ลดไขมันได้โดยไม่สลายกล้ามเนื้อ

poppygfca giftgift
2 min readMay 27, 2018

ดังที่เคยเล่าไปในหลายๆรายละเอียด ว่าการที่จะลดหุ่น รวมทั้งไขมันส่วนเกินได้นั้นต้องลดสลายที่ตัวมวลไขมันเป็นหลักแล้วก็รักษามวลกล้ามไว้เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับการเผาผลาญพลังงาน แต่ว่าเรื่องจริงเป็น ในขณะที่พวกเราลดความอ้วนนั้นร่างกายจะเผาผลาญ พลังงาน ไขมันส่วนเกิน น้ำและก็กล้าม ไปพร้อมเพียงกัน มากมายน้อยนั้นขึ้นกับสารอาหารพลังงานที่ได้รับ กิจกรรมการบริหารร่างกาย แล้วก็การพักผ่อนหย่อนใจโดยโภชนาการ รวมทั้งการบริหารร่างกาย มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้พวกเรารักษากล้ามเอาไว้ในในขณะที่ลดไขมันส่วนเกินออกไปได้

ลดรายได้เพิ่มรายการจ่าย หลักกการการเผาผลาญพลังงานแบบง่ายๆ
การจะลดไขมันได้นั้น ต้องทำให้ร่างกายรับพลังงานน้อยกว่าที่ใช้ออกไปเพื่อร่างกายทำความเข้าใจที่จะเอาไขมันสะสมมาใช้ ถ้าเกิดเปรียบกล้วยๆก็เช่นเดียวกับระบบการคลังของพวกเราๆท่านๆนั้นหล่ะเป็น
พลังงานรวมทั้งสารอาหารที่พวกเราทานทุกมื้อเป็น รายได้ประจำ (คนไหนกันทำฝิ่นหลายมื้อก็ได้มากมายหน่อย)
การใช้พลังงานของระบบต่างๆในร่างกายแล้วก็การบริหารร่างกายเป็นรายการจ่าย (นอนเฉยๆค่าใช้จ่ายก็น้อยแต่ยังไงก็จ่าย)
ไขมันสะสมเป็น เงินเก็บที่เหลือใช้จากค่าใช้จ่าย (รับมากมายจ่ายน้อยใช้น้อยก็เหลือเก็บมาก)
เมื่อเทียบแบบงี้พวกเราก็จะมองเห็นต้นสายปลายเหตุที่ทำให้พวกเราอ้วนขึ้น แล้วก็ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

รายได้ > รายการจ่าย = เงินเหลือเก็บแถมดอกผลเลยมากมาย = อ้วนขึ้น
รายได้น้อย (=) ค่าใช้จ่ายก็น้อย = เงินเหลือเก็บเหมือนเดิม = น้ำหนักไม่ลง
รายได้มากมาย (=) รายการจ่ายก็มากมาย = เงินเหลือเก็บเหมือนเดิม =น้ำหนักไม่ลง
รายได้ < ค่าใช้จ่าย = เบาๆควักกระเป๋าเก็บมาใช้ = เบาๆซูบผอมลง
รายได้ < เพิ่มค่าใช้จ่ายแบบสุดๆ= ตีกระปุกเอาเงินเก็บมาใช้อย่างรวดเร็ว= ผอมบางแต่ว่าย้วย
ด้วยเหตุนั้นการที่พวกเราจะผลาญเงินเก็บสะสมของพวกเราให้ต่ำลงได้อย่างช้าๆเป็น ต้องทำให้รายได้ลดลงน้อยและก็เพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นอย่างค่อยๆเป็น ค่อยๆไปนั้นเอง

แหล่งและก็จำพวกของพลังงานภายในร่างกาย
เมื่อรู้ถึงวิธีการว่าจะเอาไขมันออกได้เช่นไรแล้ว สิ่งที่จะจะต้องทำความเข้าใจอีกอย่างเป็น ร่างกายนั้นได้รับแล้วก็เก็บพลังงานเช่นไร โดยร่างกายนั้นจะมีแหล่งพลังงานอยู่ 2 แหล่งแล้วก็จะใช้ตอนที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น

