จบไปแล้วสดๆร้อนๆกับ UX Research Course คอร์สฟรีที่จัดโดย UX Bangkok ร่วมกับ partner อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งต้องเกริ่นกลับไปถึงที่มาของคอร์สนี้ก่อนว่าเนื่องจากงาน UX Day ครั้งล่าสุดที่พูดคุยในเรื่องของการทำ UX Research แล้วมีผู้ที่สนใจวิธีการและขั้นตอนการทำมากมาย ทาง UX Bangkok เลยเห็นว่างั้นก็เปิดคอร์สสอนเลยละกัน และเรียนกันแบบเข้มข้นถึง 4 วันเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ว่างานนี้กดบัตรให้ทันก็จะได้เรียนนะ ความ challenge ของงานนี้คือจะต้องส่ง Assignment ไปเพื่อให้ทาง UX Bangkok คัดเลือกก่อน และ challenge มากขึ้นไปอีกเพราะว่าเค้ารับแค่ 24 คนเท่านั้น และหลังจากได้ไปเรียนเราเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ในการเรียนคอร์สนี้ ให้กับคนที่สนใจ UX เหมือนกับเราได้อ่าน ถือเป็นการ review การเรียนการสอนของคอร์สนี้ไปเลยละกันนะ
วันเวลาและสถานที่
เราเรียนกันที่ Krungsri Rise Academy เดินทางสะดวกมากเพราะอยู่ใกล้ BTS สุดๆ เรียนกันสัปดาห์ละ 1 วัน และส่วนใหญ่เป็นวันเสาร์ เรียนตั้งแต่ 9:30–17:00 น.
Schedule
เนื้อหาที่เรียนก็เริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับการทำ research ไปจนถึงมีการลงมือสัมภาษณ์กับลูกค้าจริงเลยทีเดียว มี schedule คร่าวๆ ดังนี้
- วันที่ 1 — Introduction to UX and UX Research
- วันที่ 2 — Define Research Method
- วันที่ 3 — Field work
- วันที่ 4 — Analyse Research results
เริ่มเห็นถึงความเข้มข้นแล้วหรือยัง ? หุหุ
Warm Up
ในวันแรกก็มีการ warm up กันเล็กน้อยว่า UX คืออะไร มีความเป็นมายังไง Research คืออะไร ทำไมต้องทำ และพูดถึง process ของการพัฒนา product ด้วยวิธีของ Design Thinking ด้วย
จากภาพจะเห็นว่ามีหลาย phase มาก แต่สำหรับคอร์สนี้เราจะโฟกัสที่ส่วนของ Empathy อย่างเดียวเท่านั้น เพราะ Empathy phase คือการทำความเข้าใจ user, การตั้งสมมติฐาน, การศึกษาพฤติกรรม, การค้นหา pain point และความต้องการที่แท้จริงของ user ซึ่งส่วนนี้แหละที่การทำ UX Research จะเข้ามามีบทบาทมากที่สุด
หลังจากนั้นเราถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทานตะวัน 🌻 และกลุ่มกุหลาบ 🌹 และมีกลุ่มย่อยในแต่ละทีมอีกทีนึง ซึ่งทาง staff จะมี case study จริงให้แต่ละกลุ่มได้ลงมือทำกันจริงๆด้วย
เริ่มจากเข้าใจ Business ก่อน
การจะเริ่มทำ UX Research เราต้องรู้จัก business ของตัวเองให้ดีก่อนเพื่อที่จะได้นำไปตั้งคำถามต่อได้ โดยวิธีการที่เราใช้ทำความเข้าใจ business ก็คือการทำ Business Model Canvas ซึ่งยอมรับเลยว่านี่คือครั้งแรกที่ได้ทำ BMC แบบจริงๆจังๆ ตอนที่ช่วยกันทำก็มีงงๆมึนๆกัน แต่ก็ได้ staff ที่ช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำตลอด พวกเราจึงผ่านกันมาได้
ทำความเข้าใจ user
