มีปัจจัยหลายๆ ประการ ที่อาจจะกำลังมีแนวโน้มส่งผลบวก ต่อธุรกิจ และ ผลประกอบการ ของ กลุ่ม ปตท ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การที่ ปตท เป็นรัฐวิสาหกิจ จึงถือได้ว่า ปตท เป็นทรัพย์สิน และความภาคภูมิใจ ของคนไทยทุกคน บทความนี้ไม่ได้ทำนายอนาคตแต่อย่างใด เพียงแต่นำเสนอข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในอตีตและปัจจุบัน
1.ธุรกิจของ ปตท กำลังขยายตัวในอัตราที่สูงมาก ในต่างประเทศ สถานีบริการของ ปตท ที่เปิดบริการได้รับความยอมรับอย่างดี
2.เงินบาทมีแนวโน้มกำลังแข็งค่า ตามข้อมูลในอดีต ผลประกอบการของ PTT มักจะได้ผลบวกอย่างมากจาก การแข็งค่าของเงินบาท การที่เงินบาทแข็งค่าทำให้การลงทุนในต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้น และ การชำระหนี้สินที่เป็นสกุลต่างประเทศก็ทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
3.ช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจคาเฟ่อเมซอน ได้รับความนิยม และเติบโตอย่างมาก และยังคงมีแนวโน้มที่ เติบโตสูง โดยเฉพาะในต่างจังหวัดและต่างประเทศ
4.ยอดขายรถยนต์ ในช่วงปีที่ผ่านมา เติบโตในอัตราที่สูงมาก ย่อมส่งผลดีต่อการบริโภคน้ำมันสำเร็จรูป และจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในสถานี
5.หลังจากควบรวม กับ GLOW แล้ว กลุ่ม PTT จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งรายได้จากโรงไฟฟ้า มีความมั่นคง
6.ราคา NGV ลอยตัว ปตท ไม่ต้องรับภาระอุดหนุนหนักเหมือนที่ผ่านมาในอดีต
ราคา NGV ปัจจุบัน
http://www.pttplc.com/th/media-center/oil-price/pages/bangkok-oil-price.aspx
7.ในช่วงที่ผ่านมาหนี้สินต่อสินทรัพย์ของ ปตท ลดลงโดยตลอด ทำให้ภาระจ่ายดอกเบี้ยลดลง โดยบริษัทลูกๆ ของ ปตท ได้ รีไฟแนนช์ หุ้นกู้ใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงอีกด้วย
8.กลุ่ม PTT มีที่ดินอยู่ในเขต EEC ไม่ต่ำกว่า 20,000 ไร่ มูลค่านับวันมีแต่จะสูงขึ้น และวันข้างหน้าโรงงานต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจำนวนมากในเขต EEC ก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องใช้วัตถุดิบจาก PTT
9.โครงการต่างๆ ขนาดใหญ่ของกลุ่ม PTT ที่ได้ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก ทยอยเสร็จและรับรู้รายได้ เช่น โรงไฟฟ้าไซยบุรี ร่วมทุน มูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท ,โรงโอเลฟิน และ เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษของ PTTGC มูลค่ากว่า 0.7 แสนล้านบาท เป็นต้น
เอกสารนำเสนอ 22 กุมภาพันธ์ 2019
คำเตือน: บทความนี้นำเสนอปัจจัยบางประเด็นตามข้อมูลที่ปรากฎ ไม่ได้แนะนำให้ท่านซื้อหรือขายหลักทรัพย์ บริษัท ปตท และ ในเครือ แต่อย่างใด เนื่องจากอาจมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบและความเสี่ยงด้านต่างๆ ต่อธุรกิจ หรือ ผลประกอบการ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ในบทความนี้
