Code Upon A Time
3 min readNov 4, 2016

เฮ้ย! ทำเว็บ ถูกกว่ากิน MK?

กาลโค้ดหนึ่ง ~ www.facebook.com/codeuponatime

เดี๋ยวนี้จะจ้างทำเว็บไซต์ design เว็บรองรับทั้ง desktop และ mobile ถูกกว่าไปกินข้าวสักมื้อแล้วเหรอครับ? บ้านผม 4 คน ไปกิน MK แบบอิ่มๆก็ตกหลักพัน ล่าสุดผมเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า เดี๋ยวนี้ทำเว็บไซต์สักเว็บใช้ตังค์กี่บาท ก็ลองเปิดเว็บเช็คราคากันสักหน่อย — โอ้ว…แม่ม… ค่าตัวสายอาชีพกู ถูกกว่าหม้อตะกี้อีก

ไอ้สายเราเนี่ย หากไม่ได้งานประจำที่เงินเดือนดี ใครไม่รับงานนอก งาน freelance ก็คงจะแปลก ไม่ก็มีชิวีตที่ดี ชีวิตชิวๆ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไร ล่าสุดผมเช็คราคาทำเว็บ เฮ้ย… ทำเว็บเริ่มต้น 250 บาท “สองร้อยห้าสิบบาาาาาาท…!!!” ราคานี้ยังไม่ได้ค่าข้าวแกงต่ออาทิตย์ของผมเลย คนพวกนั้นเขากินอะไร ราคามันถึงถูกกว่าข้าวแกงข้างทาง 30–40 บาทของผม (นี่ไม่ใส่ไข่ดาวนะ) ผมลองมาเช็คราคาอีกเจ้า เริ่มต้น 1,000 บาท เออ~ดีขึ้นหน่อย ได้กินข้าวแกง แต่อด MK

นี่ fxxxwork.co (ขอเซ็นเซอร์หน่อยนะ เดี๋ยวจะแห่กันไปจ้างหมด) หน้าตาเว็บแบบนี้ บางคนก็คงจะรู้อยู่แล้ว ว่าเว็บอะไร รูปนี้ผม photoshop หน่อยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเจ้าของงานจะด่าผมเอา แต่ที่จริงแน่ๆ ไม่มี special effect ใดๆ ก็คือ ราคา ราคาแบบนี้ทำเอาผมอยากลาออกไปขายหมูปิ้งเลย มิหนำซ้ำลูกค้ายังเยอะด้วย เจ้าอื่นที่ตั้งราคาสูงกว่านี้ แบบพอสมเหตุสมผล คิดถึงค่าเล่าเรียน ค่ารถไป-กลับมหาลัย — เตะฝุ่นครับ งานไม่มีเงินไม่งอก