เมื่อเข้าใจ business แล้วต่อมาก็ต้องมาเริ่มหาวิธีการที่จะทำ research เพื่อทำความเข้าใจ user ซึ่งตรงนี้เราก็ลองตั้งสมมติฐานกันดูว่า persona แบบนี้ น่าจะมี process แบบนี้ เพื่อนำไปสร้างชุดคำถามตามวิธีการของ Contextual Inquiry โดยจะเน้นไปที่การทำ In-depth interview ผสมกับการทำ Observe ด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราเพิ่งรู้จักวิธีการอะไรพวกนี้ ตื่นตาตื่นใจมากๆ แบบว่านี่มันมากกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย
เมื่อเราตั้งสมมติฐานมาแล้ว เราก็เริ่มมาทำชุดคำถามและเตรียม script สัมภาษณ์กัน โดยหลักการสำคัญคือเราต้องกำหนดวัตถุประสงค์ว่าอยากรู้อะไร โดยจะมีประเภทของคำถามเป็น guide ให้ 7 ประเภท เพื่อให้ชุดคำถามที่สร้างออกมามันครอบคลุมตามหลักของ Contextual Inquiry
ลงสนามสัมภาษณ์ user จริง
วัน interview user จริง ทีมทานตะวันโชคดีหน่อยที่ทาง staff หา user มาให้สัมภาษณ์ แต่ของห้องกุหลาบจะต้องไปลงสนามตามหา user เอง โดยในทีมย่อยมีกัน 3 คน เราจึงแบ่งหน้าที่กัน คือ
- Moderator: คนสัมภาษณ์
- Observer: คนที่คอยสังเกตุท่าทาง สีหน้า ความรู้สึกเวลาที่ user ตอบคำถาม
- Logger: คนที่จดรายละเอียดที่ user ตอบ ทำหน้าที่คล้ายๆ recorder นั่นเอง
ซึ่งวันนี้สำหรับห้องทานตะวันก็ improvise กันสนุกสนานและถือว่ากินพลังพอสมควร เพราะว่าเมื่อเราได้สัมภาษณ์จริงบางที script และคำถามที่เตรียมมามันไม่ได้รันไปแบบนั้นเป๊ะๆ user ตอบแบบนี้มาเราก็อาจจะต้องสลับคำถาม เพื่อให้การสัมภาษณ์นั้นไหลลื่นมากที่สุด แถมบางที user ก็ออกนอกเรื่อง ดังนั้นจึงสำคัญมากที่เราต้องสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเร็ว และต้องมีสติมากๆด้วย
วิเคราะห์และสรุปผล
สุดท้ายเรามีการนำผลจากการ interview มาวิเคราะห์และสรุปผล หา pattern ของพฤติกรรม, ขั้นตอนการทำงาน รวมไปถึง pain point ของ user แล้วนำมา mapping ลง Contextual Inquiry Model ทั้ง 6 แบบ เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของ user ตั้งแต่บทบาทหน้าที่, สิ่งที่ต้องทำ, ต้องติดต่อกับใครบ้าง, ใช้เครื่องมืออะไรบ้าง, ระหว่างนั้นมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร ซึ่งผลการ research นี้นี่แหละ ที่จะทำให้เราสามารถสรุปปัญหา pain point หลักๆได้ และช่วยแนะนำวิธีแก้คร่าวๆให้กับทางทีม business ได้ด้วย (Finding and Hypothesis Recommendation)
การบ้านทุกสัปดาห์
การเรียนคอร์สนี้บอกแล้วว่าจริงจังมาก ดังนั้นทุกสัปดาห์จะมีการบ้านให้กลับไปทำเพื่อเสริมความเข้าใจและเพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาเพิ่มเติม และนำมา present หน้าห้องเป็นภาษาอังกฤษ ใช่แล้ว ภาษาอังกฤษจ้าาา (ไม่ได้เตรียมใจมาเล้ยยย 5555) ตอนทำการบ้านสำหรับเราสนุกดีนะแบบได้อ่าน ได้ศึกษาเพิ่ม ได้ทดลองทำ ผิดๆถูกๆก็ทำกันไปช่วยกันกับน้องในทีม และโชคดีมากที่น้องๆในทีม active ดีมากช่วยกันทำงานตลอด แม้น้องๆจะเรียนหนักก็ยังแบ่งเวลามาช่วยกัน น่ารักมากๆเลย
สอบ!
