ฉีเหมิน #2 — กำเนิดวิชา

Qi Men Alchemy
6 min readOct 28, 2017

--

บทความตอนที่ 2 จะพูดถึงประวัติวิชา และ สายวิชาต่าง ๆ (หรือคนทั่วไปเรียกสำนัก) เพื่อให้เห็นภาพรวม และ ที่ไปที่มาของวิชานี้ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ทฤษฎีและการใช้งาน

ประวัติ

ตามบันทึกที่ถ่ายทอดมาผู้ที่ศึกษาวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยนั้นมีความเชื่อว่า วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยนั้น เทพจิ่วเทียนเสวียนนี่ (九天玄女) หรือที่คนไทยรู้กันในชื่อ เจ้าแม่เก้าเทียงเหี่ยงนึ่ง (เทพสตรีศักดิ์สิทธิแห่งสวรรค์ทั้ง 9 ชั้น) เป็นผู้ถ่ายทอดให้กับ จักรพรรดิเหลือง หรือ หวงตี้ (黃帝, Huáng Dì) เมื่อประมาณ 4,600 ปีก่อน เพื่อเอาชนะศึกกับชือโหยวและเป็นเทพผู้ที่ดูแลวิชานี้อยู่ จึงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันว่า ก่อนจะเริ่มศึกษา จำเป็นต้องให้ความเคารพหรือบูชา เทพจิ่วเทียนเสวียนนี่ ก่อนเพื่อขอพรให้สามารถศึกษาได้สำเร็จ สามารถเข้าใจ และ ใช้วิชาได้ตามที่ต้องการ

ภาพจาก http://blog.daum.net/sungn/16

สำหรับประเทศไทยนั้นสามารถไปเคารพ และ ขอพรได้ที่ ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ (ซอยเยาวราช 6)

ภาพจาก https://pantip.com/topic/32569211

ตามตำนาณกล่าวว่า ในช่วงนี้วิชาที่ใช้ จะเป็นในรูปของการดูดวงบนท้องฟ้า ไม่ได้มีการคำนวณอย่างเช่นในปัจจุบันแต่อย่างไร โดยมีการจัดรูปแบบตั้งต้นของดาวบนฟ้าไว้ถึง 4,320 รูปแบบ และลดลงเหลือเป็นผังตั้งต้น 1,080 แบบในเวลาต่อมา (หมายเหตุ — ผังตั้งต้น ไม่ใช่จำนวนผังทั้งหมดที่เป็นไปได้ครับนะ)

เจียงจื่อหยา

บุคคลที่มีการกล่าวถึงในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยประจำคนแรก คือ เจียงจื่อหยา (薑子牙, Jiāng Zǐyá) หรือ เจียงไท่กง (姜太公, Jiāng Tàigōng) มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว (1156 BC — 1017 BC) เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 2 นักยุทธศาสตร์การสงครามที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์จีน โดยมีความเชื่อว่ากลยุทธ์ต่าง ๆ ที่วางแผนให้ โจวเหวินหวัง (周文王) นั้นเกิดจากการใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นหลัก ดังที่ปรากฎอยู่ใน “กลอนนักตกปลาชรากลางสายหมอก (煙波釣叟賦, yān bō diào sǒu fù)” — กลอนนี้ถือเป็นตำราสำคัญของอันหนึ่งของวิชาฉีเหมินตุ้นเจียทีเดียว

ถือกันว่า เจียงจื่อหยา เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญมากในการพัฒนาวิชาฉีเหมินตุ้นเจีย โดยการลดจำนวนผังตั้งต้นจาก 1,080 ผังในยุคก่อนเจียงจือหยา เหลือเพียง 72 ผังตั้งต้น ทำให้การใช้งานมีความสะดวกกว่าเดิมมาก

