เอ่อ~ ปีนี้ซื้อไปเท่าไหร่แล้วหว่า กองทุนนี้ซื้อไปแล้วยังนะ? เอ~ ตอนนี้เราลงทุนไปแล้วเท่าไหร่ มีกำไรแล้วมั้ยนะ? โหวว ตลาดแดงแป๊ดเลยช่วงนี้ เงินลงทุนเราแดงตามไปด้วยมั้ยนิ?
หากคุณลงทุนในกองทุนต่างๆ หลายกองหลายที่ แล้วพบเจอคำถามเหล่านี้เป็นระยะๆ ผมมานำเสนอวิธีการทำ Tracking และ Report ของการลงทุนแบบง่ายๆ ด้วย Google Sheet ครับ
TLDR: ตัวอย่างไฟล์ Google Sheet ครัช
ตัว Google Sheet ที่ใช้เป็นตัวอย่างในบทความนี้เป็นตัวที่ผมทำขึ้นมาใช้เองหลายปีแล้วครับ โดยเริ่มมาจากการที่ตัวผมเองเริ่มมีการลงทุนในกองทุน LTF หลายกองมากขึ้น และก็เริ่มอยากติดตามผลการลงทุน แต่ก็ขี้เกียจเข้าไปเปิดระบบของแต่ละกอง เลยตัดสินใจลองทำตัว Tracking ขึ้นมาเองครับ โดยแต่แรกเริ่มจากบน Excel และก็ได้ทำการย้ายมาลง Google Sheet ในภายหลังเพราะสามารถทำ Online ได้เลยที่ไหนก็ได้ สะดวกดีครัช
และโดยส่วนตัวผมเองชื่นชอบ Excel / Google Sheet formula เป็นพิเศษครับ จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้งาน เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่หลงเข้ามาอ่านครับผม
ส่วนแรกที่อยากจะขอพูดถึงก่อนเลยคือการออกแบบตัว Google Sheet นี้ครับ ซึ่งเป้าหมายหลักของตัวผมเองเนี่ยจะมี 2 ข้อหลักๆ ครับ
- อยากรู้ว่าตอนนี้มีกองทุนอะไรบ้าง ต้นทุนเท่าไหร่ ราคาปัจจุบันเท่าไหร่ และกำไร/ขาดทุนเท่าไหร่
- เนื่องจากจุดประสงค์การซื้อกองทุน LTF ของผมคือการลดหย่อนภาษี ผมก็อยากจะรู้ว่าปีนี้ผมซื้อไปกองทุนอะไรบ้างไปแล้วเท่าไหร่ ที่เดือนไหนบ้าง
เมื่อมีโจทย์อย่างนี้ การออกแบบ Google Sheet ของผมจึงแยกหลักๆ เป็น 3 ส่วนครับ
1. Raw Data
ข้อมูลของการซื้อในแต่ละครั้ง วันไหน เท่าไหร่ ซึ่งประกอบไปด้วย
- ชื่อกองทุน [A]
- ราคาต้นทุนต่อหน่วย [B]
- จำนวนเงินที่ซื้อ [C]
- วันที่ที่ทำการซื้อ [D]
- จำนวนหน่วย [E]
- เดือน [F]
- ปี [G]
โดยในส่วนของ Raw Data นี้จะมีการใช้ array formula ใน column E, F, G เพื่อให้ง่ายในการใส่ข้อมูลและเอาไว้ใช้ต่อไปในส่วน Report ครับ
2. Latest NAV Data
ส่วนนี้คือข้อมูลราคาล่าสุดของแต่ละกองทุนครับ เพราะเราอยากรู้ว่าราคา ณ ปัจจุบันมันเป็นเท่าไหร่แล้ว จึงต้องพยายามหาข้อมูลส่วนนี้มาสมทบกับต้นทุนที่เรามี เพื่อมาคำนวนราคาปัจจุบันอีกทีนึง
