Olympus OM-3 Ti (1995–2002?)
สวัสดีกับอาทิตย์เกือบสุดท้ายสำหรับ Olympus OM Series ซึ่งบทความของเราก็เขียนมาถึงรุ่นสุดยอดที่เรียกได้ว่าแพงที่สุดของ Olympus OM ก็ว่าได้ นั่นก็คือ
Olympus OM-3Ti
กล้อง OM single digit ตัวสุดท้ายของ Olympus และเป็นกล้อง OM ตัวสุดท้ายที่ออกแบบโดยวิศวกรของ Olympus
เรียกได้ว่าเป็นกล้องตัวสุดท้ายนั่นก็คงไม่ธรรมดา จะต้องเป็นกล้องที่ยัดฟังก์ชั่น ฟีเจอร์ทั้งหลายแหล่มารวมกันจนเรียกได้ว่าเป็น “สุดยอด” ของกล้องใน series เดียวกัน
ถามว่าความสุดยอดนี้มีอะไรบ้าง
- เป็นกลไกล้วน เฉกเช่นเดียวกับกล้อง OM เลขคี่ทุกตัวที่ผ่านๆมา ดังนั้นสามารถใช้ถ่ายได้โดยไม่ต้องใส่แบต
- มีระบบ multi-spot หรือวัดแสงหลายจุด และระบบ highlight-shadow แต่ถ้าจะใช้ระบบวัดแสงก็ต้องใส่ถ่านนะจ๊ะ
- และเหมือนกับ OM-4Ti คือตัว Body ด้านบนและด้านล่างทำมาจาก Titanium (Ti)
- ใช้ high speed sync flash กับ F-280 Flash
- เสียงชัตเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ต่างกับ OM-1 และแม้กระทั่งพี่น้องอย่าง OM-4Ti เอง (อันนี้อ่านที่เขาบอกมา แต่ไม่มีโอกาสไปสัมผัสด้วยตัวเอง..)
- กันกระสุน!! อันนี้เพิ่งรู้จริงๆนะเนี่ย ซึ่งมีคนเขียนอธิบายไว้ในนี้ว่า
The OM3ti is so tough, it’s bulletproof. I read of a photojournalist using an OM3ti to cover an armed conflict. A bullet ricocheted off his OM3ti, destroying the lens, but even with the dent in the body, the camera still functioned.
โอ้โห… ไม่ธรรมดา
มาถึงข้อสงสัยถัดไปว่าทำไมราคา OM-3Ti ทำไมถึงกระโดดไปแพงมาก เมื่อเทียบกับ OM-1 และ OM-2 ที่ราคายังไม่ต่างกันมากนัก
คำตอบคือกล้อง OM-3 และ OM-3Ti นั้นผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องจักเพียง 50% เท่านั้น หมายความว่าอีก 50% นั้นเป็นฝีมือคน ทำให้กล้องถูกผลิตขึ้นมาในจำนวนเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 6000 ตัว) เมื่อเปรียบเทียบกับกล้อง OM single digit ตัวอื่นๆ
เรียกได้ว่ายังเป็นกล้องแรร์ไอเท่มในใจสำหรับสาวก Olympus หลายๆท่านที่น่าสะสม ทั้งฟังก์ชั่น ทั้งหน้าตาที่หล่อเอาการสไตล์ OM ถ้าใครมีโอกาสสัมผัสตัวจริงๆมากระซิบคุยกับเราได้นะ 55
บทความนี้เป็นบทความตัวเกือบสุดท้ายของ OM Series แล้ว ต้องรอติดตามกันต่อไปนะว่าจะเขียนเรื่องอะไร แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ :)
ติดตามบทความตอนอื่นๆได้ที่ “สา-ระ-บาน”