ภาพ เจียงจื่อหยา จาก http://www.dianliwenmi.com/postimg_50009_4.html

จางเหลียง

บุคคลท่านต่อไปที่ถือว่ามีส่วนสำคัญในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยคือ จางเหลียง (張良, zhāng liáng) หรือคนไทย เตียวเหลียง เป็นบุคคลในยุค 2,000 ปีที่แล้ว (262 BC–189 BC, ยุคก่อน 3 ก๊กประมาณ 400 ปี) เป็นกุนซือคนสำคัญของเล่าปังหรือพระเจ้าฮั่นโกโจ ซึ่งได้ช่วยให้พระเจ้าฮั่นโกโจสถาปนาราชวงศ์ฮั่นได้สำเร็จ จนมีคำกล่าวว่า “ไม่มีจางเหลียง ไม่มีราชวศ์ฮั่น”

จากเหลียง จากหนังเรื่อง White Vengeance ภาพจาก http://www.chinesefilms.cn/1/2011/06/23/122s3612_1.htm

ในสามก๊ก ซีซีได้กล่าวถึงตอนแนะนำเล่าปีให้ทราบถึงสติปัญญาของขงเบ้งไว้ว่า “ถ้าได้คนนี้มาแล้วก็เหมือนพระเจ้าฮั่นโกโจได้เตียวเหลียงผู้มีปัญญามาไว้ เป็นที่ปรึกษา”

ตามบันทึกกล่าวว่า จางเหลียงได้รับการถ่ายทอดวิชาทั้งหลายของ เจียงจื่อหยา มาจากนักพรตเต๋านามว่า หวางสือกง (黃石公) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 ขาวแห่งซางซาน (商山四皓) — หมายถึงคนแก่ 4 คนที่มีผมขาว โดยทั้งหมดอายุเกิน 80 มีคุณธรรมสูง และ ฉลาดมีปัญญามาก โดยหนึ่งในวิชาที่ถ่ายทอดมานั้นคือ ฉีเหมินตุ้นเจี่ย นั้นเอง

จางเหลียงมีส่วนสำคัญมากในการพัฒนาวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ซึ่งเป็นคนที่ปรับผังตั้งต้น จากจำนวน 72 ผังในยุคของ เจี่ยงจื่อหยา ลงเหลือเพียง 18 ผังตั้งต้น ดังที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (9 ผังหยาง + 9 ผังหยิน)

4 ขาวแห่งซางซาน ภาพจาก http://artist.artron.net/yishujia0265154/1-41085.html

จูเก่อเลี่ยง, ขงเบ้ง

จูเก่อเลี่ยง (諸葛亮, Zhūge Liàng) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ขงเบ้ง (181 AD — 234 AD) คงไม่ต้องอธิบายมากสำหรับขงเบ้งว่าเป็นใคร โดยขงเบ้งเกิดในยุคต่อจาก จางเหลียง ประมาณ 400 ปี หรือ ประมาณ 1,800 ปีก่อน

ในส่วนที่เกี่ยวกับวิชาฉีเหมินนั้น ถือว่าเป็น 1 ในบุคคลประวัติศาสตร์ ที่มีการกล่าวถือการใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยไว้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

  1. ศึกผาแดงเรียกลมเรียกฝน ที่แท่นบูชา 7 ดาว (七星壇)
  2. ศึกผาแดงใช้เพื่อหลบหนีโดยไม่ให้มีคนเห็น
  3. ค่ายกล 8 ทิศ ( ค่ายกลพยุหะอัฏฐทิศ)
  4. จุดตะเกียง 7 ดาวต่ออายุ
  5. ปล่อยโคม 7 ดาว (โคมขงเบ้ง — 孔明燈)
  6. ดีดพิณบนกำแพงเมืองลวงทับสุมาอี้ (ฉีเหมิน มีวิชาเพื่อลวงข้าศึกอยู่เยอะมาก)
  7. ขโมยธนูจากทับโจโฉ
รูปปั้นจูเก่อเลี่ยง ภาพจาก https://tinyurl.com/y8n5awo9

หลิวป๋อเวิน

หลิว ป๋อเวิน (劉伯溫, Liú Bówēn) เกิดช่วง 700 ปีก่อน (1311 AD — 1375 AD) เป็นผู้ช่วยวางแผนการรบให้จูหยวนจาง (朱元璋, Zhū Yuánzhāng) และมีคุณาปการหลายอย่างจนได้รับแต่งตั้งเป็นมหาเสนาบดี

