หนังสือโครตแรงบันดาลใจในช่วงเวลานี้ได้ดีที่สุด “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” (Part.1)

Nantana Rungsawasdisap
2 min readMar 8, 2022

--

ใน Medium ของตอนนี้จะมาชวนอ่านหนังสือ “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” ของอาจารย์คิม รันโ

จริงๆหนังสือเล่มนี้ เคยฟัง Podcast ของคุณรวิศใน Mission to the moon มาหลายตอน เลยไม่คิดว่าจะมาอ่านอีกเพราะเหมือนโดยสปอยล์มาแล้ว

แต่ด้วยความที่ช่วงนี้เบื่อๆหนังสือกองดองที่มี เลยไปจิ๊กมาจากพี่ชาย เพราะหนังสือสีเตะตาและมันช่างล่อให้หยิบมาอ่านจริงๆ

ปรากฎพออ่านไปแค่บทแรกเท่านั้นเลย ยาวววววววว…

ดังนั้นในตอนนี้หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับ

  1. ตัวเองที่จะเข้ามาอ่านทวนอย่างย่ออีกครั้ง
  2. เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายที่กำลังมีช่วงชีวิตที่ยากที่สุด ช่วงที่กำลังไล่ล่าตามความฝัน ช่วงที่เหนื่อย ทรมานใจ สิ้นหวัง และว่างเปล่า
  3. คนที่ต้องการพลังใจ เพื่อที่จะเผชิญกับปัญหาที่ถาโถม ยืนหยัดต่อไป

ไม่พูดเยอะ เริ่มเลยดีกว่า

นาฬิกาชีวิตของคุณกี่โมงแล้ว

อ.คิมรันโด พูดถึงช่วงเวลาชีวิตที่หมุนไปเหมือนกับนาฬิกาชีวิต มาถึงบทแรกก็โดนใจสุดๆ เคยกันไหม มันจะมีความคิดว่า “อายุ 30 แล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยยย” คิดแล้วช่างท้อแท้ ยิ่งไถ Facebook ยิ่งเฟล 555 เป็นเศร้า…

การคำนวณนาฬิกาชีวิตสามารถใช้สูตรได้ว่า 24 ชั่วโมง = 1,440 นาที อายุขัยโดยเฉลี่ยของมนุษย์มีอายุ 80 ปี ซึ่งจะเท่ากับปีละ 18 นาที (1,440÷80=18) ดังนั้น

10 ปี = 3 ชั่วโมง

20 ปี = 6 โมงเช้า

30 ปี = 9 โมง

40 ปี = เที่ยงตรง

50 ปี = บ่าย 3 โมง

พอได้ลองคำนวณจากนาฬิกาชีวิต เอ้ะ ตอนนี้เราก็ยัง 9 โมงกว่าเอง ดูเหมือนวันนี้เรายังมีเวลาอยู่อีกเยอะเลยนะเนี่ย เลยชอบประโยคที่ในหนังสือบอกว่ามาจากหนัง เบนจามิน บัตตัน ว่า “ในชีวิตหนึ่ง ไม่มีช่วงอายุใดเร็วเกินไปหรือสายเกินแก้” ดังนั้น ไม่มีอะไรที่สายเกินไป เพียงแค่ลงมือทำ

จงไล่ตามความปรารถนาของคุณไป

หลายครั้งเรามักจะทำตามคลื่นกระแสของสังคม หรือความปรารถนาของคนรอบข้าง พ่อแม่ ครอบครัว เพื่อน “ความปรารถนาของใครคนหนึ่งอาจจะไม่ใช่ บรรทัดฐานของคนทั้งโลก แต่เป็นสิ่งที่สร้างคุณค่า ความภูมิใจ และความท้าทายให้ชีวิตตนเองดำรงอยู่ได้

ดังคำว่า Passion ที่มีรากศัพท์มากจาก “ความทุกข์ทรมาน” ที่เกิดจากแรงปรารถนา ในยามที่เราต้องตัดใจทิ้งความฝันอันแสนหวานที่รออยู่เบื้องหน้า

อ.คิมบอกว่า บางทีคนที่ตัดสินใจอะไรที่โง่เง่าและดูยากลำบากในความคิดของเรา ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง เขาอาจจะประสบความสำเร็จเหนือใครๆ

ถึงแม้บางที การตัดสินใจอย่างรอบคอบด้วยเหตุผล ก็อาจจะไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าผลลัพธ์นั้นจะออกมาดีที่สุด

ดังนั้น “เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่ออนาคต ความฝัน และความปรารถนา”

ฤดูกาลที่ตัวคุณผลิบาน

ดอกไม้แต่ละชนิดผลิบานในฤดูกาลของมันเอง แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงช่วงเวลาของเรา แม้อาจจะสายเกินไปหน่อยสำหรับคนอื่น แต่ถ้าฤดูกาลนั้นมาถึง เราอาจจะงดงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่น

