Two Speed Architecture
บางธุรกิจโชคดีเกิดมาในยุค digital มาถึงก็มี cloud ใช้ ทำให้สามารถ focus แต่ business เพียงอย่างเดียว แต่ก็มีอีกหลายธุรกิจที่มีระบบที่ใช้อยู่ใน operation มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ระบบส่วนมากปรับเปลี่ยนยาก ค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน ในขณะที่รูปแบบธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เราจะทำอย่างไร ให้ระบบของเราปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยได้ทัน?
มีแนวคิดที่ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น โดยกระทบ core systems น้อยที่สุด แนวคิดนี้เรียกว่า Two Speed Architecture
Concept คือ เราจะแบ่งระบบออกเป็น 2 ส่วน
- Enterprise ซึ่งก็คือระบบเดิมของเรา แต่เนื่องจากความซับซ้อน ทำให้การเชื่อมต่ออาจมีหลายรูปแบบ เช่น file, queue, TCP, WS, หรือแม้แต่ต่อ db ตรงๆ ดังนั้นเราควรมี integration layer ไปครอบมัน เพื่อช่วยให้ระบบอื่นๆ เข้าถึง core systems ได้ง่ายขึ้น และมี Gateway เป็นตัวกลางเพื่อจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง core systems
- Digital (หรือ Cloud) คือส่วนใหม่ เน้นการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ การแก้ไขต้องเร็วและถูก ดังนั้นควรมี concept ของ cloud มี DevOps tool chain ที่ครบ และมีส่วนของ analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
การแบ่งไม่ใช่แค่เรื่องของ system แต่รวมถึง practices
Two Speed Architecture ไม่ใช่เป็นการแบ่งในแง่ system อย่างเดียว แต่ในแง่การจัดการก็แยกจากกันด้วย เช่น ระบบเดิมต้องมีการ sign-off System Analysis ต้องมี UAT อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ต้องมี Performance test และ Penetration test ทุกรอบ และสามารถ deploy ได้แค่วันศุกร์หลังสาขาปิด ซึ่งมัน make sense เพราะระบบมันซับซ้อน เราต้องลดความเสี่ยงให้มากที่สุด แต่กับระบบใหม่ สิ่งที่ควรเน้นคือความเร็ว รูปแบบทีมควรเป็นแบบ Agile ใช้ practice ของ DevOps และมีการวัดผลเพื่อปรับเปลี่ยนแบบ Lean
แต่สุดท้าย Two Speed Architecture ไม่ใช่ target architecture
Two Speed Architecture ใช้สำหรับการเปลี่ยนผ่านเพื่อให้องค์กรเป็นแบบ Digital ทั้งหมด การมี Gateway ทำให้เราสามารถ decouple ระบบออกจากกัน ซึ่งเราสามารถทยอย upgrade ระบบเก่า โดยใช้ interface เดิม ทำให้การ upgrade ไม่กระทบกับระบบใหม่ และการที่เราลองแนวทางใหม่ๆ ก็ทำให้องค์กรเริ่มปรับ mindset ในการทำงาน ทำให้การทำ digital transformation ง่ายขึ้น