หลิวป๋อเหวินเป็นผู้เชียวชาญศาสตร์ด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คำกลอน ภาพเขียน โหราศาสตร์ ไสยเวท รวมไปถึงเป็นผู้เขียนตำราพิชัยสงคราม “ตำรามังกรเพลิง (火龍經, huǒlóngguǒ)” ซึ่งเป็นการวางแผนการรบที่เกี่ยวกับการใช้ปืนไฟ ลูกระเบิด ระเบิดพิษ

วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ที่เราใช้ในปัจจุบัน มาจากตำราที่ หลิวป๋อเวิน ที่แต่งไว้ หรือมีส่วนร่วมในการแต่ง หลายเล่ม เช่น

  1. 金函玉鏡奇門遁甲 : กล่องทอง กระจกหยก ฉีเหมินตุ้นเจี่ย
  2. 諸葛武侯奇門遁甲大全 : สารานุกรมฉีเหมินตุ้นเจี่ยของขงเบ้ง
  3. 奇門遁甲統宗大全 : สารานุกรมฉีเหมินตุ้นเจี่ย
  4. 奇門秘籠全書 : คู่มือเคล็ดวิชาฉีเหมิน

อาจกล่าวได้ว่า ถ้าขาดหลิวป๋อหวินไป ฉีเหมินตุ้นเจี่ย อาจจะสูญหายไปแล้ว หรือ อาจจะเกิดการแบ่งออกเป็นสำนักต่าง ๆ มากมาย ตามการตีความคัมภีร์โบราณ ดังเช่นที่ปรากฏในวิชาฮวงจุ้ย

หลิวป๋อเวิน ภาพจาก http://www.5011.net/lishi/90753.html

เหมาเจ๋อตุง

เหมาเจ๋อตุง (毛澤東, Máo Zédōng) เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากว่ามีการใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย เนื่องจากฤกษ์และทิศทางที่เหมาเจ๋อตุงกระทำการในเรื่องต่าง ๆ เช่น การการปฏิวัติ เจียงไคเช็ก ล้วนแต่ใช้ฤกษ์และทิศทางที่เป็นไปตามวิชาฉีเหมินตุ้นเจียทั้งนั้น

ซึ่งก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า เป็นเพราะเหมาเจ๋อตุงใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยจริง หรือ เป็นเพราะฟ้ากำหนดไว้ เลยอยู่ถูกที่ ถูกเวลา ถูกทิศ เอง

เหมาเจ๋อตุง ภาพจาก http://culture.dwnews.com/history/big5/news/2016-01-06/59708742.html

สายวิชา

ในสมัยโบราณดังเดิมนั้น ฉีเหมินตุ้นเจี่ยใช้วิธี ดูดวงบนท้องฟ้าเป็นหลัก หลังจากนั้นจึงเกิดมีสูตรคำนวณขึ้นมา เนื่อจากวิชา ฉีเหมิน เป็นวิชาที่มีความละเอียดและซับซ้อนสูงมาก และ ยังสามารถนำไปใช้ได้กับหลายส่วน ทำให้แต่ละสายมีความเชี่ยวชาญในแต่ละส่วนแตกต่างกันออกไป รวมถึงวิธีการประยุกต์ใช้ที่แตกต่างกันไปบ้าง ตามแต่ท่านปรมาจารย์ของสำนักเหล่านั้นจะให้ความสนใจและนำไปประยุกต์ใช้ ซึ่งแต่ละสำนักก็มีการพัฒนาวิชาในสายวิชาที่ตัวเองชำนาญออกไป

สิ่งที่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งก็คือ ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ทุกสายจะสอดคล้องกัน เนื่องจากการแบ่งสายเกิดจากการที่วิชานี้มีความซับซ้อนมาก ทำให้แต่ละท่านมีความชำนาญแค่บางส่วนของวิชา เป็นเรื่องยากมากที่จะเจอผู้ที่มีความชำนาญทุกด้านของวิชานี้ (ผมเองก็ชำนาญเฉพาะแค่บางเรื่องเช่นเดียวกัน)

