WAT 2022 the Serie | ep.1 ได้เวลาก้าวออกมาจาก Comfort Zone

Chanyanuch Likitpanjamanon
2 min readOct 22, 2022

--

สวัสดีทุกคน กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราว ประสบการณ์ Work and Travel ที่ USA ของเรา นี่ก็คงจะเป็นปีแรก และปีเดียวที่เราจะมารีวิวการไป WAT ของเรา เพราะเราเรียนจบแล้วคิคิ

ep.1 -> เราก็จะมาเล่าคร่าวๆ ถึงที่มา ที่ไป ว่าเอ๊.. ทำไมนะ ทำไมเราถึงตัดสินใจไป WAT ค่าใช้จ่ายในการไปครั้งนี้ ไปทำงานอะไร แล้วก็ไปเมืองไหน

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจไป WAT ?

อย่างแรกเลย คืออยากไปฝึกภาษา อยากเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมชาวต่างชาติ เพราะนี่คิดว่า การไปตรงนั้นจะทำให้กล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น พอได้พูด หรือได้ฟังเยอะๆ อังกฤษก็น่าจะพัฒนาได้สักหน่อย อีกอย่างได้เงิน ได้เที่ยวด้วย น่าจะสนุก เหมือนได้ใช้ชีวิตดีหลังจากที่อยู่แต่บ้าน ทำแต่งานมานาน เกินไป

ว่าด้วยเรื่องของเอเจนซี่ และค่าใช้จ่าย

เลือกจากอะไร? แล้วเป็นยังไง?

อันนี้ก็คือสิ่งที่ยากมากก กว่าจะเลือกได้ ตัดสินใจได้ ก็คืออ่านรีวิวตาแตก แต่สรุปสุดท้าย ก็เลือกจากราคาแหละ เพราะเจ้นนี้ถูกที่สุดแล้วในตอนนั้น (สมัครช่วงเดือนตุลา) ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คืองานน้อย เมืองที่ให้เลือกก็มีไม่มาก แต่ว่าพี่ทีมงานก็ดี คอยให้คำแนะนำตลอด เพราะตอนนั้นเรามีปัญหาว่าต้องบินเลท เลยอยากเลือกงานที่เริ่มช้าได้เอางานที่ไม่กระทบกับการเรียนจบของเราด้วย พี่เค้าก็เลยมีช่วยๆดูให ้ว่างานไหน สามารถไปเลทได้แบบไม่มีปัญหา ก็คือดีอยู่นะะ แนะนำๆ

ค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับเจ้นนี้ก็ประมาณ 7x,xxx กว่าบาทท แต่ราคานี่ก็คือยังไม่รวมพวก ตั๋วเครื่องบิน วีซ่า แล้วก็ pocket money นะ

แต่ถ้ารวมทั้งหมด เอาแบบไม่นับเงินที่แลกไปก็คือหมดไปประมาณ 120,000 บาทเลย จริงๆมันจะถูกกว่านี้ ถ้าเราจองตั๋วเครื่องบินเร็ว55555 แต่นี่จองช้าไปหน่อยเพราะกว่าจะสรุปได้ ว่าจะบินวันไหน ยังไง ก็คือล่วงเลยมาเป็นก่อนบินจริงประมาณเดือนหนึ่ง แล้วเราก็ยังไปจองผ่านสายการบินโดยตรง ไม่ได้ผ่าน Expedia, Traveloka หรือ booking.com อะไรแบบนี้เลย มันก็เลยราคาแรงนิดนุง แล้วเมืองที่จะไปก็ดันหลายต่ออีกก็เลยราคาพุ่งเลย

ว่าด้วยเรื่องเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร

  1. Passport: อันนี้สำคัญมาก ขาดไม่ได้เลยในการไปต่างประเทศ แล้วตอนนี้ก็คือมีแบบ 10 ปีด้วย เวลาจะไปทำก็สะดวกมาก จองออนไลน์ปุ๊บ ก็ไปตามนั้นได้เลย
  2. รูปถ่ายวีซ่า ขนาด 2x2 นิ้ว 2 รูป: รูปถ่ายคือต้องถ่ายก่อนไป ไม่เกิน 6 เดือนด้วยนะ เพราะตอนทำวีซ่าเค้าก็จะมีถามด้วย ว่าถ่ายตอนช่วงไหน ส่วนรูปนี้เราก็ต้องส่งให้พี่เอเจนซี่ทางไปรษณีย์ด้วย แต่ในส่วนนี้เราไม่แน่ใจว่าของที่อื่นเป็นยังไงนะ
  3. ใบรับรองการเป็นนักศึกษา: อันนี้ใช้ตอนสัมภาษณ์โครงการเลย ต้องแสกนให้พี่เค้า แล้วก็อัปโหลดเอกสารไป
  4. สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน: อันนี้ก็ต้อง upload ให้กับทางเอเจนซี่ตอนสมัครเข้าโครงการเลย
  5. Transcript: อันนี้เหมือนพี่เค้าให้เอาไปตอนสัมภาษณ์วีซ่า
  6. เอกสารเพิ่มเติมต่างๆ: พวก Bank Statement, Passport เล่มเก่า, จดหมายรับรองการฝึกงาน หรือเข้าทำงาน อันนี้แล้วแต่บุคคลเลยนะ ใครจะติดไปหรือไม่มียังไงก็ได้