ยังมีเว็บอื่นๆอีก ที่เปิดราคา freelance กันแบบ ลดแลกแจกแถม หากใครเงินเดือนไม่พอก็ต้องหางานนอก แต่ดันมาเจอราคาเปิด 250 บาท ไปไม่เป็นเลย — ผมเข้าใจนะ ว่าเดี๋ยวนี้ทำเว็บมันง่าย หา host กดปุ่มเดียว เปรี้ยง! ได้ Wordpress มา database พร้อม ลูกค้าอยากได้สวยๆ รองรับมือถือ อะไปหา theme ที่เก็บอยู่ในหีบ หากอยากได้สวยแบบแตกต่างหน่อยก็หาซื้อธีมเอา จะเอาลูกเล่น slideshow seo โอ้ย~สมัน! plugins มีเพียบ ไม่เกิน 1 ชม.ก็ได้และเว็บไซต์ หน้าบ้านสวย หลังบ้านดี รองรับมือถือ เงิน 250 บาทหาโคตรง่าย ก็เพราะแบบนี้ไงครับ คนทำ Wordpress มันเลยเกลื่อนเมืองไทย เดี๋ยวจะหาว่าผมแอนตี้ WP ไม่ใช่เลยนะครับ ผมค่อนข้างยกย่องมันด้วยซ้ำ และมันก็ช่วยชีวิตผมมาหลายโปรเจคแล้วด้วย แต่สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อคือ เพราะที่มันง่ายนี่แหละ น้องเดฟหลายๆคน (ไม่พูดถึงเซียนๆนะครับ) ก็ล่อเอา WP ทำมันซะทุกอย่าง สากกะเบือยันเรือรบ ไหนจะเว็บกากๆ ยันเว็บ e-commerce ระบบนู่นนี่ต่างๆนาๆ ราวกับว่าพระเจ้าได้สร้างมันมาเพื่อเหล่าชาวเดฟ แต่…พอลูกค้าจะเพิ่มนู่นเพิ่มนี่ (ก็แน่นอน ธุรกิจเขาโตขึ้นนี่) ชิบหายหล่ะสิ ไหนจะลงสินค้าเยอะขึ้น แปลกประเภทมากขึ้น จะเพิ่มระบบเสริมต่างๆ เป็นไงครับ WP บวม ช้าเต่า เพิ่มไม่ได้ แก้ไม่เป็น เข้าสูตร เดฟชิ่ง ลูกค้าตาย ลูกค้าทำไรไม่ได้ ก็ไปจ้างทำใหม่ แต่ก็ดันจะเอาแบบถูกๆอีก ช่างไม่เข็ด ไม่จำ…

พอมาไอ้ฝั่งมือโปรขึ้นหน่อย พอจะเสนอราคาให้ลูกค้า — ผมต้องใช้ Laravel, Node.js, Rails, .NET, Java ดาต้าเบสก็ต้องขอดีๆ หน่อย Postgres, NoSQL จะใช้ Big Data ก็ว่ากันไป ต้องมี server แบบ dedicated, VM host จะใช้ Cloud AWS, Azure ก็จัดไป ทั้งหมดนี่เพื่อประสิทธิภาพที่ดี รองรับการขยับขยายของธุรกิจ เพิ่มเติมอะไรต่างๆได้ง่าย มี cron job, background service เพื่อเก็บดาต้า ประมวลผลเบื้องหลังได้ต่างๆนานา นี่ผมยังไม่รวมเรื่อง Test, ระบบ Continuous integration (CI), Application Performance Management (APM) และอื่นๆอีกนะครับ สรุปใบราคาเปิดที่ 3หมื่น+ (สำหรับเว็บกลางๆ) ~ ลูกค้าอุทาน “โอ้โห! อะไรกันคุณ ผมเห็นเว็บของเพื่อนผมแค่หลักพันไม่ก็แค่เกือบหมื่น นี่ยังไม่รวมเว็บก่อนหน้าที่ผมเสียแค่หลักร้อยนะ”

“นี่คุณก็เป็นแค่ freelance ไม่ได้เป็นบริษัท หรือถึงจะมีก็น่าจะเปิดมาไม่กี่ปี ราคานี้มันเกินไปมั้ง…”

“หากผมยอมจ่ายราคานี้จริงๆ ผมไปจ้างบริษัทดีๆ มีประสบการณ์กว่าของคุณไม่ดีกว่าเหรอ ?”

คุณลูกค้ากล่าว

แต่ความจริงที่ลูกค้าไม่รู้ ใช่ครับ บริษัทพวกนั้น เขามีชื่อเสียงและอยู่ในวงการมานาน พวกเขาจะชาร์ตเงินพวกท่านเท่ากับผมหรือมากกว่า (ซึ่งท่านก็ยอมเสียอยู่แล้ว เพราะสบายใจที่ชื่อเสียง) แต่รู้ไหมครับว่า ไม่ใช่ทุกบริษัทจะเก๋าจริงเหมือนอายุของบริษัท สำหรับบริษัทพวกนั้น งานหลักหมื่นเนี่ย programmer ในบริษัทที่เป็นคนลงมือทำจริงๆ น้องๆพวกนั้นมีประสบการณ์น้อยกว่า freelance อย่างพวกผมหลายปีมาก เผลอๆบางคนเพิ่งจะจบ ส่วน Sales ที่ขายงานให้กับท่าน เขาไม่รู้เรื่อง IT มากกว่า programmer ที่มาขายงานเองแบบผมหรอกครับ

