Prague

Suparat Wirattanapornkul
4 min readApr 7, 2019

--

ปราก (อังกฤษ: Prague) หรือ ปราฮา (เช็ก: Praha) เป็นเมืองหลวงของประเทศเช็ก (หรือปัจจุบันเรียกว่าเช็กเกีย) เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมโบราณเก่าแก่ มีเอกลักษณ์ที่สังเกตเห็นได้ง่ายสองจุดคือ ปราสาทปราก (Prague Castle) ซึ่งอยู่บนเขา มองเห็นได้จากระยะไกล และส่วนที่เป็น Old Town Square ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ Tyn และหอนาฬิกาโบราณ

โดยการเดินทางมาที่นี่จากเวียนนา ดูบทความเดิม ผมนั่งรถไฟ OBB ซึ่งเป็นรถไฟที่ดีมากๆ มาถึงที่นี่ ใช้เวลาไม่นานมาก หลังจากมาถึงแล้วก็จะงงๆ เพราะที่นี่ใช้ภาษาเช็กในการสื่อสาร (ภาษาเยอรมันเดิมก็ยังงงๆ มาเจอภาษาเช็กอีก) เงินที่ใช้ก็เป็นเงินสกุลของเช็กเอง แต่ไม่จำเป็นต้องแลกเงินครับ เพราะเมืองเจริญแล้ว ส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว หายห่วงเลย หรือถ้าเป็นเงินสดก็รับเงินยูโรด้วยเหมือนกัน การแลกเงินเช็ก นอกจากต้องมาคอยใช้ให้หมดแล้ว (เพราะไปใช้ที่ประเทศอื่นไม่ได้) ยังเสียเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และคอมมิชชั่นอีก จึงไม่แนะนำให้แลกเงิน

หลังจากมาถึงก็ตามหาที่พักเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บก่อนเลย ใกล้ๆ ที่พักมีร้านพิซซ่าชื่อดัง Pizzeria Ristorante Corleone เลยแวะกินซักหน่อย

หลังจากนั้นก็แวะเช็กอินที่พัก อันนี้จองแบบ Airbnb Plus ที่นี่ ค่อนข้างตกแต่งดีมีสไตล์ทีเดียวครับ (แต่หาทางเข้ายากหน่อยตามสไตล์ Airbnb)

หลังจากนั้นไม่รีรอ ก็รีบนั่งรถรางแล้วเดินไป Charles Bridge ทันที ที่สะพานนี้จะมีรูปปั้นที่มีประวัติศาสตร์ตลอดทางเดินของสะพานเลย

รูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ รูปปั้นนักบุญจอห์น เนโปมุก (St. John Nepomuk) ซึ่งท่านถือเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ โดยมีตำนานเล่าว่า วันหนึ่งนักบุญจอห์น เนโปมุกได้รับฟังคำสารภาพบาปของพระราชินีพระเจ้าเวนเซสลาสที่ 4 และตามธรรมเนียมนักบุญที่รับฟังคำสารภาพบาปก็ต้องเก็บเรื่องที่ได้ฟังไว้เป็นความลับ เมื่อพระราชินีมาสารภาพบาปบ่อยเข้า เรื่องก็ทราบถึงหูพระราชา ทำให้พระองค์เกิดความสงสัยว่าพระราชินีมาสารภาพบาปเรื่องอะไรบ่อยนัก จึงเดินทางมาหาความจริงจากบาทหลวงเนโปมุก แต่ท่านบาทหลวงได้ถือคติ เสียชีพอย่าเสียสัตย์ จึงไม่ยอมปริปากบอกสิ่งใดแก่พระราชา พระราชาจึงกริ้วมาก และจับท่านบาทหลวงถ่วงแม่น้ำวัตตาวาเป็นการลงโทษ และเมื่อท่านตายไปก็เกิดปาฏิหาริย์เป็นดวงดาว 5 ดวงขึ้นเหนือน้ำตรงที่รูปปั้นของท่านได้ตั้งอยู่นั่นเอง นักท่องเที่ยวที่ได้ไปเดินเล่นบนสะพานชาร์ลก็มีความเชื่อว่า ถ้าหากลูบท่านนักบุญเนโปมุกก็จะได้กลับมากรุงปรากอีก

จากนั้นก็แวะเดินมาที่ Old Town Square หรือแปลไทยว่าจัตุรัสเมืองเก่า ซึ่งภาพแลนด์มาร์กที่ถ่ายๆ กันก็มักมาถ่ายตรงจุดนี้

ตรง Old Town Square สังเกตว่าจะมีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนปราสาทแหลมๆ ที่เป็นคู่ อันนี้ไม่ใช่ปราสาทนะครับ แต่เป็นโบสถ์ชื่อว่า Church of Our Lady before Týn ซึ่งภาพถ่ายที่ถ่ายๆ กันก็มักมาถ่ายตรงจุดนี้ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งกรุงปรากเลยทีเดียว

ซึ่งใกล้ๆ กันก็จะมีนาฬิกาดาราศาสตร์ อ่านประวัติได้ ที่นี่ โดยจะมีคนมามุงเพื่อดูนาฬิกาทำงานทุกชั่วโมง

จากนั้นช่วงค่ำก็ใช้ชีวิตยามราตรีแบบปรากๆ โดยการเข้าไปหาอะไรกินที่ Hard Rock Cafe Prague

จากนั้นก็เดินกลับมาดู Church of Our Lady before Týn และหอนาฬิกาดาราศาสตร์ตอนมืดๆ ครับ สวยงามทีเดียว