ซึ่งจะแตกต่างกับการแบ่งสายวิชาของฮวงจุ้ย หรือ ดวงจีน ซึ่งเกิดจากความคิดเห็น หรือ การตีความจากตำราที่แตกต่างกัน ทำให้มีการแบ่งแยกสายหรือสำนักกันออกจากกัน อย่างไรก็ดีในปัจจุบันมีซินแสใหม่หลายท่านคิดทฤษฎีใหม่ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ในปัจจุบันโดยเฉพาะที่ประเทศไต้หวันมีการตั้งสำนักขึ้นมาใหม่ตามทฤษฎีที่ตนคิดขึ้นมาใหม่อีกเป็นจำนวนมาก (เช่น การขึ้นผังด้วยวิชานับวันแบบ 拆補 (chāi bǔ, ไช้ปู่) ก็พึ่งถูกคิดขึ้นมาใหม่ เป็นต้น)

โดยในปัจจุบันเราสามารถแบ่งสายวิชาในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ตามกลุ่มทฤษฎีที่ใช้ ออกได้เป็น 5 สายวิชาด้วยกัน คือ

  1. ดาราศาสตร์
  2. ซานหยวน
  3. เวทย์มนต์
  4. อย่างย่อ
  5. 64 ข่วยก่อนฟ้า

โดยแต่ละสายมีภาพรวมดังภาพด้านล่าง

ดาราศาสตร์ : 天文遁甲

天文遁甲 (tiān wén dùn jiǎ, เทียน เวิ๋น ตุ้นเจี่ย) — ตุ้นเจี่ยดาราศาสตร์ หรือมีอีกชื่อว่า 天禽遁甲 (tiān qín dùn jiǎ, เทียน ฉิ๋น ตุ้นเจี่ย) — [หมายเหตุ 天禽 เป็นชื่อของ ‘ดาว 5’ ใน 9 ดาวตามวิชาฉีเหมิน ซึ่งถือเป็นดาวตรงกลางที่ควบคุมดาวอื่น] ซินแสบางท่าน ก็จัดให้เป็นฉีเหมินสายของขงเบ้ง (เนื่องจากวิชาที่ขงเบ้งใช้ล้วนมาจากสายนี้)

สายนี้เป็นสายที่ใช้ วิถี 7 ดารา (7 ดาวเหนือ), 28 กลุ่มดาว และ กลุ่มดาวบนท้องฟ้าจริง ๆ ด้วย เช่น ดูว่า ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์ เคลื่อนผ่านกลุ่มดาวนี้ แปลว่าอะไร

สายนี้เป็นสายที่หลายคนมีความเชื่อว่าเป็นสายที่สูญหายไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วเนื่องจากวิชาในสายนี้ มีข้อห้ามสำคัญ คือ ห้ามถ่ายทอดวิธีคำนวณ และ วิธีดูดาวบนฟ้าให้กับคนนอกสาย (หรือนอกสำนัก) เด็ดขาด อีกทั้งยังมีการกำหนดลักษณะของดวงคนที่จะได้รับการถ่ายทอดไว้ด้วยว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้างจึงจะสามารถถ่ายทอดได้ ทำให้เราไม่ค่อยพบเห็นหรือรู้ว่ามีใครใช้วิชาสายนี้อยู่บ้าง

วิชาลับที่ขงเบ้งใช้ ส่วนใหญ่เป็นวิชาในสายวิชานี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ตะเกียง 7 ดาว, โคม 7 ดาว, ท่าก้าว 7 ดาราเหนือ รวมถึงการฝึกวิชาฉีเหมินขั้นสูง เช่น การเปิดตาที่ 3, การเชื่อมโยงฟ้าดิน, การเขียนฮู้, การบังคับพลังชี่ของสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องอาศัยฤกษ์ของฉีเหมินในสายนี้ประกอบด้วย

วิชาในสายนี้เป็นสายหนึ่งที่โดนต่อต้านโดยซินแสในสมัยปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเรื่องของการฝึกฝนจิต การเข้าถึงพลังชี่ การเข้าพลังเทพดาว เพื่อนำไปสร้างปรากฏการณ์เหนือสามัญสำนึกของมนุษย์ปกติจะเข้าใจ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ทำให้ผู้ที่ชำนาญหลายท่านในสายนี้ไม่ยอมเปิดเผยตัวมากนัก

