชาให้เพื่อนดู (ถ้าใครเคยอ่านโพสก่อน ๆ จะจำได้ว่า ผมเปิดเพจนี้มาเพื่อทดสอบการทำการตลาดออนไลน์ด้วยฉีเหมินให้เพื่อนดูแค่นั้น) ตอนนั้นเลือกฤกษ์ที่เป็น ประตูดัง (景門, จิ่งเหมิน) [ประตูดัง คือ ชื่อเสีย, ภาพลักษณ์, ความนิยม, ฉากในหนัง, ฉากหน้า, แสดง, วิว, โชว์ — มีไว้เพื่อโฆษณา, กระจายข่าว] ในฉีเหมินอุบัติการ กล่าวว่า ถ้าใช้ ‘ประตูดัง’ สำเร็จ (หมายถึงการเชื่อมคำบัญชาหรือคำขอเรา เข้ากับพลังงานของประตูได้สำเร็จ) จะพบคนใส่เสื้อสีแดงมาหา หลังจากใช้วิชาในกลุ่มฉีเหมินเวทย์มนต์เสร็จประมาณไม่เกิน 5 นาที บุรุษไปรษณีย์ใส่หมวกกันน๊อกสีแดง เสื้อคลุมสีแดง ก็มากดออดส่งจดหมายหน้าบ้าน จึงเป็นสัญญาณว่าได้เวลาโพสแล้ว เป็นต้น

นอกจากนี้ยังใช้เป็นตัวบอกได้อีกว่า จักรวาลได้ตอบรับหรือไม่ หรือพลังตัวไหนเป็นตัวส่งผลกับเรา เช่น กรณีข้างต้นคือประตูส่งผล ถ้าเทพ, ดาว หรือ กิ่งฟ้า ก็จะมีเหตุการณ์ตอบรับแตกต่างกันออกไป

คนใส่ชุดสีแดงมาหาตามฤกษ์

ประจัญบาล

ฉีเหมินประจัญบาล (Qi Men Battle) เป็นการใช้งานในกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามก็มีการใช้ฉีเหมินเช่นเดียวกับเรา เป็นการประยุกต์ที่พูดถึงว่า องค์ประกอบไหน และ ผังไหน มีกำลังมากกว่ากัน ถ้าต้องมีการะประจัญบาลหรือต่อสู่กัน โดยมีการใช้กันมากในประเทศที่มีการใช้ฉีเหมินกันเยอะ เช่น ประเทศไต้หวัน

หลักการใช้งาน คือ พิจารณาว่าเมื่อฝ่ายตรงข้ามหรือคู่แข่งของเราได้กระทำบางอย่าง เช่น การโฆษณา หรือ กระจ่ายข่าว ที่มีผลกระทบต่อเรา ถ้าเราต้องการจะต่อสู่กลับไปควรจะต้องใช้องค์ประกอบไหนที่มีกำลังมากกว่า (ฤกษ์หรือผังที่มีกำลังมากกว่า) ในการต่อสู่กลับไป

ในประเทศไทยคิดว่าไม่น่าจะเป็นการประยุกต์ใช้ที่มีประโยชน์มากเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ได้มีผู้ใช้ฉีเหมินตุ้นเจี่ยมากนัก อีกทั้งการพยายามต่อสู่กับฝ่ายตรงข้ามมากเกินไปยังเป็นการสะสมพลังไม่ดีให้กับตัวผู้ใช้อีกด้วย

เสี่ยงทาย

ฉีเหมินเสี่ยงทาย (Qi Men Divination) จะใช้เพื่อการเสี่ยงทายเรื่องที่เราต้องการจะได้คำตอบ โดยตามปกติฉีเหมินตุ้นเจี่ยจะถูกใช้เพื่อการพยากรณ์เป็นหลัก ซึ่งก็คือจำเป็นต้องมีเหตุการณ์หรือสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้นก่อนจึงจะสามารถพยากรณ์ได้ เป็นเหตุให้ไม่สามารถนำไปใช้เสี่ยงทายได้

จึงได้มีการประยุกต์ใช้ฉีเหมินให้เหมาะกับการเสี่ยงทาย เช่น ปรมาจารย์บางท่าน ก็ใช้การขึ้นผังโดยสุ่มเอา แทนที่จะขึ้นตามเวลาที่เกิดเหตุ บางท่านก็ใช้ฉีเหมินอย่างย่อ (ฉีเหมินวังเหินเล็ก) ในการเสี่ยงทายแทน

อย่างไรก็ดี การเสี่ยงทายด้วยฉีเหมินตุ้นเจี่ย อาจจะเป็นเสมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตนไปหน่อย เนื่องจากเราสามารถเสี่ยงทายโดยการใช้วิชาอื่นที่ใช้สะดวกและแปลความหมายได้ง่ายกว่าวิชาฉีเหมิน เช่น ไพ่ทาโร่ (Tarot) ทำนายอี้จิงลิ่วเหยา อี้จิงดอกเหมย เป็นต้น

ตอนหน้า

ตอนหน้า ตอนที่ 4 ผมจะเริ่มเข้าสู่ทฤษฎีพื้นฐานต่าง ๆ เช่น ปฏิทินที่ใช้, ซานฉีคืออะไร, 6 ขุนพลคืออะไร เป็นต้น

ขอให้ทุกท่านได้รับประโยชน์จากบทความนี้ครับ

ถ้าสนใจติดตาม บทความอื่น ๆ สามารถไปกด Like ได้ที่ Facebook
https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/

Credit ภาพประกอบ Cover : ตามตอนที่ 1

--

--