ในบทนี้ อ.คิมเขียนไว้ว่า ในช่วงเวลาที่เรากำลังรอคอย จงเตรียมตัวให้พร้อม

จงคิดว่าชีวิตเราสิ่งสำคัญไม่ใช่การประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่ต้องทำความฝันให้เป็นจริงได้ในที่สุดด้วย

ในบทนี้สำหรับตัวเราคิดว่า เราไม่ควรที่จะรอคอยโอกาส แต่เราควรที่จะลองทำ และลงมือทำ เพื่อหาโอกาสให้กับตัวเองอยู่เสมอ อย่ามัวแต่กลัว อย่ารอคอย

คำตอบไม่อาจหาได้จากที่ไหนนอกจากตัวเราเอง

อ.คิมเล่าว่า มีลูกศิษย์ที่มักจะเข้ามาปรึกษาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มที่เป็น “ลูกธนู” กับ “เรือกระดาษ”

กลุ่มแรก ลูกธนู เป็นพวกที่มีเป้าหมายชัดเจนมาตั้งแต่ต้น มีการวางแผนเอาไว้หมดแล้วว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสำเร็จได้เร็วที่สุดและดีที่สุด คนกลุ่มนี้จะมีข้เสียคือ มักจะเผลอปิดตายโอกาสอื่นๆที่อาจจะเข้ามาโดยบังเอิญ เพราะพวกเขามุ่งมั่นแต่แผนของตัวเองเท่านั้น

กลุ่ม เรือกระดาษ มักจะเป็นประเภทล่องลอยไปตามกระแสน้ำ เพราะไม่มีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด และมีความโลเลอยู่เสมอ(เหมือนเราเลยนี่หว่า -..-;) สำหรับคนกลุ่มนี้ มากกว่าการที่จะไปตั้งเป้าหมายในวันนี้เดือนนี้ สิ่งสำคัญกว่ามากๆคือ “การลงมือทำ ให้สำเร็จทีละเล็กละน้อย”

โดยเราคิดว่ามันจริงมาก เพราะเหตุผลของการลงมือทำคือ พอเราเริ่มสามารถทำอะไรได้สำเร็จมันจะเริ่มเกิดความภูมิใจ แล้วเดี๋ยวเป้าหมายมันจะชัดเจนขึ้นมาเอง

แต่ไม่ว่าจะเป็นคนในกลุ่มไหน การยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างยืดหยุ่น ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เราทุกคนต้องมีเวลาทบทวนตัวเองอยู่เสมอ และเติมไฟฝันให้กับชีวิต เพราะคำตอบนั้นมันไม่สามารถหาได้จากที่ไหน นอกจากตัวเราเอง

ดังนั้น ลงมือทำ เพื่อหาคำตอบกันเถอะ…

หยุดเดินแล้วหันหลังมามองซักเล็กน้อย

สิ่งที่เราขาดไม่ใช่ ความสามารถ เกรดเฉลี่ย ทรานสคริปสวยหรู แต่เรามักจะขาด “การทบทวนตัวเอง”

ก่อนที่จะลงมือทำอะไร เราควรจะรู้ว่าเราทำสิ่งนั้นไปทำไม

เรามักไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องการอะไร พอเห็นคนรอบข้างทำ สังคมแวดล้อมเป็น ก็มักจะทำตามโดยคิดว่าควรทำ โดยไม่ได้คิดว่ามันอาจจะเสียเวลาไปโดยเปล่า

เรามักจะเน้นที่การปฎิบัติจนลืม “เป้าหมาย” และ “วิธีการ”

การที่มนุษย์คนนึงจะเติบโตได้ ต้องสะสมประสบการณ์ การเผชิญหน้ากับความยากลำบาก

สำหรับตัวเรา การได้ออกไปท่องเที่ยว ถือเป็นการสะสมประสบการณ์ที่เราชอบที่สุด การที่เราได้ออกไปเห็นการดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากเรา มันทำให้ความคิดต่างๆเปลี่ยนไป เกิดการตั้งคำถาม ปลดปล่อยอคติในใจ และการค้นหาตนตัวจริงๆของเรา มันทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง

อ.คิมกล่าวว่า ให้เราหยุดเดิน แล้วย้อนกลับมามองตัวเองด้วยความซื่อสัตย์ การเผชิญหน้ากับตัวเอง มันอาจจะทำให้เราค้นพบสาเหตุของความล้มเหลว

สำหรับตอนนี้ ขอจบเอาไว้เท่านี้ก่อน

จริงๆแล้ว ในตอนนี้มาฉลองกับด้วยเองด้วยบทความนี้วัยครบ 32 ปี บริบูรณ์ เย้ 🎉🎉🎉

เดี๋ยวมาต่อใหม่ใน Part.2 ต้องเขียนให้จบตามเป้าที่วางไว้ 😁

9 Mar 2022 01:00 AM.

--

--

Nantana Rungsawasdisap

Nantana Rungsawasdisap Don’t stop running😊 Don't give up💪🏻