วิชาของสายนี้ผมได้รับการถ่ายทอดจากปรมาจารย์ มาด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตาก็ว่าได้ คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปทำงานที่มาเลเซีย ได้ไปช่วยหยิบของให้ผู้หนึ่งที่ทำของตก (ซึ่งผมไม่รู้จัก) หลังจากชวนคุยสักพัก จึงได้มารูปที่หลังว่าท่านเป็นปรมาจารย์ฉีเหมินท่านหนึ่ง จึงได้รับการถ่ายทอดวิชานี้มา

ปัจจุบันเท่าที่ทราบมา คนที่รู้วิธีคำนวณของสายนี้ มี 4 คนในโลก คือ

  1. โจอี้ ยับ (Joey Yap)
  2. อาจารย์ ที่สอน โจอี้ ยับ
  3. ผม
  4. อาจารย์ ที่สอน ผม

ส่วนท่านอื่นอาจจะยังมีอยู่อีกมาก แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวแต่อย่างไร

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิธีในการคำนวณอยู่ในโปรแกรมอยู่แล้วผมจึงสามารถถ่ายทอดวิธีการใช้งานได้ไม่ผิดกฎแต่อย่างไร — รวมถึง วิชาตะเกียง 7 ดาว, โคม 7 ดาว ด้วย (ยุคนี้มีโปรแกรมมันก็ดีแบบนี้นี่เอง)

ภาพด้านล่างเป็นวิชาตะเกียง 7 ดาว (七星燈 — qī xīng dēng) เพื่อต่ออายุ จากหนังเรื่องสามก๊ก เคล็ดวิชาอยู่ที่ทิศทางที่ตะเกียงเรียงกัน ฤกษ์ยามที่เริ่ม ซึ่งเป็นไปตามตำแหน่ง 7 ดาววิชาของสายนี้

ดูหนังตัวอย่างได้ที่ https://v.qq.com/x/page/e0520wl8v6o.html

ภาพด้านล่างเป็นตัวอย่างวิชา โคม 7 ดาว เช่นเดียวกันคือ ฤกษ์ และ ทิศทางลมที่ปล่อย เป็นเคล็ดวิชาที่คำนวณโดยวิชาของสายนี้อีกเช่นกัน

ภาพขงเบ้ง และ โคม 7 ดาว จากภาพยนตร์เรื่อง Red Cliff

นอกจากนี้สายนี้ ยังมีการคำนวณโชคชะตา (ดูดวง) โดยสนใจเรื่องปัจจัยจากอดีตชาติ และ ความสามารถทางจิตวิญญาณ ต่าง ๆ ของเราด้วย โดยในวิชาของสายนี้เชื่อว่า ถ้าเราได้รับการฝึกฝนที่เหมาะสม จะสามารถใช้ความสามารถทางจิตวิญญาณที่ติดตัวมาจากอดีตชาติได้

ซานหยวน : 三元奇門遁甲

三元奇門遁甲 (sān yuán qí mén dùn jiǎ, ซาน เยฺวี๋ยน ฉีเหมินตุ้นเจี่ย) — ซานหยวนฉีเหมิตุ้นเจีย หรือเรียกว่า ‘ฉีเหมินตุ้นเจี่ย 3 วัฏจักร’ เป็นสายหลักที่มีการใช้ในปัจจุบัน ฉีเหมินที่มีการใช้งานโดยมากจะมาจากสายนี้ โดยมีการแบ่งผังเป็น 3 ยุค 9 ช่อง (หรือ 3 วัฏจักร 9 วัง)

ฉีเหมินที่เราใช้และ เราเห็นกันปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาในสายนี้ แต่แม้จะเป็นสายซานหยวน ก็มีซินแสหลายท่านพยายามช่วยกันปรับปรุงวิชานี้ โดยการคิดทฤษฎีขึ้นมาใหม่หลายทฤษฎี เช่น การคิดค้นวิธีขึ้นปฏิทินทางฉีเหมินแบบใหม่ แทนระบบเดิมที่ใช้มาหลายพันปี เพื่อให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรม หรือ บางทีก็เปลี่ยนการการที่ขึ้น 9 ดาวโดยการหมุน เป็นการเหินแบบดาวเหินแทน