ผมมีเพื่อนฝรั่งคนนึงที่โชกโชนในวงการ web app มาหลายสิบปี เขามักจะเจอปัญหาเรื่องลูกค้ากับใบเสนอราคาบ่อยๆ และคำฮิตของเขาก็คือ

สาเหตุที่คุณต้องจ่ายเงินให้ผมมากกว่าคนอื่น เพราะผมรู้วิธี ที่ทำให้โปรเจคคุณ เสร็จได้ดี…ในเวลาที่น้อยกว่าคนอื่น

จริงครับ ลูกค้าจะรู้ไหมว่า โปรเจคถูกๆที่เขาบอกกันว่าจะเสร็จ 1 – 2 เดือนเนี่ย ไอ้ช่วง 1–2 เดือนนั้น เขารับทำโปรเจคซ้อนกันกี่อัน หากเขานั่งทำให้ลูกค้าคนเดียวเนี่ย เอาจริงๆ 1 วันก็เสร็จแล้ว ไม่สิ จริงๆ 1 ชม. ก็ได้ระบบเว็บไซต์มาแล้ว นอกนั้นแค่ใส่คอนเทนท์ แล้วมันไม่ดีกว่าเหรอครับ กับการจ้างมือโปรที่แพงกว่า แต่คุณได้เว็บไซต์เพื่ออนาคตของธุรกิจคุณตั้งแต่วันแรก แทนที่จะต้องรอเป็นเดือนๆ แถมจะมีระบบต่างๆเพื่อธุรกิจคุณโดยเฉพาะอีก

หากการทำเว็บมันง่ายขนาดนั้น การกดราคากันเองของเดฟมันก็ไม่แปลกเลย ก็ต้องรับงานถูกๆหลายๆงาน ใครที่ไหนจะมีเวลามาสนใจใส่ใจกับธุรกิจของลูกค้าจริงๆ ไม่มีหรอกครับ และก็ไม่ได้คิดจะทำระบบอะไรเพิ่มเติม ที่มันตอบสนองกับธุรกิจเฉพาะเจาะจงให้ลูกค้าแต่และเจ้าหรอก เผลอพูดออกไปก็งานงอกสิ ผมขอยกตัวอย่าง feature ง่ายๆ แต่จำเป็นต่อลูกค้าสักอันนะครับ ตัวอย่าง ลูกค้าจะสมัครสมาชิกเว็บ กรอกได้แค่อีเมล์ในแบบฟอร์ม ยังสมัครไม่เสร็จ(ไม่ได้กดปุ่ม submit) แต่ดันปิดเว็บไปก่อน ระบบเองก็ควรจะจำ email และมีการส่งอีเมล์ไปเตือน ให้คนนั้นคลิกลิงค์แล้วกลับมาสมัครต่อจากเดิมได้ อันนี้เป็นแค่ feature ตัวอย่างง่ายๆ นะครับ ที่ทำให้ธุรกิจของลูกค้าเราเติบโต แต่น้อยคนจะใส่ใจ บางคนทำเว็บมานานยังไม่รู้เลยว่า UI/UX คืออะไร

พี่พูดงี้ พวกผมและน้องๆ เด็กจบใหม่ ก็ตายดิ เค้ารู้กันหมด แล้วจะให้เพิ่มตังค์ค่าทำเว็บ ใครเขาจะจ้าง แค่นี้เงินเดือนก็ไม่พอจะกินแล้ว