Dietary Fuel
แหล่งพลังงานรายวันพร้อมใช้ เสมือนร้านค้าสบายซื้อที่เรียกว่า Dietary Fuel เจ้าพลังงานพร้อมใช้นี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนเป็นฯลฯโคนของพลังงานที่กล้ามจำต้องใช้โดยตรง ฟอสฟาเจนที่เก็บสะสมเอาไว้ในกล้ามทั่วร่างกายเมื่อคิดเป็นพลังงานจะได้ 5.7–6.9 กิโลแคลอรี่ ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อย สามารถประยุกต์ใช้สำหรับในการบริหารร่างกายอย่างมากได้เพียงแค่ 10 วินาทีเพียงแค่นั้น ดังเช่นการวิ่งเร็ว 100 เมตร แต่ว่าจุดแข็งก็คือร่างกายสามารถนนำพลังงานมาใช้ได้อย่างเร็ว อีกส่วนนึงเป็น Glycogen (ไกลวัวเจน) เป็นแหล่งพลังงานที่กล้ามรวมทั้งตับสะสมไว้ โดยคิดเป็นพลังงานรวมกันราวๆ 2000 แคลอรี่ (มากมายน้อยขึ้นกับ เพศ วัย น้ำหนักความสูง และก็ กรรมพันธุ์) พลังงานพร้อมใช้ Dietary Fuel นั้นจะได้จากสารอาหารที่พวกเราทานเข้าไปในทุกๆวันซึ่งอย่างเช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมันและก็ โปรตีน แล้วก็จะเก็บมากมายหรือน้อยขึ้นกับสภาพร่างกายแล้วก็การใช้ชีวิตของแต่ละคน โดยกรรมวิธีการดึงสารอาหารมาเป็นพลังงานนั้นร่างกายจะเริ่มจากการใช้ ATP-PC และก็ตามด้วย Glycogen (ไกลวัวเจน) แล้วก็ Body Fuel เป็นลำดับ

Body Fuel
แหล่งพลังงานสะสมแหรือแหล่งพลังงานสำรองที่เก็บเอาไว้ในร่างกาย จะได้จากสารอาหารที่เหลือใช้จากการใช้แรงงานหรือที่เหลือจาก Dietary Fuel โดยจะเก็บในลักษณะของโปรตีนในกล้ามแล้วก็ไขมัน รวมทั้งจะดึงออกมาใช้งานก็เมื่อพลังงานรายวันพร้อมใช้ (Dietary Fuel) หมดลง แล้วก็ใช้ในการสร้างเสริมและก็ซ่อมบำรุงกล้ามเป็นหลัก โดยกรรมวิธีดึงเอาพลังงานของกรุ๊ป Body Fuel จะเริ่มจากการสลาย โปรตีนในกล้าม > ไขมัน เป็นลำดับ

เผาผลาญยังไงให้โดนไขมันโดยรักษากล้ามไว้
กรรมวิธีการที่นิยมใช้กันสำหรับในการสลายไขมันโดยให้มีการสูญเสียกล้ามต่ำที่สุดเป็น ทำให้ร่างกายมองเห็นจุดสำคัญของกล้าม เป็นจำเป็นต้องใช้กล้ามเสมอๆหรืออกพลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำพร้อมกันกับการควบคุมจำนวนของกินให้ได้ตามจำนวนที่สมควรไม่เหลือเก็บสะสม เนื่องจากเมื่อไรที่ร่างกายมีจำนวนพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและก็ไขมันอย่างพอเพียงร่างกายก็จะไม่สลายโปรตีนในกล้ามมาเป็นพลังงาน

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเราสูญเสียกล้ามเท่าไรนัก ควรจะจัดให้มีโปรแกรมการอกพลังกายแบบเรงต้านทาน (weight training) เพิ่มปริมาณมวลกล้าม ควบคุ่กับการบริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอ เมื่อพวกเรามีกล้ามมากขึ้นโน่นหมายความว่าการเผาไหม้พลังงานส่วนพร้อมใช้ ในระหว่างวันก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุว่าทุกๆ0.5 กก.ของมวลกล้ามที่มากขึ้นจะช่วยเพิ่มการเผาไหม้พลังงานได้ 40–50 kcal ต่อวันอย่างยิ่งจริงๆและก็ถ้าเกิดบริหารร่างกายเสริมด้วย ร่างกายจะใช้พลังงานพร้อมใช้ไปจนกระทั่งหมดในตอนครึ่งชั่วโมงแรกของการบริหารร่างกายรวมทั้งจะดึงเอาไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงานแทนภายหลังที่พลังงานส่วนแรกหมดลงเพื่อทดแทนแล้วก็ปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมกล้าม ที่ใช้ขณะบริหารร่างกาย