ทำให้ปัจจุบันมีวิธีขึ้นผังฉีเหมิน อยู่หลายวิธี ตามแต่ละปรมาจารย์แต่ละท่านคิดกันมา โดยส่วนตัวระบบที่ผมมีความเผยแพร่ จะเป็นระบบดั่งเดิมตามแต่สมัยโบราณ ที่มีการใช้กันในราชวังของจีน ไม่ได้เป็นระบบตามซินแสสมัยใหม่ครับ (ส่วนผังผมขึ้นอย่างไร จะอธิบายในตอนต่อ ๆ ไปครับ)

ผังฉีเหมินตุ้นเจีย ถ้าแสดงเฉพาะส่วนที่เป็นไปตามวิชาซานหยวนฉีเหมินตุ้นเจี่ยทั่วไปก็จะมีลักษณะตามภาพด้านล่าง ซึ่งในการศึกษาฉีเหมินตุ้นเจี่ยนั้น จะเริ่มจากการศึกษาวิชาในสายนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะไปศึกษาวิชาในสายอื่น ๆ ต่อไป

ส่วนประกอบที่ใช้ในสาย ซานหยวนฉีเหมินตุ้นเจี่ย

เวทย์มนต์ : 法奇門

法奇門 (fǎ qí mén, ฟ่า ฉี เหมิน) ฉีเหมินเวทย์มนต์ จัดว่าเป็นหนึ่งในวิชาชั้นสูงของฉีเหมินตุ้นเจี่ย เป็นส่วนสำคัญและเคล็ดวิชาในการใช้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย ให้เกิดผลสำฤทธิ์อันน่าอัศจรรย์ น่าประหลาดใจ การจะใช้ฉีเหมินผลได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนวิชากลุ่มนี้เป็นหลัก

วิชาสายนี้ เน้นไปที่การฝึกจิต เพื่อเชื่อมโยงฟ้าดิน เพื่อติดต่อกับ 9 ดาว, 10 เทพ เพื่อรับรู้และใช้พลังงานจากธรรมชาติ มาพัฒนาชีวิตของเรา จึงเป็นอีกหนึ่งสายที่มีการต่อต้านจากซินแสสมัยใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ทำให้ผู้ที่ฝึกฝนวิชาสายนี้ โดนประณามจากซินแสสมัยใหม่เป็นอย่างมาก จนปัจจุบันหาผู้ที่ยอมสอนได้ยากมาก ส่วนใหญ่ต้องยอมไปเป็นนักพรตเต๋าก่อนถึงจะยอมสอนให้

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่าในวิชาฉีเหมิน เชื่อว่า ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา เราทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น แต่การที่เราจะทำอะไรนั้นก็อยู่ที่การตัดสินใจ และ สภาพแวดล้อมที่เราเจอ

วิชาในกลุ่มนี่ มุ่งเน้นให้เรามีพลังงานที่ดีในตัว เพราะการที่มีพลังงานที่ดีในตัวจะทำให้เรามีความคิดมีสติที่ดีไปในทางบวก และได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นผลทำให้ชีวิตมุ่งไปสู่หนทางที่ดีขึ้น

วิชาสายนี้หลัก ๆ จะประกอบไปด้วย การฝึกสมาธิ ฝึกจิต ฝึกชี่กง ฝึกการใช้ฮู้ (ยันต์จีน) เป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไป การศึกษาฉีเหมินตุ้นเจี่ย นอกจากศึกษาทฤษฎีในกลุ่มวิชาของ ซานหยวนฉีเหมินตุ้นเจี่ยแล้ว ยังแนะนำให้ฝึกจิตตามวิชาในสายนี้ควบคู่ไปด้วยเสมอเพื่อให้การใช้งานเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