ซึ่งราคาล่าสุดของแต่ละกองทุนเนี่ย ตอนนี้หาได้ง่ายมากครับ ในแต่ละ website ก็จะมีให้ค้นให้หาได้อยู่แล้ว ผมเลยใช้ IMPORTHTML formula ของ Google Sheet ที่มีความสามารถในการดึงบางส่วนของ website ต่างๆ มาเป็นข้อมูลใน Sheet ของเราครับ โดยแต่ละกองทุนที่มีก็มี Sheet แยกครับ เพื่อให้ง่ายและไม่สับสน
3. Report
มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของเราแล้วครับทีนี้ จากที่ผมเกริ่นไว้แล้วเมื่อต้นบทความ ผมมี 2 เป้าหมายหรือ Report ที่อยากเห็นจาก Google Sheet ตัวนี้นะครับ
1. อยากรู้ว่าตอนนี้มีกองทุนอะไรบ้าง ต้นทุนเท่าไหร่ ราคาปัจจุบันเท่าไหร่ และกำไร/ขาดทุนเท่าไหร่
Report ตัวนี้จะลูกทุ่งนิดนึงครับ โดยเราต้องใส่ ชื่อกองทุนให้ตรงกับข้อมูลที่เรากรอกในหน้า Raw Data ของเรา แล้วใช้สูตร sumifs คำนวนข้อมูลราคาต้นทุนรวม [B] และ จำนวนหน่วยรวม [c] จาก Raw Data
จากนั้นใช้ vlookup หรือ reference ค่าจาก Latest NAV Data เพื่อดึงข้อมูลราคาล่าสุดของแต่ละกองทุน [E] มาแสดง และทำการคำนวนมูลค่า ณ ปัจจุบัน [F] ด้วยการนำจำนวนหน่วย [C] มาคูณด้วยราคาล่าสุด [E]
เมื่อเราได้มูลค่า ณ ปัจจุบันแล้ว กำไร หรือ ขาดทุนก็คำนวนง่ายๆ ด้วยการใช้ มูลค่า ณปัจจุบัน [F] ตั้งแล้วมาลบด้วยต้นทุนรวม [B] ครับ
เมื่อได้ กำไร ขาดทุนก็มาใส่สีด้วย conditional formating ให้มันเขียว แดง เพื่อความง่ายในการดูข้อมูล และเพิ่มความช้ำใจเวลามันแดงเยอะๆ 😢
2. เนื่องจากจุดประสงค์การซื้อกองทุน LTF ของผมคือการลดหย่อนภาษี ผมก็อยากจะรู้ว่าปีนี้ผมซื้อไปกองทุนอะไรบ้างไปแล้วเท่าไหร่ ที่เดือนไหนบ้าง
ส่วนนี้ง่ายสุดครับ ใช้ pivot table ดึงข้อมูลจาก Raw Data ไปใช้ เสร็จเลยครับ โดย setting ของ pivot table เป็นแบบนี้ครับ
จะเห็นได้ว่าที่ Columns เราใช้ Month ที่เป็นข้อมูลที่เกิดจาก array formula ของเรา อันนี้เนื่องจากเราอยาก group ข้อมูลการซื้อของเราเป็นหลักเดือนแล้วก็ให้มันเรียงตามเดือน Jan Feb March ไปแบบนี้ครับ ซึ่งถ้าเราเอาแต่ชื่อเดือนมาเรียงตามตัวอักษร มันจะออกมาไม่เป็นแบบที่เราต้องการครับ เป็นเหตุผลให้เราเอาเลขเดือนมาแสดงข้างหน้าด้วยนั่นเองครับ (pivot table ใน Excel ไม่ต้องทำ group column เองแบบนี้นะครับ มันทำให้เองได้เล๋ย)
ก็สำหรับบทความนี้ เพื่อไม่ให้ยืดยาวเกินไป ผมจะขอละการอธิบายรายละเอียด formula และทริคต่างๆ ไว้ มาต่อในบทความหน้าละกันนะครับ สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมแปะ link ตัวอย่าง Google Sheet ไว้ให้อีกทีครับ เผื่ออยากลองเข้าไป Copy มาลองใช้กันดูได้ครับผม
¡Hasta luego! 👋