หลังจากนั้นก็กลับไปนอน ตื่นมาก็ไม่รอช้า ไปที่ปราสาทปราก (Prague Castle) ทันที ซึ่งก็จะมาเจอกับพี่ทหารยืนเฝ้าหน้านิ่งไม่ไหวติง คนที่มาปราสาทนี้ก็จะต้องแวะถ่ายกับพี่ๆ เค้าหน่อย ก่อนเข้าปราสาทจะมีการตรวจวัตถุสิ่งของกันเยอะเหมือนกันนะ

ปราสาทปรากมันจะเหมือนเป็นสถานที่หลายๆ ที่มารวมกันน่ะครับ ไม่ได้มีอาคารไหนเรียกว่าปราสาทปรากโดยตรง แต่ไฮไลท์ของการเข้าชมคราวนี้คือ St. Vitus Cathedral ซึ่งเป็นมหาวิหารที่น่าจะดูเก่าแก่ และอลังการที่สุดที่เห็นในยุโรปแล้วมั้ง ส่วนประวัติหาอ่านดูเองก่อนนะครับ พอดีผมยังไม่ได้ศึกษา เน้นดูความสวยงามไปก่อน เดี๋ยวพออ่านประวัติแล้วจะมาสรุปให้ฟังอีกที แต่ตอนนี้ต้องรีบมาเขียนก่อน กลัวเดี๋ยวปล่อยไว้นานไปจะลืม

ซึ่งตั๋วเข้าชมปราสาทปราก จะสามารถเข้าได้หลายจุดครับ อย่างที่บอกคือมันเหมือนเป็นตึกหลายตึกที่อยู่รวมๆ กันแล้วเรียกว่า ปราสาทปราก

ในนี้มีเป็นหมู่บ้านที่มีคนอยู่ในสมันสงครามโลกด้วยครับ

ซึ่งจากจุดด้านบน เราสามารถมองลงมาเห็น Landscape ของตัวเมืองปรากได้เลย ภาพนี้ถ่าย 2 รูปแล้วเอามาต่อกันแบบ Panorama

จากนั้นก็เดินกลับไปย่านย Old Town Square อีกครั้ง (จริงๆ ปรากมันก็วนอยู่แค่นี้จริงๆ ฉะนั้นมาแค่ 1–2 วันก็น่าจะเพียงพอนะ) คราวนี้ขึ้นไปบนหอคอยแถวๆ นาฬิกาดาราศาสตร์เพื่อถ่าย Church of Our Lady before Týn จากมุมสูงดูบ้าง

trdelník (เทรอ-เดล-นีค) เป็นขนมหวานขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก ทำมาจากแป้งโดที่แผ่เป็นแผ่นยาว ๆ บาง ๆ แล้วเอามาม้วนเป็นเกลียวเข้ากับท่อนเหล็กหรือท่อนไม้ เรียกว่า trdlo จึงเป็นที่มาของคำว่า trdelník จากนั้นก็โรยน้ำตาล และปิ้งบนเตาถ่านจนกระทั่งมีสีเหลืองและน้ำตาลละลายเป็นคาราเมล แต่ไม่จบแค่นั้น เสร็จแล้วก็เอามาม้วนบนถาดที่ประกอบด้วยน้ำตาล อบเชย และเกล็ดเกาลัด

สิ่งที่ทำให้ปรากเป็นเมืองที่โรแมนติกอีกอย่างคือ นักดนตรีเปิดถุงไวโอลิน ซึ่งเล่นเพลงได้โศกจับใจมาก

หลังจากนั้นมีเวลาเหลือ เนื่องจากผมเป็นคนชอบดูสัตว์ เลยแวะไปที่ Zoo Praha ซึ่งถือว่ามีสัตว์มากมายหลายชนิด แต่ที่ปรากนี่ค่อนข้างงกทีเดียว ซื้อตั๋วแต่ไม่ได้โบรชัวร์กระดาษ ต้องซื้อแยกอีกต่างหาก คนอเมริกันถึงกับงง แต่พอดีผมไม่สนใจการถือกระดาษ เลยไม่ได้แคร์

จากนั้นแน่นอนก็กลับมาที่ Charles Bridge (อีกแล้ว) เห็นไหม บอกแล้วว่ามันวนไปวนมา มาดูปราสาทปรากยามเย็น ที่มีนกโบยบินไปมา

จากนั้นก็ไปที่ Lennon Wall ตรงนี้คนที่เค้าชอบ John Lennon แห่ง The Beatles ก็จะมาถ่ายรูป และสาดสีกันสนุกสนาน

แวะกิน trdelník อีกที ร้านนี้อร่อยใช้ได้

และปิดท้ายการอยู่ที่เช็กด้วยการถ่ายภาพ Charles Bridge ยามค่ำครับ

จริงๆ ได้ประสบการณ์หลายอย่างที่นี่นะ แต่อาจไม่สามารถเล่าได้ทั้งหมด (ขอมีความลับบ้าง) ที่เช็กนี่ดูจะเจริญน้อยกว่าออสเตรีย และเยอรมัน อย่างรู้สึกได้ ค่าครองชีพไม่ถูกนะครับ แพงเลยทีเดียว คนที่นี่ไม่ได้ nice เหมือนออสเตรีย (ค่อนข้างดุด้วยซ้ำ) แต่เมืองและสถาปัตยกรรมที่นี่นั้นคลาสสิกมากๆ ควรค่าแก่การมามากครับ

--

--