ไอ้ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ก็เพราะจะให้พวกเราได้ก้าวหน้าขึ้น มีตังค์ใช้เยอะขึ้นนี่แหละ ก่อนอื่นเลย เราคงได้ยินกันมาอยู่แล้วว่า “อาชีพโปรแกรมเมอร์บ้านเรามันขาดตลาด” ไอ้ที่จบแล้วเป็นเดฟจริงๆมันมีน้อยมาก แต่ความต้องการของตลาดมีสูงมาก ฟังแล้วมันแปลกๆไหมครับ? ความต้องการมีมาก… คนมีน้อย… แต่ทำไม? ค่าตัวโปรแกรมเมอร์บ้านเรา มันไม่สูงเหมือนความต้องการหล่ะ หรือเพราะค่าตัวพวกเรามันถูก ความต้องการมันก็เลยสูง :)

อยากจะก้าวไปข้างหน้า มีเงินเยอะๆ ทำไมไม่เอาเวลาไปฝึกฝนตัวเอง รับงานที่ยากขึ้น(มันก็ยากแค่ช่วงแรกๆ) แต่เหนื่อยน้อยลง รับงานท้าทายงานเดียว ได้เท่ากับงานง่ายๆหลายๆตัว แถมไม่ต้องปวดหัวคุยกับลูกค้าหลายๆเจ้าอีกตะหาก หากวันๆเอาแต่นั่งทำงานยันเช้า รับงานชนกันแบบเดิมๆ จำไว้เลยครับ งานที่มันง่าย ใครๆก็ทำได้ อีก 5 ปี 10 ปี ก็ทำงานแบบเดิม ไม่อยากทำอะไรที่คุ้มค่ามากกว่านี้เหรอ? อย่างรับงานของต่างชาติมา งานแบบเดียวกันแต่จ่ายต่างกันหลายเท่าตัว หรือจะพัฒนาตัวเอง เพื่อเพิ่มเงินเดือนให้ได้หลักแสน (สำหรับเดฟนี่แหละ ไม่ใช่เมเนเจอร์) ทำงานน้อยลงแต่ได้เงินมากขึ้น แต่หาก programming ไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบและคิดว่ามันแค่เอาไว้หาลำไพ่พิเศษหล่ะก็ ข้ามๆที่ผมบอกไปได้เลยครับ เอาตามที่สบายใจดีกว่าครับ

ในบริษัท digital agency/software house ดีๆ ที่จ่ายค่าตอบแทนงามๆ พวกนี้ส่วนใหญ่ก็รับงานจากต่างประเทศทั้งนั้นแหละครับ โปรเจคแต่ละอันหลักล้าน เพราะลูกค้าคนไทย (ที่เป็นบริษัทเล็กถึงระดับกลาง) ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญการ technology และเน้นราคาถูกเข้าว่า คนที่ทำงานในบริษัทพวกนี้เงินดีมากนะครับ แค่ senior programmer ไม่ต้องถึง CTO ก็ได้เงินเดือนแสนบาท+ สบายๆ บริษัทแบบนี้ไม่ต้องการคนเยอะครับ แต่ต้องการคนที่เป็นและเต็มที่ เพราะบริษัทพวกนี้ เขาถือว่า ชื่อเสียงของบริษัทสำคัญที่สุด การที่ลูกค้าบอกปากต่อปากนี่แหละครับคือกุญแจสำคัญของเขา

เราไม่ได้ขายโค้ด แต่ขายอนาคตให้กับลูกค้า

นี่คือแนวความคิดที่เดฟทุกๆคนควรจะมีนะครับ — หากลูกค้าตาย (ลูกค้าก็บอกกันต่อๆไป) สุดท้ายเราก็ตาย — ไม่มีลูกค้าคนไหนหรอกครับอยากได้โค้ดเทพๆ เรียงบรรทัดอย่างสวยงาม แต่มันไม่ได้ทำให้ธุรกิจของเขาเจริญขึ้น

