[Review] ทำงานที่ AltoTech ตำแหน่ง IoT Engineer

MGodK
4 min readMay 6, 2024

--

สวัสดีครับผม ในบทความนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์และการทำงานในบริษัทสตาร์ทอัพที่ลุยทางด้าน AIoT Technology นั่นก็คือ AltoTech Global…

— — — — — — — — — — — — — — — — —

หัวข้อที่ทุกคนจะได้รู้เรียงตามนี้เลยครับ

  1. ทำไมต้อง AltoTech และการตัดสินใจตอนเข้ามาทำงาน
  2. เหตุการณ์ระทึกขณะฝึกงาน (Extra)
  3. วัฒนธรรมการทำงานและทีมสตาร์ทอัพ
  4. สวัสดิการและเบี้ยเลี้ยง
  5. สรุปโดยภาพรวมประมาณ 1 ปีที่อยู่ AltoTech

Why? — ทำไมต้อง AltoTech และการตัดสินใจตอนเข้ามาทำงาน

— — — — — — — — — — — — — — — — —

จริง ๆ แล้ว ย้อนไปตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาอยู่วิศวะ ฬ ตอนนั้นเป็นเด็กกิจกรรมมาก ลุยทุกงานของมหาลัยจนรู้สึกได้ว่าตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปจากตอนมัธยม (สวนกุหลาบวิทยาลัย) พอทำกิจกรรมจนถึงจุดนึงเริ่มอิ่มตัวเลย ทำให้เลยไปปรึกษาพี่ ๆ ในวิศวะว่าระหว่างไปฝึกงานกับทำกิจกรรมใหม่ ๆ ต่อ ไปทางไหนดี

จริง ๆ คำตอบที่ได้ก็คือ ไม่มี!! ตอนนั้นพี่ให้คำตอบแค่ว่าคิดดูดี ๆ เพราะถ้าเลือกฝึกงานไปทำงาน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยคงอาจจะน้อยลง สุดท้ายแล้วก็เลือกไปฝึกงานครับ

จุดของคำถามต่อมาคือฝึกที่ไหนดี?

คิดถึงคำถามนี้อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์และพยายามรวบรวมข้อมูล Career Path จากโลกนี้ทั้งหมด 5555 เลยมีทางเลือกอยู่สองแบบคือ ไป Startup หรือ บริษัทใหญ่

เลยไปถาม/ปรึกษา พี่ ๆ อีกครั้ง พี่ทุกคนบอกว่า Startup ได้อะไรเยอะมากและเติบโตสูงแน่นอน แต่ บริษัทใหญ่ อาจจะได้ทำแค่งานพาทนั้น ๆ หรือแค่ส่วนที่รับผิดชอบแล้วลงลึกไปเลย (พี่ทอป จิรายุ ก็เคยพูดไว้ว่าเลือกบริษัทเล็ก ๆ ที่ตัวเองได้ทำอะไรเยอะ ๆ ดีกว่า)

ทำไมต้อง AltoTech เพราะว่าตอนปีหนึ่งลงเรียนวิชา IoT ของ อาจารย์ เอกพล ช่วงสุวนิช แล้วอาจารย์ได้เชิญ พี่อาร์ม (CEO AltoTech) มาเป็น Guest Speaker พูดบรรยายเกี่ยวกับโปรดักส์ของทางบริษัท ตอนนั้นยังปี 1 ทำให้ฟังแล้วโคตรว้าว++ เลยครับ

ก็เลยตัดสินใจไป AltoTech โดยยื่นไปทางเมล แต่เมลตอนส่งไปไม่มีที่อยู่😅 (หรือผมส่งผิดไปไม่รู้ครับ) ด้วยความที่อยากทำโปรดักส์ที่นี่เลยลุยโทรไปเลยครับ โทรหาเบอร์ในเว็บไซต์ ก็มีคนรับ แต่ว่าผมโทรไปตอนแปดโมง (บริษัทเริ่มงาน 10.00 โมง🤣)

รอบแรกโทรไปเล่ามาทำไมอยากมา แล้วพี่ที่รับสายก็รอติดต่อกลับ ผ่านไป 2 อาทิตย์… ไม่มีการติดต่อกลับ เลยโทรไปใหม่ครับ5555 รอบนี้พี่เขาส่งคอนแทคพี่ในทีมคนนึงมาให้ (แต่พี่คนนี้ออกไปก่อนผมจะเข้าไปเริ่มทำงาน) พี่ในทีมคนนี้ก็นัดสัมภาษณ์ทุกอย่างประมาณ 1 ชม. ก่อนรับเข้าฝึกงาน