ทุกการเรียนการสอนต้องมีการสอบเสมอ ใช่แล้ว! และคอร์สนี้ก็เช่นกัน การสอบนี้ไม่ได้จริงจังมาก เพียงแค่เป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจจากที่เรียนมาเฉยๆ ส่วนข้อสอบก็มีทั้งกาและเขียน และทั้งหมดถามตอบเป็นภาษาอังกฤษจ้า แต่ไม่ยากถ้าเราเข้าใจ สบ๊ายยยย
สุดท้าย
การได้มาเรียนครั้งนี้มันคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น ก่อนหน้านี้คือศึกษา UX ด้วยตัวเองมาตลอด มีเคยลองทำมาบ้างและคิดว่าเราก็เข้าใจมันในระดับที่พอใช้ทำงาน UI ได้ แต่เมื่อได้มาคอร์สนี้แล้วนั้นมันทำให้รู้ว่าโลกของ UX มันกว้างซะเหลือเกิน การศึกษาเกี่ยวกับคนนั้นมันศึกษาได้ไม่มีวันจบ และทำให้เราตระหนักได้ว่า
“The more I learn, the more I realize how much I don’t know — Albert Einstein”
ซึ่งคำกล่าวนี้มันจริงมากๆ และมาเรียนแต่ละครั้งก็รู้สึกตัวจิ๋วและจ๋อยมากๆ เพราะรู้สึกเหมือนว่าที่จริงแล้วเราไม่รู้อะไรเลยนี่หว่า เราเลยมองว่าคอร์สนี้แหละที่มาเปิดโลกของทุกๆคน มาปรับ mindset ทำให้หลายๆคนเข้าใจเนื้องานของ UX Designer มากขึ้น รู้ว่าการจะไปเป็น UX Designer นั้นต้องรู้อะไรบ้าง มี skill อะไรบ้าง และโดยส่วนตัวคือทำ UI มาก่อน เลยทำให้รู้ตัวเองด้วยว่าจะต้องพัฒนาทักษะและความรู้เพิ่มเติมด้านใดบ้าง เพราะเรามีแพลนว่าจะขยับไปสาย UX จริงๆสักวันถ้ามีโอกาส :)
ขอบคุณ ❤️
- Thank you many times ให้กับทีม UX Bangkok ก่อนเลย staff ทุกคนตั้งใจและเสียสละเวลาส่วนตัวมาเพื่อสอนและแชร์ประสบการณ์กันจากใจจริง เรารับรู้ได้เลยว่าแต่ละคนทำงานนี้ด้วยใจที่อยากจะผลักดันสังคมให้เกิดคนทำ UX เป็นมากขึ้น อีกทั้งบทเรียนและการได้ลงมือทำจริงนี้มันเหนือความคาดหมายมากๆ ซึ่งดีนะคะ มันดีกว่าเรามานั่งฟังเฉยๆแล้วก็งงๆมึนๆกลับบ้านไป ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ
- ขอบคุณสมาชิกทีม Sunflower 7 น้องลีโอและลูกคิด น้อง 2 คนเก่งมากๆ ช่วยกันสุดพลังทำให้ทีมของเราผ่านพ้นมาได้ พี่ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับน้องทั้ง 2 คนนะ
- ขอบคุณแก๊งค์น้องๆ (ที่เราเนียนๆไป) จังก้า ผักกาด จ๋า โยโย่ ตอนแรกไม่คิดว่าจะมารวมกันได้ แต่พอรวมกันเท่านั้นแหละ เละเทะ ฮาาาาา ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาและมิตรภาพดีๆที่มีให้ รวมถึงทุกๆคนในห้องทานตะวันที่ร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน ทุกคนเก่งและมีความตั้งใจกันมากๆ
- ขอบคุณรูปประกอบจาก UX Bangkok อีกเช่นกัน รู้สึกชีวิตต้องโฟกัสกับการทำกิจกรรมตอนเรียนมาก ดังนั้นจึงแทบจะไม่มีรูปที่ถ่ายเองเลย ฮาาา
สุดท้ายของสุดท้าย
ขอบคุณของขวัญเล่มนี้จาก UX Bangkok มากๆ มันเป็นหนังสือที่ดีมากๆเล่มนึงสำหรับคน UX ที่แท้ทรู แม้เราจะได้อ่านมาบ้างแล้ว แต่เราก็จะเก็บไว้ศึกษาเพิ่มเติมต่อเรื่อยๆ เพราะเรารู้ว่าโลกของ UX นี้มันกว้างใหญ่เพียงใด ขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งค่ะ 😘
หากใครสนใจงานทางด้าน UX อย่าลืมไปกด Like Fanpage UX Bangkok กันด้วยนะ ไว้ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจ และคอร์สดีๆอีกมากมายจ้า
เจอกันใหม่คอร์สหน้า 🤓