ว่าด้วยเรื่องของงาน และเมืองที่ไป

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วเนอะ ว่างานที่ให้เลือกมีน้อยมาก แล้วยังติดพรีโปรเจคจบ เลยทำให้ต้องไปช้า งานที่เหลือก็ยิ่งน้อยลงไปอีกก ตอนแรกพี่เค้าก็เสนอ Jack in the Box ที่ Galveston,TX มาให้ ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาแต่ละเมืองเท่าไหร่ ก็เลยเออ ออไปก่อน55555

แล้วช่วงนั้นอยู่ๆ มีงานใหม่เข้ามาา เลยขอแว๊บไปดูสักหน่อย แล้วมันมีอยู่ที่หนึ่งรูปก็คือดูดีมาก มี position ที่น่าทำ โลเคชั่นเริ่ด ใกล้ Silver Sands Premium Outlet เดินช้อปได้ ร้านอาหารก็เยอะ ดูทรงแล้วหางานสองไม่น่ายาก เรทที่ได้ก็พอไหว แต่บ้านแพงจนต้องปาดน้ำตา นั่นก็คือ งาน Hilton Sandestin @Miramar Beach,FL ซึ่งงานที่เค้าลงไว้ตอนนั้นก็คือมี 2 ส่วน นั่นก็คือ Food Service กับ Housekeeper

อัตราค่าจ้างจะอยู่ที่ ชม.ที่ 0-40 จะคิดเป็น เรท $13/hr ส่วนชม.ที่ 40 ขึ้นไป ก็จะนับเป็น OT แล้วได้เรท $19.5/hr

ค่าบ้านก็จะอยู่ที่ $145/สัปดาห์ ราคานี้ก็คือรวมราคารถรับส่งด้วย เพราะบ้านอยู่ไกลมากก(ไว้เดี๋ยวจะมารีวิวบ้านให้ดูด้วย รอได้ใน ep ถัดๆไป)

ภาพบรรยากาศรอบๆโรงแรม
ภาพบรรยากาศห้องในโรงแรม
ภาพ บรรยากาศโรงแรม (ซ้าย) และ ภาพห้องพักภายในโรงแรม (ขวา)

แล้วปีนี้ก็คือสัมแค่รอบเดียวกับ US Sponsor (GEC) แล้วเค้าก็รับเลย ไม่ต้องสัมกับนายจ้างใดๆ ก็คือรับง่ายอยู่นะ

รายละเอียดลิสคำถาม US Sponsor คร่าวๆ:

  1. แนะนำตัว เรียนอะไร งานอดิเรกคืออะไร
  2. ทำไมถึงอยากเข้าร่วม WAT ถ้าได้ไปแล้วจะไปทำอะไร
  3. ทำไมต้องมี US Sponsor
  4. ถ้ามีปัญหากับนายจ้างตอนอยู่ USA จะทำยังไง

แนวทางการตอบก็คือ อย่าเน้นเพื่อไป Make Money ให้เน้นไปทาง Exchange Culture

ในตอนสัมภาษณ์เค้าก็จะถามว่าเราสนใจ position ไหน พร้อมกับอธิบายกฏมหาศาลล้านแปด แต่รายละเอียดจริงๆเค้าก็จะมีให้ในเอกสาร ซึ่งเราก็จะต้องเซ็นรับทราบข้อมูลต่างๆด้วย

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการจองสัมภาษณ์วีซ่า ในปีเราก็คือคนเข้าร่วมโครงการนี้เยอะมาก แล้วการผ่านวีซ่าก็เลยยากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เรียนปี 4 อย่างเรา

คำถามที่เราโดนตอนสัมภาษณ์วีซ่า:

  1. เรียนอะไร ที่ไหน ไปทำงานอะไร
  2. หลังจบโครงการจะกลับมาทำอะไร

ก็คือโดนแต่คำถามยอดฮิต ติดโพลเลย แล้วเราก็ตอบตามเทรนไป ว่ากลับมาก็จะมาทำงาน นู่นนี่นั่น เอาจริงๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าทางสถานฑูตเค้าเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการให้ผ่าน หรือไม่ผ่าน เพราะบางทีคำตอบคล้ายๆกันเลย แต่ก็มีทั้งผ่าน ไม่ผ่าน หรือบางคน profile ดีมาก แต่ก็งงทำไมไม่ผ่าน แบบรู้สึกสุ่มดวงมากจริงๆ

ซึ่งข้อแนะนำในการเตรียมตัววีซ่าของเรานะ เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด!

สุดท้ายนี้ เราก็หวังว่าบทความที่เราเขียนจะช่วยประกอบการตัดสินใจของใครหลายๆคนได้ แล้วก็พอเป็นแนวทางให้คนที่จะไปด้วยเหมือนกัน ยังไงก็ฝากทุกคนติดตาม ep ต่อๆไปของเราด้วยน้าา

--

--