ช่วงแรกของการฝึกงาน ด้วยความที่คนในทีมฝั่ง IoT ต้องไปหน้างานบ่อยเลยไม่ค่อยมีใครอยู่ เดินเข้าไปในออฟฟิตด้วยความงง ๆ ก็มีพี่อีกคนในทีมสัมภาษณ์คร่าว ๆ อีกรอบว่ารู้อะไรบ้าง ปรากฏว่า ตัวเองแทบไม่รู้อะไรเลย เพราะรั้วมหาลัยที่เรียนมากับงานจริง ๆ คนละเรื่องเลย ที่เรียนได้ใช้อยู่ 1% พี่เขาเลยให้คำคร่าว ๆ ไปศึกษาเองแล้วมาพรีเช้น ก็ถู ๆ ไถ ๆ ทั้งวันทั้งคืน จนออกมาดีบ้างไม่ดีบ้าง

พอผ่านไปสักพักเริ่มเก่งขึ้นพี่ ๆ ก็ให้แตะงานที่เป็น Production มากขึ้นที่เป็นลูกค้าจริง ๆ แต่….

Alert! — เหตุการณ์ระทึกขณะฝึกงาน (Extra)

— — — — — — — — — — — — — — — — —

จะบอกว่าผมทำ Production แตกคับ 5555 วันนั้นลองเล่นอะไรนิดหน่อยแล้วกลายเป็นว่า Controller (Platform ระเบิดเป็นโกโก้ครั้น🥲🥲) รับไม่ไหวทำให้รันไม่ได้แล้ว Down ลงไป กับเผลอไปลบไฟล์บน Platform แต่สุดท้ายแก้ได้ทันแต่อาจจะใช้เวลานิดหน่อย (เกือบทั้งวัน ทั้งทีมช่วยกันแก้)

โดยลงโทษด้วยการไปนั่งสำนึกผิดในเล้าขนม 3 ชม.🤣 ก็นั่งทำงานในกองขนมเลยคับ

จริง ๆ แล้ว มีประมาณ 2 รอบที่ผมทำพังใน Production (ลูกค้าใช้งาน) ซึ่งจริง ๆ แล้วมี Stagging (ไว้เทส) แต่ Environment ของ Stagging กับ Production ไม่ค่อยเหมือนทำให้ต้องไปทดลองจริง แล้วพลาด

Why? — ทำไมต้อง AltoTech และการตัดสินใจตอนเข้ามาทำงาน (ต่อ)

— — — — — — — — — — — — — — — — —

กลับมาตอบคำถามว่าทำไมต้องที่นี่ เพราะว่าผมเป็นคนวางแพลนชีวิตหนักมาก ๆ คิดทุกการกระทำ ครั้งนึงในชีวิตเวลาผมจะทำอะไรลงไปหรือไม่ทำอะไรลงไปต้องมีเหตุผลเพียงพอในการทำ

ในจุดนี้ ผมรีเสิชเกี่ยวกับบริษัทและโปรดักส์ทุกวันจนรู้สึกว่าที่นี่แหละเราน่าจะชอบและทำให้เราโตมาก ๆ

ถึงแม้ว่าจะดูว่าที่นี่เป็นสตาร์ทอัพแต่โปรเจคระดับ Smart Building Smart City Smart Campus ไม่มีทางที่ Solution ของโปรดักส์ในการทำจะเล็ก ๆ แน่นอน ตั้งแต่การ Implementation ที่ต้องใช้ความเข้าใจและเรียนรู้อย่างมากกว่าจะเข้าใจ Solution และเทคนิคต่าง ๆ ของที่นี่

สุดท้ายแล้วเติบโตมากกว่าที่ตัวเองคาดหวังไปเยอะเลยครับ เพราะพี่ ๆ ในทีมและการทำงาน

How? — วัฒนธรรมการทำงานและทีมสตาร์ทอัพ

— — — — — — — — — — — — — — — — —

เกริ่นก่อนว่าที่นี่คือสตาร์ทอัพ ดังนั้นทุกคนมาทำงานด้วยแพชชั่นและไฟแรงสูง🤣 ตามเวลางานจริง ๆ คือ 10.00–18.30 (ถ้าจำไม่ผิด) แต่ว่าทุกคนที่นี่ส่วนใหญ่จะเลิกงาน 20.00++ จนถึง 21.30 แล้วแต่วัน (เวลาไป Meetup หรือ Networking ที่ไหน คนก็จะถามว่า AltoTech ตอนนี้เลิกงานแล้วหรอ🤣 หรือถามว่า ตอนนี้คนในบริษัทยังทำงานถึงเที่ยงคืนอยู่ไหม)

