ประสบการณ์ชีวิตของปี 2022
--
Big Change 2022 — ปีที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด
ทุกๆ ปีจะรู้สึกว่าเราค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละหน่อย แต่ปีนี้พิเศษที่มันเปลี่ยนมุมมองของเราในหลายเรื่อง จนมองย้อนกลับไปในปีที่แล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนละคน เลยอยากพิมพ์เก็บไว้ (เพราะไม่ได้พิมพ์มานานแล้ว) และคิดว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อคนอ่าน
1. ตระหนักว่าเวลาในชีวิตไม่ได้มีเยอะ ตอนนี้รู้สึกแบบนี้มากๆ เพราะอายุใกล้จะเข้าเลข 4 อะไรที่คิดหรือทำแล้วเสียเวลา ไม่มีความสุข ต้องรีบหยุดให้เร็ว
2. คำว่าไม่มีเวลาไม่มีอยู่จริง มีแต่คำว่าไม่สำคัญ “เพราะถ้ามันสำคัญพอ เราจะมีเวลา” ปัญหาที่ต้องแก้คือหาจุดสมดุล บางเรื่องสำคัญ แต่ไม่ด่วน พอไม่ด่วน ก็เลยไม่ให้เวลา พอไม่ให้เวลาก็กลายเป็นไม่สำคัญ ซึ่งเราจะเสียใจทีหลังถ้าไม่รักษาสมดุลดีๆ
3. เงินทองหาใหม่ได้ “ถ้าเรามีเวลาไม่จำกัด” แต่เวลาเราจำกัด (เพราะทุกคนต้องตาย) เงินทองหาใหม่ได้จริง แต่ใช้ให้เป็น และควรหาวิธีรักษาและทำให้งอกเงย
4. การทำให้เงินงอกเงย ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแค่เก็บหรือเอาไปฝากธนาคาร (แม้อย่างน้อยแค่เก็บก็ยังดี) แต่ต้องเรียนรู้วิธีทำให้งอกเงย และความถนัดคนไม่เหมือนกัน บางคนถนัดลงทุน บางคนถนัดเก็งกำไร ไม่มีผิดไม่มีถูก “อย่าเอามาเปรียบเทียบ หรือก็อปปี้ใคร” ขอให้ทำเงินได้ก็พอ
5. การลงทุน หรือการเก็งกำไร อย่าทำเหมือนเป็นการพนัน ( = ความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้) เงินทองเราใช้เวลาไปแลกมา อย่าเอาไปบริจาคให้คนอื่นโดยไม่จำเป็น ซึ่งหลีกเลี่ยงได้โดยการลงทุนในความรู้ “ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับจริตเรา”
6. ใจเย็นในการลงทุนให้เหมือนใจเย็นในการรอซื้อของลดราคาใน Lazada เก็บให้ถูกที่สุดในระดับที่ขายมือสองก็แทบไม่ขาดทุน
7. การลงทุนในความสัมพันธ์คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะคนเราจะมีความสุขก็เพราะความสัมพันธ์ที่ดี การเลือกลงทุนในเรื่องนี้ให้ถูกต้องสำคัญกว่าเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คู่ชีวิต พี่น้อง เพื่อน แล้วเราจะไม่เสียใจภายหลัง
8. ลงทุนในประสบการณ์เป็นครั้งคราว เช่นการเดินทาง (ขอแค่แน่ใจว่ากระเป๋าไม่ฉีก) เพราะการท่องเที่ยวตลอดมันก็ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขนะ การใช้ชีวิตปกติ ทำงาน สลับกับการเดินทาง ทำให้สมดุล แล้วจะมีความสุขกว่า
9. อยู่กับธรรมชาติให้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ อากาศที่ดี หรือการมีสัตว์เลี้ยง ซึ่งช่วยให้เราใจเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ (แถมยังฝึกความสามารถในการดูแลเอาใจใส่)
10. อะไรผิดพลาดไปแล้ว เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขไม่ได้ ให้ปล่อย ถ้าปล่อยไม่ได้ ให้ไปฝึกสติ ถ้ามีสติจะปล่อยได้ พอปล่อยได้ก็จะได้เวลาที่อยู่กับปัจจุบันกลับมา
11. การพูดถึงคนอื่นลับหลังในทางไม่ดี (นินทา) ในอดีตเหมือนจะสนุก แต่จริงๆ คือทำให้ใจเราคับแคบ และไม่มีเกียรติ ถ้าจะพูดถึงคนอื่นในด้านดีก็พูดไป แต่ถ้าเป็นด้านไม่ดี ปล่อยให้เค้ารับกรรมจากการกระทำนั้นไปเองจะดีกว่า (ถ้าจำเป็นต้องพูดสิ่งไม่ดีของคนอื่น เพราะจำเป็นในการแก้ไขเพื่อบริบทองค์กรธุรกิจ ก็ให้ทำอย่างมืออาชีพ)
12. การซื้อของ ซื้อเพราะจำเป็น (เช่น บ้าน) หรือ ของที่อยากใช้และ “ไม่ทำให้กระเป๋าฉีก” คือ โอเค ใช้แล้วมีความสุขคือใช้ไป และให้แน่ใจว่าซื้อเพราะชอบในการใช้งาน ใช้แล้วคุ้ม ไม่ได้เน้นซื้อมาอวดใคร (ยอมรับว่าเมื่อก่อนอาการหนักมาก เช่น รถ ต้องรู้สึกอยากอวด อยากเท่ ให้ตัวเองดูดีกว่าคนอื่น อาจเพราะตอนเด็กมีปม ไม่มีของให้อวดใคร)
13. อะไรซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ให้รู้จักคิดก่อนซื้อให้มากขึ้น (ปีที่ผ่านมาซื้อการ์ดจอ กับ PS5 สุดท้ายไม่ได้เล่นเกมคอมเพราะไม่มีเวลา ก็ขายการ์ดจอทิ้ง) — เลยพาลไม่เข้าใจคนที่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือ แต่มีบ้านหลายบ้าน หรือมีรถหลายคัน (โดยเฉพาะของฟังก์ชั่นเดียวกัน) เพราะเราอาศัยบ้านได้ทีละหลัง ขับรถได้ทีละคัน แถมเป็นของแพงมาก สู้เอาเงินนั้นไปลงทุนแล้วเอาไปทำให้ชีวิตมีอิสระ หรือใช้ประโยชน์อื่นๆ จะดีกว่า
14. การควบคุมอารมณ์ที่ดีไม่ใช่การไปกดมัน แต่เป็นการเข้าใจว่าเรารู้สึกโกรธเพราะอะไร หาต้นเหตุให้เจอ แล้วฝึกสติ (ใช้ Smartwatch ช่วยฝึกหายใจบ่อยๆ ก็ดีนะ ถ้าทำด้วยตัวเองไม่ได้)
15. อย่าเขียมกับเรื่องเล็กน้อย หรือคิดเล็กคิดน้อยเกินความจำเป็น เพราะการคิดเล็กมันจำกัดการเติบโตทางความคิดจริงๆ
16. เข้าใจตัวเองก่อนสำคัญที่สุด หมั่นเช็คตัวเองว่าเราชอบ ไม่ชอบ เป็นทุกข์ เป็นสุข กับเรื่องอะไร และเพราะอะไร ถ้าตัวเราเองไม่มีความสุข แสดงว่ามันมีปัญหาที่ต้องแก้ ชีวิตเรา คนที่รับผิดชอบดูแลคือเรา
17. การถ่อมตนที่แท้จริงจะเกิดจากใจจริงๆ ไม่ใช่แสร้งทำ (แสร้งทำจะอารมณ์ประมาณ เด็กเรียนเก่งทำข้อสอบได้ แต่เดินออกมาแล้วบอกเพื่อนว่าทำไม่ได้ เสือกได้คะแนนสูง อันนี้เรียกน่าหมั่นไส้ ไม่ใช่ถ่อมตัว) ถ่อมตนที่แท้จริงคือ รู้จริงๆ ว่ามันยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ (แต่อย่าถึงขั้น Imposter Syndrome) และการตระหนักว่าเรายังไม่รู้อะไรอีกเยอะ จะช่วยให้เราเปิดใจรับฟังสิ่งที่อาจไม่เหมือนกับที่เราคิดตอนแรก และนั่นจะทำให้เราเติบโตขึ้นทางความคิด
18. การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่การอ่าน คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเราฟังแล้วได้ความรู้ ก็ใช้ฟัง แถมดีตรงที่ขับรถก็ยังเรียนรู้ได้ ไม่จำเป็นต้องมีเวลาว่างถึงจะเรียนรู้
19. การเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่งี่เง่าที่สุด เพราะคนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน เติบโตมาในบริบทต่างกัน การพยายามเปรียบเทียบไม่เกิดประโยชน์อันใด การที่คนเราเลือกเป็นหรือเลือกทำอะไร มันจึงเป็นบริบทของเค้า ส่วนเราจะเลือกจะเป็นอะไร มันเป็นบริบทของเรา
20. พยายามสร้างระบบช่วยตัดสินใจ คนเราวันนี้มีเรื่องให้ตัดสินใจมากเกินไป ถ้าเราต้องคิดทุกเรื่อง การตัดสินใจที่ใหญ่ๆ จะไม่เฉียบคม เก็บพลังงานไว้ และหาตัวช่วย
21. ถ้าเราแน่ใจว่าทำสิ่งที่ใช่ ที่ถูก ก็อย่าแคร์สายตาคนอื่นจนเกินไป จริงๆ แล้วคนอื่นอาจไม่ได้ใส่ใจมากอย่างที่เราคิดหรอก
22. เราคนเดียวไม่สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ การสร้างทีม สร้างคนที่เก่งกว่าเราในแต่ละเรื่องจึงจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ และการสร้างทีมได้ต้องมีความไว้ใจ สร้างความชัดเจนในเป้าหมายก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้ space & time อย่า micromanage เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเราเหนื่อยเอง แล้วจะไม่มีลูกน้องเก่งๆ ที่ไหนอยากทำงานกับเรา
23. โลกเรามันกลมกว่าที่คิด ถึงจะไม่ชอบอะไรก็อย่าเผาสะพาน ถ้าจะเดินออกมา ก็ออกให้สง่างาม คำว่า our path may cross again นั่นมีอยู่จริงเสมอ
ตอนนี้นึกได้เท่านี้ นึกได้อีกแล้วจะมาใส่เพิ่มทีหลังครับ…
2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ได้พบผู้คน(ไทย)น้อยมาก แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่เราทำความเข้าใจผู้คนมากขึ้น ปีหน้าหลายสิ่งในชีวิตกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปีนี้ถึงจะมีเรื่องให้ fail หลายๆ เรื่อง แต่ก็รู้สึกดีว่าเราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