และเรื่องน่าเสียดายก็คือ พวกคนเก่งๆในบริษัทที่ผมบอกไป ไม่ว่าจะเป็น digital agency, startup, หรือองค์กรใหญ่ๆในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติ น้อยองค์กรมากที่จะมี CTO และ senior programmer สูงๆเป็นคนไทย ส่วนคนไทยเอง อย่างเดฟรุ่นน้องและเพื่อนๆรุ่นผม ไม่อยู่กันเป็นปู่โสมเฝ้าออฟฟิศ ก็ออกไปเล่นหุ้นขายของกันหมด หากใครที่อ่านอยู่ตอนนี้และมาอยู่ในจุดที่สูงแล้ว คงจะคิดในใจว่า เงินหลักแสนไม่เห็นเยอะเลย ใช่ครับไม่เยอะสำหรับพวกเรา เพราะเรามาถึงจุดนี้แล้ว แต่ยังมีเดฟน้องๆ และเพื่อนๆ อีกหลายคนมากๆครับ ที่ยังทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลังแต่เงินเดือนไม่กระดิก แล้วก็ต้องรับจ๊อบ กดราคากันเองเพื่อแย่งลูกค้า

ตลาดเดฟเมืองนอกไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ฟ้ากับเหว ลองเช็คราคา freelance กันดูก็ได้ครับ freelancer.com, upwork.com และอันนี้เช็คกันเล่นๆ powerful-brands อันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกของปีนี้เลย (2016) ลองนับดูนะครับว่ามีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ technology สักกี่อัน

programmer อย่างเราๆ มีคนทั่วโลกต้องการมหาศาลครับ และเป็นอาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วย แต่วันนี้คนที่รักในสายเดฟและยังไปไม่ถึงไหนกลับมีเยอะมาก คงต้องดูตัวเองแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งเป้าหมายกันไว้บ้างไหม อีก 5 ปี 10 ปี มันจะต่างไปจากทุกวันนี้ไหม ผมอยากเห็นน้องๆ เพื่อนๆ ได้พัฒนาตัวเอง เพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง สามารถออกไปรับงานนอกประเทศ และแข่งขันกับต่างชาติได้ เราสู้ได้อยู่แล้ว แต่เรามักขาดเป้าหมายและการลงมือทำ ทุกวันนี้ใน facebook, linkedin ข้อความปลุกใจมันมีอยู่เต็มไปหมด อ่านแล้วก็รู้สึกหึกเหิม แต่จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ลงมือทำจริงๆ อย่างข้อความด้านล่างที่ผมเอามาเป็นตัวอย่างก็ใช่

ถึงแม้ startups ที่สำเร็จจริงๆ จะมีแค่ 1% แต่หากไม่คิดลงมือทำอะไรเลย 1% ก็ยังดีกว่า 0% จริงไหมครับ

สุดท้ายนี้ผมหวังว่า คงจะมีเดฟสักคนสองคน เริ่มตั้งเป้าหมายในชีวิต(หากยังไม่มี) และลงมือทำตามเป้าหมายนั้นนะครับ และหวังว่าเดฟอย่างเราคงไม่ต้องมา live facebook เพื่อเปิดประมูลราคาทำเว็บไซต์ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 250 บาทนะครับ

ติดตามบทความดีๆ สะท้อนสังคมไอที ในมุมมองของ programmer ได้ที่กาลโค้ดหนึ่ง หรืออยากรู้อยากให้เขียนเรื่องอะไร บอกได้เลยนะครับ

จะเริ่มต้นหางานดีๆเงินดีๆยังไงดี? อ่านบทความ จงเริ่มขายตัวเอง ซะ! เพราะมีวิชาอย่างเดียวไม่พอ ต้องขายตัวเองให้เป็นด้วย

เลยครับ มีวิชาอย่างเดียวไม่พอ ต้องขายตัวเองให้เป็นด้วย

Better Coding (and Better Developer’s Life)

อนึ่ง พอโค้ดเป็น
~ กาลโค้ดหนึ่ง