ข้อความข้างบนเป็นแค่เกริ่น ๆ แต่ความจริงแล้วมีวันที่ต้องทำงานถึงเที่ยงคืน++ เยอะอยู่ แต่เพราะว่ามันเป็นงานสำคัญ (เล่าถึงจุดนี้คือผมไม่ได้เป็นฝึกงานแล้วนะครับ)

หลังจากฝึกงานได้สักพักทางบริษัทก็ได้จ้างต่อด้วยเรท XXX.- ขอเก็บไว้ท้าย ๆ ครับ ทำให้ภาระ ความกดดัน งาน ความตึงเครียด มากเป็นสิบเท่ากว่าตอนฝึกงาน สัญญาผมเป็น Contract ~6 เดือน ก็หนักมากกว่าที่ผ่านมา บางวันก็ตี 3 ตี 4 แต่ก็สนุก เพราะทีมเราทำงานด้วยแพชชั่นและไฟในการทำงาน

วัฒนธรรมที่นี่ให้ความสำคัญเรื่อง Commitment ตามความเป็น Agile Team แต่มีหลายรอบที่ผม Overcommit 🥲 ตั้งแต่เรื่อง PR ใน Gitflow จนทำไม่เสร็จ แต่ก็โดนพี่ในทีมรีดเข้นอยู่หลายรอบ ปกติเราก็จะ Stand Up กันตอน 10.00 โมง (Stand Up คืออัพเดทงานรายวันว่าเมื่อวานทำอะไร วันนี้จะทำอะไร) ก็จะมี Manager คุมเป็นหลัก แล้วก็มีประชุมย่อยเช่น Sprint Planning บ้าง Knowledge Sharing บ้าง

ที่ชอบสุดคงเป็น Dev Day, Demo Day (เป็นวันพรีเช้น Feature ใหม่ของทีมเพื่อเก็บเอา Feed Back จาก C-Level และทีมอื่น ๆ)

ซึ่งตัวผมได้รับหน้าที่ Knowledge Sharing ค่อนข้างเยอะเพราะทางทีมให้ไปลุยศึกษาเรื่องใหม่ ๆ ด้วยเลยต้องเอามาแชร์ให้คนในบริษัทฟัง

วัฒนธรรมที่นี่จริง ๆ แล้วเป็นกันเองเหมือนครอบครัวมีคนไม่ถึง 30 คนทุกคนสนิทกันเกือบหมดมีอะไรก็ไปกินข้าว พูดคุยกันตลอด ปรึกษาได้ทุกเรื่อง

สรุปละกันครับ ถ้าใครอยากเติบโต แข็งแกร่งในด้านการทำทีม ทำโปรดักส์ และมีแพชชั่นในการพัฒนาตัวเองทั้ง Hard Skill Soft Skill สูง ที่นี่เป็นอีก 1 ตัวเลือกที่ให้ได้มากที่สุดที่นึง เพราะความเป็นทีมสตาร์ทอัพ เราต้องพยายามเอาตัวเองออกไปสู่โลกนี้ให้ได้ครับ

Benefit? — สวัสดิการและเบี้ยเลี้ยง

— — — — — — — — — — — — — — — — —

หลาย ๆ คนพออ่านมาถึงจุดนี้น่าจะอยากรู้เรทมากที่สุด ที่ผมได้แต่ขอเก็บไว้แปป ขอเล่าถึงสวัสดิการทางอื่นก่อนละกันครับ

ทุก ๆ เดือนเราก็จะมีปาร์ตี้กันตาม ๆ ที่ทุก บริษัทมีเลย เช่นโยนโบว์ลิ่ง กินเลี้ยง สังสรรค์ ทั่วไป รวมถึงมีตี้ไปเล่นกีฬาบ้างเช่น บาส แบต ฟุตบอล

แต่ว่าในส่วนนี้คือของ Part-Time นะครับ เพราะผมเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยตามสัญญา ส่วนของสวัสดิการอาจจะมีไม่เยอะเท่า Full-Time แต่ก็คุ้มแน่นอนและเพียงพอครับ