จำกัดการรับพลังงาน ไม่สมควรงดเว้นคาร์โบไฮเดรตต่ำเหลือเกิน
เรื่องโภชนาการก็ยังสำคัญควรจะรำลึกไว้เสมอ ว่าร่างกายจำต้องใช้พลังงาน ถ้าคนเป็นคนบริหารร่างกายควรจะใคร่ครวญความหนักของการบริหารร่างกายด้วย ภายหลังการทานอาหาร ร่างกายจะเลือกใช้พลังงานพร้อมใช้ (Dietary Fuel) ก่อน พอหมดลงก็เลยจะปรับมาใช้พลังงานที่สะสมไว้ (Body Fuel) แล้วก็เพื่อมั่นใจว่าขั้นตอนนี้จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างเร็วพวกเราควรจะจัดแบ่งญจำนวนของกินให้พอเหมาะพอดี ถ้าหากว่ากิจกรรมการบริหารร่างกายของคุณเป็นสายฮาร์ทคอร์ ระดับการเต้นของหัวใจอยู่ที่75% ขึ้นไป ควรจะเพิ่มเติมของกินกรุ๊ปคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นอาจมีรูปทรงของคาร์โบไฮเดรตได้ถึง 60–70% อย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นหากเป็นฝูงคนที่บริหารร่างกายธรรมดา สูตรที่ได้รับความนิยมสำหรับการจัดของกิน เป็น

คาร์โบไฮเดรต 40% (1–2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล )
โปรตีน30% (2–3 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 โล ( ขึ้นกับกิจกรรมการบริหารร่างกายด้วย )
รวมทั้งไขมัน 30% (จะต้องเป็นไขมันดี กรุ๊ป Monounsaturated Fat )
ซึ่งรูปร่างดังกล่าวข้างต้นจัดว่าพอเพียงแล้วสำหรับเพื่อการบริหารร่างกายในระดับธรรมดา

คาร์ดิโอแบบ Low Intensity สำเร็จถูกจุด
การบริหารร่างกายที่จะช่วยเผาผลาญพลังงานที่จำต้องทำพร้อมกันกับการบริหารร่างกายแบบแรงต้านทานเป็นการบริหารร่างกายแบบแอโรบิกหรือการคาร์ดิโอ โดยปกติร่างกายจะใช้พลังงานจากไขมันส่วนเกินในระหว่างพักหรือการบริหารร่างกายที่น้ำหนักถึงปานกลาง (60–75%ของMHR) ที่ทำต่อเนื่องกันสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานึง แต่ว่าเมื่อไรที่การออกกำลังหนักขึ้นใช้แรงมากเพิ่มขึ้นร่างกายจะดึงพลังงานจากGlycogen (ไกลวัวเจน) มาใช้มากยิ่งกว่า ได้แก่ที่ระดับ 90% ของ MHRก็จะใช้พลังงานจาก Glycogenในรูปทรงถึง 70% อย่างยิ่งจริงๆ
แม้ว่าการบริหารร่างกายที่หนักจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ว่าร่างกายมนุษย์ไม่สามารถที่จะแข็งแรงกับการบริหารร่างกายหนักๆสม่ำเสมอเป็นเวลานานๆแล้วก็การที่พวกเราใช้ Glycogen (ไกลวัวเจน)สำหรับในการเล่นแบบหนักๆนานๆจะก่อให้กรดแลคติคคั่งอยู่ในกล้ามมากมาย การยุบตัวของกล้ามก็จะถูกยั้ง ก็เลยนำมาซึ่งการอ่อนล้าตามมา เมื่อเปรียบแล้ว ผู้ที่อยากลดไขมันควรจะบริหารร่างกายแบบค่อยถึงปานกลางและก็ใช้เวลาสำหรับในการบริหารร่างกายให้นาน จะช่วยเผาผลาญพลังงานจากไขมันส่วนเกินได้มากว่า

ข้อควรไตร่ตรอง
ไม่สมควรลดของกินมากมายๆแล้วไปบริหารร่างกายคาร์ดิโอหนักๆหรือฝึกฝนหนักๆขณะที่ท้องว่าง เพราะว่าผลที่ได้รับเป็นร่างกายจะเผาผลาญไขมันไปเพียงแค่เล็กน้อย แม้กระนั้นจะยังรักษามวลไขมันไว้ (skiny fat) ufabet ก็เลยทำให้รูปร่างมองไม่ฟิต ไม่เฟิร์ม หย่อนยาน ด้วยเหตุนั้นนักปราชญ์หลายๆท่านก็เลยชี้แนะให้ทานของกินชนิดแป้งในมื้อก่อนบริหารร่างกายแล้วก็ ให้จัดวางโปรแกรม weight training ไว้ก่อนจะมีการคาร์ดิโอเสมอเพื่อพวกเราใช้พลังงานพร้อมใช้ให้หมดไปให้ได้มากที่สุด ในระหว่างที่สร้างเสริมกล้ามไว้ และก็ ใช้การคาร์ดิโอเบาๆเลียนแบบน้อย 30–40 นาทีเพื่อสลายไขมันสะสม

--

--