อย่างไรก็ดีโดยมากถ้าจะเริ่มฝึกวิชาสายนี้ จำเป็นต้องขึ้นผังชะตาของตัวเองขึ้นมาก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรเริ่มฝึกอย่างไร (เหมือนขึ้นผังปาจื่อของดวงเรา แต่เป็นผังหน้าตาเหมือนฉีเหมินแทน)

ภาพด้านล่างเป็นตัวอย่าง ฮู้ ที่ใช้ในวิชาสายนี้

อย่างย่อ : 飛宮小奇門

飛宮小奇門 (fēi gōng xiǎo qí mén, เฟย กง เสี่ยว ฉีเหมิน) —ฉีเหมินวังเหินเล็ก เป็นฉีเหมินอย่างย่อ ที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ให้มีความง่ายในการใช้งาน วิชาในสายนี้ จะใช้ 10 กิ่งฟ้า กับ 8 ประตู แต่ไม่ได้มีการใช้ 9 ดาว และ 10 เทพ นอกจาก นั้นยังมีการเพิ่มองค์ประกอบ อีก 2 อย่างคือ

  1. 十二天星 (shí’èr tiān xīng, สือเอ้อร์ เทียน ซิง) 12 ดาวสวรรค์ — คนไทยรู้จักกันในชื่อ 12 เกี๋ยง
  2. 十二原神 (shí’èr yuán shén, สือเอ้อร์ เยฺวี๋ยน เสิ๋ิ๋น) 12 เทพต้นกำเนิด

มีปรมาจารย์บางท่าน ได้นำวิชาในสายนี้ มารวมกับวิชาฉีเหมินปกติ ทำให้มีรายละเอียดในการวิเคราะห์เพิ่มขึ้นอย่างมาก (บางทีก็อาจจะมากเกินไป จนเห็นแล้วทำให้ปวดหัวได้เลย 555)

64 กว้า (64 ข่วย) : 六十四卦先天奇門遁甲

六十四卦先天奇門遁甲 (liù shí sì guà xiān tiān qí mén dùn jiǎ, ลิ่วสือซื่อกว้าเซียนเทียน ฉีเหมินตุ้นเจี่ย) — 64 กว้าก่อนฟ้าฉีเหมินตุ้นเจี่ย เป็นฉีเหมินที่นำผัง 64 กว้าก่อนฟ้า มาใช้ในการขึ้นผังเพื่อใช้พยากรณ์ หรือ หาฤกษ์ยามกับฮวงจุ้ย 64 กว้าเนื่องจากมีการคำนวณซับซ้อนมาก จึงทำให้ไม่มีการเปิดสอนมากนัก

ผังฉีเหมินของแต่ละกว้า (แต่ละทิศใน 64 ทิศ) จะเปลี่ยนไปในแต่ละยาม ทำให้ผัง 64 กว้าที่เราใช้กันตามปกติจากเดิมที่เป็นผังคงที่ เปลี่ยนเป็นผังที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกยาม

ผู้ใช้วิชาในกลุ่มนี้ นอกจากจะต้องมีความชำนาญในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยอย่างดีแล้ว ยังจำเป็นต้องมีความชำนาญในเรื่อง 64 กว้า, การเปลี่ยนเส้นของกว้า ทั้ง 3 แบบ และ อี้จิง เป็นอย่างดี (ขอสารภาพว่า ถึงแม้ว่าผมจะใช้เป็นแต่ก็ยังไม่ชำนาญซะที)

วิชาสายนี้ ถ้ามีโอกาส ผมจะเปิดสอนในโอกาสต่อไป (ตอนนี้โปรแกรมสร้างผังเสร็จแล้ว ภาพด้านล่างนี่ได้จากการใช้โปรแกรมที่พัฒนาเองสร้างขึ้นมา)

วิชาฮวงจุ้ย และ ฤกษ์ยาม ในสาย 64 กว้า เป็นวิชาที่มีเข้าใจผิดว่าเป็นสายซานหยวนอยู่มาก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดลามมาถึงวิชาฉีเหมินตุ้นเจียว่า วิชาสาย 64 กว้า คือ ‘ซานหยวนฉีเหมินตุ้นเจี่ย’ และไปเรียกวิชาสายซานหยวนจริง ๆ ว่า สาย ‘ซาฮะฉีเหมินตุ้นเจี่ย’ แทน