หนึ่งส่วนที่สำคัญเลยคือ Self-Learning ที่นี่มีการให้พนักงานไปเรียนคอร์สข้างนอกได้ผมก็ไปเรียนที่ Udemy ด้วยเช่นกัน ก็เป็น พาร์ท Data Engineer ML Engineer เป็นหลักก็คุ้มมาก ๆ เพราะราคาคอร์สเป็นหมื่น และที่สำคัญที่ AltoTeech มี Academy ใครยังไม่รู้สามารถเข้าไปดูได้ที่ FB : Alto AIoT Academy

ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นให้ทั้งคนในสอนกันเองและมีคนนอกมาเรียนด้วยเพื่อเป็นความรู้ให้คนต่อ ๆ ไป และคนในทีมอื่น ซึ่งผมก็มีบางพาร์ทที่เป็นทั้งคนเรียน คนสอน คนทำสไลด์ สลับปน ๆ กันไป

เอาหล่ะเข้าถึงเรทเงินที่ผมได้ละกันครับ ตามสัญญาเงินที่ได้จะอยู่ “~1,500–2,000 บาทต่อวัน” ครับ ก็แล้วแต่ว่าทำได้แค่ไหน เพราะอย่างการทำงานล่วงเวลาก็ไม่ได้มีเงินพิเศษแต่เราทำด้วยแพชชั่นและไฟที่อยากจะทำกัน บางววันผมเก็บงานไปทำต่อจนถึง ตี 4 หรือไม่ได้นอนก็มี และเสา อาทิตย์ก็ต้องทำถ้าไม่เสร็จหรือมีอะไรที่ค้างไว้ (โฟกัสงาน 9–10 ชม ต่อวัน😇😇 เรียนเพิ่มเติมเพื่อให้ทำงานได้เสร็จอีก 2–3 ชม. ต่อวัน)

Routine วันนึงผมก็จะประมาณนี้

  • ตื่น 9.00 อ่านเมลทั้งหมด ตอบเมล เพราะต้องติดต่องานหรือสอบถามปัญหากับ บริษัท ตปท. เกือบตลอด ตอบเมลมากกว่าตอบไลน์อีกวัน ๆ นึง🤣
  • เชคคาเลนดา ว่ามีใครยิงมานัดประชุมบ้าง วันนี้ต้องประชุมเรื่องอะไรกับ ใคร ที่ไหน ตอนไหน

เคยมีต้องไปคุยงานกับลูกค้าด้าน Smart City/Campus แถว ๆ บางนา แต่ลืมเชค เพราะปกติ ใส่กางเกงเจเจ เสื้อบอล รองเท้าแตะไปทำงาน🤣 สุดท้ายคือ ต้องไปยืมชุดเพื่อนที่หอในมาเปลี่ยน ละเพื่อนก็ให้มาอย่างดี เสื้อสูท กางเกงทำงาน เข็มขัด Hermes😅 (ออฟฟิตอยู่ตรง Stadium One)

  • อ่าน News Letter ที่สมัครไว้
  • ทำงาน 10.00–20.30 กลับบ้าน
  • ถึงบ้าน 21.00 อาบน้ำ บางวันหลับเลย
  • 22.00–00.00 อ่าน White Paper และ Medium ทุกคืนเพราะช่วงนั้นเรียนวิชา ป.โท Advanced NLP ต้องทำ Literature Review เยอะ เลยต้องอ่านเยอะ ปกติจะมีกลุ่ม ML-NLP ที่จะมีคนกรองเปเปอร์ที่พีค ๆ ให้มาอ่านในกลุ่มตลอดอยู่แล้ว
  • หลังเที่ยงคืนถ้าไม่มีอะไรก็นอน หรืออ่านนิยาย การ์ตูน (ปกติไม่เล่นเกมทั้งคอม และโทรศัพท์)
  • เสาร์ เรียน Academy บางวีค ถ้าไม่เรียนก็จะไปตี้ตีแบต เตะบอลกับตี้บ้านรับเพื่อนในมหาลัย

