คุยกับผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Dek-D’ 18 ปีกับอาณาจักรวัยรุ่นไทย

Top Ponpawit
3 min readMay 30, 2018

--

สวัสดีครับ วันนี้ท้อปพาเพื่อนๆมาอยู่ที่อาคารชาร์เตอร์สแควร์ ชั้น 29 พื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร

สถานที่ที่เราจะได้พบกับชายคนหนึ่ง ผู้สร้างอาณาจักรเว็บไซท์วัยรุ่นไทยที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีกับ DEK-D.COM

จากการเริ่มต้นตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมกับเพื่อนๆ 4 คนจนปัจจุบันเติบโตมาถึงปีที่ 18 แล้ว มาติดตามได้กับผู้ชายที่มีชื่อว่า “ปอล ปกรณ์ สันติสุนทรกุล ”

กว่าจะมาเป็น DEK-D หรือ บริษัท เด็กดีอินเทอร์แอคทีฟ ?

ย้อนไปตั้งแต่เรียนอยู่ม.5 สมัยนั้นเรามีกิจวัตรประจำวันที่คลุกคลีกับการใช้อินเตอร์เน็ต เลิกเรียนก็กลับมาบ้านเล่นไอซีคิวกับเพื่อนบ่อยๆ จนรู้สึกว่าไม่ค่อยมีเว็บสำหรับวัยรุ่นคุยกันเลย มีแต่วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ เลยปิ๊งไอเดียอยากทำเว็บขึ้น

ขั้นตอนแรกเริ่มจากการไปประกาศหน้าห้องก่อน ตอนนั้นมีประมาณ 40 กว่าคน

ได้คนสนใจมา 4 คน โดยช่วงเริ่มต้นที่คุยกันวางแผนทำเว็บ พวกเราอยากจะลองฝีมือที่จะเรียนด้านคอมพิวเตอร์ต่อด้วยในระดับมหาวิทยาลัยเลยเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ฝึกฝีมือและรู้ว่าชอบด้านนี้จริงๆไหม

การสร้างเนื้อหาในเว็บเริ่มจากใกล้ๆตัว เริ่มจากเขียนเองก่อน ค่อยๆขยาย ให้เพื่อนในห้อง เพื่อนต่างโรงเรียนช่วยกันเขียน ใครถนัดอะไรด้านไหนก็ช่วยๆกัน

ภาพสมัยก่อตั้งช่วงแรกๆที่ได้ลงในจุลสารของโรงเรียน

เกือบยอมแพ้

ช่วงที่เริ่มทำมีกระแสดอทคอมมาพอดี ประมาณว่าทำเว็บแล้วมีคนมาซื้อต่อสิบล้านร้อยล้าน มันเลยเหมือนเป็นแรงบันดาลใจเป็นไฟให้พวกเรา หวังว่าสักวันจะมีคนมาซื้อ แถมยังสามารถขายโฆษณาได้อีกทาง

ผลปรากฎว่า ทำอยู่ปีนึงไม่มีรายได้เข้ามาเลย ค่าใช้จ่ายก็มีโดเมน โฮสติ้ง อุปกรณ์ก็ของพ่อแม่หมดเลย เวลาก็ไม่ได้คิด ทำเว็บถึงเที่ยงคืนเลยหนังสือแทบไม่ได้อ่าน

ตอนแรกว่าจะเลิกแล้ว คิดว่าทำมาตั้งนาน ตังค์ก็ไม่ได้ แต่มันมีปัจจัยนึงที่ดึงให้เราไม่ยอมแพ้ หรือหยุดทำ

สิ่งนั้นคือการที่เราเห็นว่ามีน้องๆเข้ามาใช้เรื่อยๆ และน้องเหล่านี้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย คือมาคุยเรื่องเรียน การบ้าน แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์กัน เล่าเรื่องในโรงเรียน มันมีประโยชน์ต่อน้องๆจริงๆ เลยตัดสินใจลุยต่อ

หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีติวเตอร์ติดต่อเข้ามา ตอนแรกก็ตกใจว่ามาด่า มาจับเรารึป่าว เพราะอาจมีกระทู้ของทางเว็บที่เด็กไปโพสว่าเขา

แต่ไม่ใช่ เพราะติดต่อเข้ามาเรื่องลงโฆษณา สาเหตุก็มาจากเด็กๆที่เรียนสถาบันเขาแนะนำมาให้รู้จักกับเว็บนี้ อันนั้นเป็นรายได้ก้อนแรก เลย