แท้จริงแล้ววิชาในสายนี้ที่มีการเปิดสอนทั่วไปนั้นไม่ได้เป็นสายซานหยวน เนื่องจากมีเพียงแค่ 2 วัฏจักร (2 ยุค) คือ วัฏจักรบน (ยุคบน) กับ วัฐจักรล่าง (ยุคล่าง) แต่ ซานหยวน (三元) แปลว่า 3 วัฐจักร (3 ยุค) คือ วัฏจักรบน, วัฏจักรกลาง, วัฏจักรล่าง วิชาที่มีแค่ 2 วัฏจักร จะไปอยู่ในสาย 3 วัฏจักร ได้อย่างไร?

อื่น ๆ และ ลูกผสม

ในวิชาฉีเหมิน ยังมีปรมาจารย์บางท่านนำวิชาสายอื่นผมผสมผสาน ใช้งานอีกด้วย เช่น บางท่านก็นำ 12 ขุนพลจากวิชา ลิ่วเริ่นเสินเค่อ มาใช้ร่วมด้วย, บางท่านก็ใช้ดาวเหินร่วมในการพยากรณ์ด้วย ตามแต่ความถนัดของแต่ละท่าน

ข้อแนะนำเบื่องต้นในการศึกษานั้น แนะนำว่าเราควรมุ่งไปที่วิชาในสาย ซานหยวนฉีเหมินตุ้นเจี่ย ให้ชำนาญเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยลองนำวิชาอื่น ๆ เข้ามาผสม และ ประยุกต์ใช้ต่อไป

2 กลุ่มหลัก

ตามบันทึกกล่าวว่า ฉีเหมินนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ

  1. ฉีเหมินจักรพรรดิ — ซึ่งในสมัยโบราณจะสงวนไว้สำหรับการใช้งานกับจักรพรรดิ เท่านั้น ไม่มีการเปิดเผยกับคนนอก ไม่มีการสอนกับคนนอก ซึ่งเป็นวิชาที่มีความสมบูรณ์และซับซ้อนมา เช่น มีการใช้วิชาในสายฉีเหมินดาราศาสตร์ มีผังที่ใช้ทั้งผังปี ผังเดือน ผังวัน ผังยาม มีเรื่องพิธีกรรม เป็นต้น
  2. ฉีเหมินชาวบ้าน — ซึ่งเป็นฉีเหมินทั่วไปที่มีการใช้กันในปัจจุบัน เน้นไปที่การทำนายโดยใช้ผังยามเป็นหลักเท่านั้น และจะใช้แต่วิชาในสาย ซานหยวนฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นหลัก

ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะนำเสนอในโอกาสต่อไป

ในระบบที่วางแผนจะเปิดสอนจะเป็นในกลุ่มฉีเหมินจักรพรรดิ ซึ่งโปรแกรม ที่พัฒนาตอนนี้สามารถคำนวณผังฉีเหมิน วัน เดือน ปี ได้เป็นที่เรียนร้อยแล้ว (ไหน ๆ จะสอนแล้วก็เอาให้สุด ๆ ไปเลย)

ตอนหน้า

ตอนหน้า ตอนที่ 3 ผมจะยกตัวอย่างการเอาไปใช้งานแง่ต่าง ๆ ให้พอเห็นภาพวิชา เช่น การนำไปใช้ดูดวงเป็นอย่างไร การนำไปใช้ดูฮวงจุ้ยเป็นอย่างไร เป็นต้น

ตอนที่ 4 ผมจะเริ่มเข้าสู่ แนวทางการศึกษาวิชานี้ และการนำไปใช้งานเบื่องต้น คาดว่าโปรแกรม เวอร์ชั่นเบื่องต้นคงเสร็จช่วงนี้พอดี

ขอให้ทุกท่านได้รับประโยชน์จากบทความนี้ครับ

ถ้าสนใจติดตาม บทความอื่น ๆ สามารถไปกด Like ได้ที่ Facebook
https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/

Credit ภาพประกอบ Cover : ตามตอนที่ 1

--

--