ทุก ๆ วันวนลูบไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนชิน

แลกมาด้วยความเหนื่อยและความกดดันเพราะเวลาว่างจริง ๆ มีน้อยและต้องเรียนไปด้วย แต่เรทแค่นั้นยังไม่หมดครับ เพราะวันที่เราสอนที่ Academy จะได้เพิ่มอีก ซึ่งจะไม่แน่นอนเพราะ 1 คลาสอาจจะมีหลายคนสอน แต่โดยคร่าว ๆ จะได้อยู่ที่ คลาสละ 3,000–5,000 บาท ตามการออกแรง (เพราะแลกมาด้วยต้องเตรียมสไลดสอนนาน + เนื้อหาลึกมาก)😅 แต่วันสอนของ Academy คือวันเสาร์ เพราะฉนั้น เวลาของพนักงานที่บริษัทนี้คือ จะว่างแค่วันอาทิตย์วันเดียว เพราะบางเสาร์เราต้องเป็นคนเรียน

แต่ยังไม่หมดเท่านี้เพราะจริง ๆ คนในทีมก็มีหลายภาระที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมได้รับฉายาว่าเป็น Slide Engineer 555 เพราะมี Skill ด้านทำ Slide และ Story Telling ดี ทำให้ได้ฉายานี้มา ก็จะมีบางงานที่พี่ ๆ ในทีไม่อยากทำสไลด์เองก็จะส่ง Notion หรือรายละเอียดมาให้ เช่นไปเรียนคอร์สนี้มาแล้วเตรียมมสไลด์สอนให้หน่อย หรือสไลด์พรีเช้นต่าง ๆ ก็จะได้เงินจากส่วนนี้บ้างอีกนิดหน่อยไม่กี่พัน

สรุปรวม ๆ แล้วเงินที่ได้ก็จะมาจาก เรทต่อวัน + คลาส Academy + สไลด์ (น้อยครั้ง)

ถ้าใครอยากมาที่นี่ ถือว่าเป็นที่ ๆ นึงที่ได้ทั้งการเติบโตและสกิล แต่แลกมาด้วยเหมือนการยกหินตลอดเวลาเพราะภาระเยอะขึ้น (แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นเด็กกิจกรรมมาก่อน เรื่องความกดดันเลยมีเทคนิคการบริหารตัวเองอยู่แล้ว ทั้งการจัดการความเครียด ความกดดัน บริหารเวลา ก็ได้ Soft Skill มาเยอะ)

Final — สรุปโดยภาพรวมประมาณ 1 ปีที่อยู่ AltoTech

— — — — — — — — — — — — — — — — —

สามคำสั้น ๆ ก่อนพูด “โคตร เติบ โต”

เพราะว่าทุกสิ่งได้จากที่นี่คือ Hard Skill และ Soft Skill จริง ๆ และได้เยอะมาก ๆ มากกว่าที่คาดหวังเยอะ อ๋อออ.. และที่สำคัญตอนที่ผมยังทำงานอยู่ ที่นี่ไม่มี Product Manager!!

ก็คือให้คนในทีมนำ Sprint Planning กันเองดังนั้นสกิลที่ได้เพิ่มเข้ามาอีกก็คือการเป็น PM จัดการงานตัวเองเช่น การให้ Priority กับ task หรือ user story กระทั่งหา insight จากการไปคุยกับลูกค้า (เช่นที่ ผมอ้างถึงไปข้างบนตอนไปคุยงานที่บางนา) สิ่งสำคัญคือวิสัยทัศในการเข้าใจปัญหาของโปรดักส์เรา

*วิสัยทัศของตัวเองคือ กำไรต้องมาจาก Outcomes เป็นหลักมากกว่ามาจาก Outputs เช่น

เคยมีคลิปจำลองสัมภาษณ์ถามว่า ถ้ามีลูกค้ามาสั่งข้าวที่ร้านอาหารของเราแล้ว เขาทำงานไปด้วยจนข้าวเย็น แล้วขอไปเวฟ เราจะต้องทำยังไง?

วิสัยทัศคือ ถ้าเรามองเงินที่เป็น กำไรจาก Outputs ก็จะได้คำตอบคือ ไปเวฟหรือไม่ทำหรือคิดค่าบริการ แต่! ถ้าเรามองว่า ทำให้เขาใหม่ Outcomes ที่เกิดขึ้นคือมัน Impact ต่อลูกค้า อาจจะปากต่อปาก หรือความประทับใจที่เกิดขึ้น และเคสแบบนี้มีไม่เยอะ (ถ้าเป็นผู้ประกอบการต้องมีดาต้าในหัวคร่าว Data-driven for decision) ไม่ได้ส่งผลลบต่อร้านถ้าไม่เยอะจนกระทบ แต่ถ้าเยอะเราอาจจะลองเอา Data มา Plot เพื่อหา insight เพื่อหาพฤติกรรมลูกค้าก็ได้ เพื่อเอาไปสร้างกลยุทธ์หรือบริการแบบใหม่มา Counter ลูกค้ากลุ่มนี้ ทุนสองจานอาจจะเท่ากับหรือน้อยกว่าเงินที่เขาจ่ายค่าอาหาร

สรุปแล้วดังนั้น สองจาน กำไรของเรา ไม่ใช่เงิน แต่คือสิ่งที่ Impact ต่อลูกค้าต่างหาก!