พอมีติวเตอร์รายแรกมาก็มีรายต่อๆมาเข้ามาเรื่อยๆ จากเรื่องนี้ทำให้เราได้บทเรียนมาเลยว่า กลุ่มเป้าหมายสำคัญมาก เพราะเรามีกลุ่มที่เป็นวัยรุ่นชัดเจน เลยทำให้ทางธุรกิจสนใจ

“ถ้าอยากทำธุรกิจก็ลองหาตัวอย่างมาก่อนสักคนนึง

และคนอื่นก็จะกล้าลงตาม”

ตอนนี้ DEK-D มีบริการทางการศึกษามากมาย มีทั้งอีเว้น จัดสอบ นิยาย เซคชั่นที่เป็นแฟชั่น เรียนต่อนอก ไลฟ์สไตล์ วัยรุ่น เนตไอดอล และอ็กเว็บนึงของบริษัท ชื่อว่า dogilike ด้วย

ทำไมถึงชื่อเด็กดี ?

คิดชื่อกันเยอะมาก ตอนแรกไม่ได้ชื่อนี้ อยากได้ชื่อที่มันดูเท่ห์ๆวัยรุ่นอย่างเราเนี่ย ตอนแรกก็นึกถึงชื่อภาษาอังกฤษ ก็พึ่งเรียนมา teenager generation x อะไรพวกนี้

ใครไม่รู้พูดขึ้นมา เอาชื่อไทยดีไหม เผื่อมันดังด้วย เด็กดีไหมล่ะ ?

เพื่อนพอได้ยินก็แบบดี จำได้ง่าย ดี แต่เรารู้สึกว่าทำไมมันเนิร์ดจัง แต่ก็ไม่เป็นไร ปรากฏว่าชื่อแบบนี้ล่ะ ทำให้พูดถึงง่าย และทำให้คนคาดหวังไปในตัวว่านี่มันเด็กดีจริงรึป่าว วันนึงมีอะไรไม่ดีหลุดมาก็จะกลายเป็นเด็กไม่ดี เป็นชื่อ่ที่ถูกแซว ถูกล้อง่าย

ความยากของการทำ DEK-D

คือการรักษา concept ไม่ใช่แค่ว่าทำอะไรที่คนดูเยอะๆ คนคาดหวังว่าต้องดี มีสาระ ถ้าเราพลาดนิดนึงก็จะโดนบ่นแล้ว กลายเป็นว่าชื่อนี่ละ เป็นโจทย์บังคับว่าเราต้องทำให้ดี ถ้าเขาไว้ใจเราแบบนี้ เราก็ต้องทำไม่ให้เกิดจุดที่ไม่โอเคกับเขา

เพราะเราเชื่อว่าการที่เราคัดกรองเนี่ยมันจะทำให้เราอยู่ได้นานกว่า ยั่งยืนกว่า

เพื่อนกันทำธุรกิจด้วยกันได้ไหม?

เราเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนในห้องเรียน เราจะรู้ว่าเขาเป็นคนประมาณไหนก่อน

โอเคมันมีปัญหา อาจจะทะเลาะต่างกันบ้าง แต่คุยกันได้ ยิ่งทะเลาะกันช่วงต้นๆได้ยิ่งดีจะได้รู้ว่ามันเคลียร์ มันไปได้รึเปล่า บางคนมีช่วง honeymoon period พอถึงคราวทะเลาะกันทีแตกหักกันเลย มีปัญหาบ้างคุยเหตุผลกัน หาข้อตกลงกัน set ออกมาให้มันชัดเจนจะดีกว่า

ความท้าทายของยุคสมัย

10ปีแรกสบายมาก พอถัดมาจากวันนั้นมันเปลี่ยนไปหมดเลย ตอนแรกๆเหมือนติดลมบน มีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งยาวเราจะยิ่งรู้ สมัยนี้เราทำ product ใหม่ๆ แปปเดียวก็มีคู่แข่งโผล่ขึ้นมา มีสิ่งเข้ามาแทนที่

จากเดิม3ปีปรับที 1 ปีปรับที เดี่ยวนี้ 1 เดือน ต้องมา revise บ่อยๆว่าโมเดลธุรกิจเดิมยังใช้ได้ไหม แผนการต้องปรับไหม

หลักสำคัญในการเลือกทำโปรเจคอะไรใหม่ๆ

1. ต้องมีผู้ใช้มากพอ ไม่ใช่แค่ 1 เสียงจาก 100 เสียง ถ้า 100 คน พูดมาสัก 20 คนก็เริ่มสนใจละ อีก 80 อาจจะไม่ได้นึกถึง แต่จริงๆเขาอาจจะอยากใช้ก็ได้

2. พอเริ่มขยายมากขึ้นมากกว่า 4 คนจากผู้ก่อตั้งตอนแรก ก็ต้องเริ่มดูว่ามีโอกาสทางธุรกิจไหม เราทำได้ไหม จะหารายได้ได้ไหม อาจไม่ใช่เรื่องที่เราถนัดโดยตรงแต่เป็น สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายเราต้องการ เราก็ต้องทำ

อะไรที่ทำให้ DEK-D ประสบความสำเร็จ ?