มีเชสชั่นที่ทางบริษัทได้เชิญ Renato Silva เทพแห่ง Tech Product Management @ex-Tencent มาสร้าง Workshop สุดเจ๋งหลายวัน ซึ่งพาร์ทนี้ได้ปรับเปลี่ยนความคิดการลุย Tech Product ไปเยอะมาก

ดังนั้นที่นี่นอกจากจะได้ Hard Skill ด้าน IoT AI แล้ว Soft Skill ความคิดต่อ Tech Startup หรือ Tech Product ก็เหมือนแถมมามหาศาลด้วย

ใครอยากรู้เกี่ยวกับ Modern Product Management คร่าว ๆ สามารถอ่านได้ที่

เป็นบทความอันนึงที่พี่ในทีมคนนึงเขียนไว้สรุปภาพรวมคร่าว ๆ เกี่ยวกับหลักการสมัยใหม่ (พี่คนนี้เก่งมาก ๆ💪 อยากให้ลองอ่าน)

และมีช่วงนึงที่ตัวเองไม่ได้เป็นเด็กฝึกงานแล้ว แต่ก็มีนึกศึกษาฝึกงานคนอื่นมาในทีม ด้วยความที่เราก็เป็นสมาชิกแล้ว มีความเก่งระกับนึง ก็มีบ้างที่เป็นคนคอย Assign งานให้แทนพี่ ๆ ในทีม หรือการเรียนรู้ให้นักศึกษาฝึกงานอยู่บ้าง จริง ๆ ที่นี่ไม่ได้มีขอบเขตเรื่องอายุ ถึงแม้ว่าจะมีนักศึกษาฝึกงานคนอื่นที่อายุมากกว่าผม เข้ามาในทีม ผมก็อยากให้เขาได้เติบโตแบบที่ผมเติบโตมา ก็พยายามให้งานในจุดที่เขาอยากจะได้และตามประสบการณ์ของตัวเอง

สำคัญสุดคือ Connection และ Mind Set ที่ดี Connection ช่วยเติบโตถึง 60% (ไม่รู้เลขมาไง เดามามั่ว ๆ คับ🤣) เพราะไม่ว่าจะเรื่องโปรเจคที่ถึงทางตัน หรือความรู้หมดแล้วคิดไม่ออก ต้องการเทพมาช่วยครับ 🤣🤣 ซึ่ง Connection คือสิ่งที่แก้ไขปัญหานี้

สุดท้ายแล้วตรงนี้ สรุปเลยว่าใครมาที่นี่ ไม่เสียดาย ไม่เสียใจแน่นอน แต่ขอให้มาด้วยแพชชั่นในด้าน AIoT และไฟแรงสูง เพราะถ้าไม่ชอบด้านนี้ แล้วมาที่นี่การฝึกงานไม่ผ่านแน่นอน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมและคนในทีมจะทำให้เราเติบโตจนแข็งแกร่งในสภาวะแวดล้อมนี้ได้เองครับ

ขอบคุณ AltoTech Team ครับ

บทควาทนี้อาจจะดูมีแรงกดดันเยอะอยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งคือทำด้วยใจที่อยากเห็นโปรดักส์เติบโตไปอยู่บนโลกเทคโนโลยียุคนี้ แล้วผมก็จะภูมิใจว่า ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์ความรู้นี้ มากกว่าการทำไปเพื่อผ่าน ๆ การฝึกงานมหาลัย

หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ใครหลาย ๆ คนที่กำลังคิดบางอย่างหรือตัดสินใจบางอย่าง และ🫡 เติบโตไปด้วยกันครับ

บทความต่อไป [Review] วิชา Advance NLP สุดตึง!.. เร็ว ๆ นี้ครับ

My Contact

🚙LinkedIn : http://linkedin.com/in/makorn-n-20536b268 (Makorn Nupakorn)

--

--