1. เรารักษา concept ความเป็น DEK-D ได้อย่างเสมอมา คอนเซปต์ที่ว่านั่นคือการเป็นเรืองดีที่มีประโยชน์ รับผิดชอบต่อสังคม

2. เราปรับตัวเรื่อยๆ บอกกับพนักงานเสมอว่าเราจะกินบุญเก่าอย่างเดียวไม่ได้นะ ส่วนตัวเป็นคนคิดเยอะคิดมาก เป็นคนระแวงมาก คิดอยู่เสมอว่าวันพรุ่งนี้เราจะเจ๊งไหม อาจจะดู negative หน่อย แต่มันจะทำให้เรารอบคอบ และคอยอุดความเสี่ยงต่างๆให้หมด

อีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า

พยายามเน้น 2 ขา คือ ขาการศึกษา กับ ขานิยาย

ขาการศึกษา ทำให้เด็กมีโอกาสในชีวิตมากขึ้น ได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ ล่าสุดDEK-Dกำลังทำระบบแบบเรียนออนไลน์ เดี๋ยวรอดูว่าจะต่างกับที่อื่นอย่างไร หรืออีกตัวอย่างอย่างกับการจัดพรีแอดมิชชั่น ที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อเด็กๆมากเลย ตอนแรกเราอยากจัดแคบๆจัดในกรุงเทพแต่เด็กต่างจังหวัดก็ต้องการ เราเลยขยายไปมากขึ้นในตอนนี้

สิ่งที่อยากแนะนำองค์กรใหม่ๆ

1.ทุกอย่างไม่มีอะไรยั่งยืน ที่เราเห็นโมเดล Startup ใหม่ๆใช่ว่ามันจะรอดพอผ่านไปหนึ่งปีอาจจะใช้ไม่ได้

2. ควรมีเงินสำรองให้ได้เยอะๆ ให้มากที่สุด เป็นสายป่านให้เรา กันสำหรับความผิดพลาด

ในอนาคตเด็กๆต้องเตรียมอย่างไร

ต้องยอมรับก่อนว่ามันจะมาจริงๆ และปรับตัวไปกับมัน ตอนนี้มีหลักสูตรใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ตัวอย่างเช่น วิทยาการคำนวณ สอนเด็กประถมให้เขียนโปรแกรม

เราต้องอย่ากลัวและใช้ประโยชน์จากตรงนั้น

ต่อยอดต่อไป

มุมมองต่อการศึกษา

เริ่มตั้งแต่อนุบาล ประถม วิธีการสอน ต้องให้ความสำคัญกับความแตกต่าง ความสนใจของแต่ละคนเลย

“เด็กคนนี้อยากเป็นครู อยากเป็นวิศวกร

เราต้องดูแลเขาไม่เหมือนกัน”

ช่วยทดสอบเขาตั้งแต่เด็กๆ และต่อยอดเขาให้ได้ ทุกวันนี้มันเป็น mass สอบเหมือนๆกันไปหมด เราดูแลเด็กแบบนั้นไม่ได้

.

.

.

.

.

เป็นยังไงกันบ้างครับ บอกเลยครับว่า

พี่ปอลและทีมงานเก่งและมีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากนี้ออฟฟิศของที่นี่ยังมีบรรยากาศที่น่าทำงานมากๆ กับมุมผ่อนคลายอย่างโต๊ะปิงปอง มุมอ่านหนังสือ และพื้นที่นอนงีบสำหรับเหล่าพนักงาน

ก่อนจากกันไป ท้อปต้องขอขอบคุณพี่ปอลมากนะครับที่ให้โอกาส ให้เราได้เข้ามาซึมซึบเรื่องราวที่มีค่ามากๆ ได้เห็นการเติบโตที่เรียกว่าอาณาจักรเด็กดี ว่ากว่าจะมาเป็นDEK-Dในวันนี้ไม่ง่ายเลย

หวังว่าเรื่องราวในวันนี้จะเป็นความรู้ มุมมองและแง่คิดดีดีให้กับคุณ

ไม่มากก็น้อยนะครับ :)

ยังมีเรื่องราวอีกหลากหลายท่านที่ท้อปได้ไปพบเจอ

ฝากติดตามเรื่องราวแบบนี้ได้ที่บล็อกหรือแฟนเพจของท้อปได้เลยนะครับ

https://www.facebook.com/TopView-304808626665099/

--

--