วันนั้นเมื่อเราต้องเข้าศูนย์ Acer
เราไม่เคยคิดนะ ว่าเราจะต้องนำ Notebook เข้าศูนย์มาก่อน ถึงเราจะใช้ไม่ค่อยระวังเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยเกิดปัญหาหนักจนต้องเข้าศูนย์ก่อนประกันหมด
เราจึงตกใจมากเมื่ออยู่ดีๆ Notebook ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ Acer Swift 3 ที่ซื้อมาได้เพียงปีกว่าๆ ก็ดับลงต่อหน้าต่อตา
ณ วันเกิดเหตุ
ตอนนั้นเรากำลังเล่น Overcooked 2 กับเพื่อนอยู่ กำลังเรียกให้เพื่อนโยนเนื้อมาให้อย่างเร่งรีบ มือกำลังกดปุ่มให้ตัวละครเดินไปหยิบจานที่อยู่ใกล้ที่สุดมา และสายตากำลังจ้องไม่ให้ตัวละครตกไปในเหวอยู่ เมื่อจู่ๆคอมก็ดับลงไป
ตอนแรกเราก็ตกใจเพราะเสียงของเพื่อนหายไปพร้อมกันๆ นึกว่าผีหลอก(ฮา) แต่เมื่อมองไปดูมือถือที่เปิด Discord ไว้ก็เห็นว่าเน็ตเน่าเฉยๆ เลยไปกดปุ่ม Power หวังว่าจะเข้าไปเล่นต่ออีกแปปก่อนเข้านอน
ไม่ติด
เอาล่ะ อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เคยอ่านอยู่ว่า Notebook รุ่นนี้จะมีปัญหาที่ดับไปเองแล้วเปิดไม่ติดเยอะ ทั้งๆที่เป็นเครื่องที่ซื้อมาก็มี เราก็เลยทำตามคำแนะนำบนเน็ต โดยการลองพลิกเครื่อง และใช้ไส้ดินสอ(ไม่แนะนำ ตอนแรกไส้ดินสอหักค้างข้างในด้วย โชคดีที่เอาออกได้)กดจิ้มรู Battery Reset ค้างไว้ 30 วิขณะไม่เสียบสายชาร์จ หลังจากนั้นปล่อยให้มันพัก 15 นาทีก่อนลองกดปุ่ม Power ใหม่
ก็ยังไม่ติด
ตอนนี้เราก็ลองทำหลายๆอย่างละ กดปุ่ม Power นาน 10 วิก่อนกดอีกรอบบ้าง เช็คสายชาร์จบ้าง ตอนที่เครื่องดับนั้นก็ซัก 4 ทุ่มได้แล้ว ก็เลยตัดสินใจทำตามคำแนะนำนั้นไว้ กะปล่อยไม่เสียบสายชาร์จทั้งคืน ละก็หลับไปพร้อมกับความกังวล
เช้าวันถัดมา
บรรยากาศตอนเช้าวันถัดมาช่างสดใส ตรงข้ามกับความรู้สึกเราเมื่อเรานึกได้ว่าคอมก็ยังเปิดไม่ติด เราลุกออกจากเตียงไปที่โต๊ะ พูดขอพรใต้ลมหายใจเบาๆ และกดปุ่ม Power อีกรอบ
…
เงียบสนิท
จุดๆนั้นเราก็ทำได้แต่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และยอมรับกับความจริงว่า Notebook ของเราได้เป่าลมออกเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และเราก็ต้องมาคิดต่อว่าจะทำยังไงต่อไป เพราะเราก็ยังฝึกงานอยู่ ข้อมูลในเครื่องไม่ได้สำคัญมาก มี Code บางส่วนที่ยังไม่ได้ push ขึ้น Bitbucket แต่เราก็สามารถเขียนใหม่ได้
ยังถือว่าโชคดีที่วันนั้นเป็นวันเสาร์ และหลังจากเช็คประกันแล้วก็พบว่ายังอยู่ในประกันที่ครอบคลุมถึง 2 ปีหลังจากการสั่งซื้อ นอกจากนี้ เมื่อลองค้นหาศูนย์ Acer ก็พบว่าศูนย์ที่ฟอร์จูนทาวน์นั้นเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.30 ถึง 20.00 และยังเดินทางสะดวกเพราะติดกับ MRT สถานีพระราม 9 ด้วย เราจึงตัดสินใจเก็บ Notebook เข้ากระเป๋าและเดินทางมาที่ศูนย์ทันที
เดินทางมาที่ศูนย์
การเดินทางก็ไม่ยาก มีป้ายชี้ทางมาตึกฟอร์จูนตั้งแต่ในสถานี เมื่อเข้าตึกไปแล้วก็ขึ้นชั้น 3 และเดินไปทางศูนย์อาหารของตึก ก่อนถึงศูนย์อาหารก็เจอร้าน Acer ก่อน พนักงานก็ชี้ให้เดินเข้าไปอีกนิดนึงก็จะเห็นศูนย์ Acer เลย
วันนั้นเราไปถึงตั้งแต่เช้า ร้านยังเปิดได้ไม่นาน แต่ก็มีลูกค้าเข้ามาแล้วคนนึง เราก็เข้าไปกดบัตรคิวเพื่อส่งเครื่องและก็นั่งรอพนักงานอีกคนคุยโทรศัพท์ ซึ่งก็ไม่นาน
เมื่อพนักงานเรียกเรา เขาก็ถามว่าเครื่องเรามีปัญหาอะไร เราก็ได้อธิบายไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เราทำเมื่อคืน พนักงานก็ขอนำเครื่องไปห้องข้างหลัง เพื่อให้ช่างลองเช็คดู
เวลาผ่านไปไม่นาน เพียง 5 นาทีได้ พนักงานก็เดินออกมาแจ้งว่าจะต้องฝากเครื่องไว้ที่ศูนย์ก่อน เพราะช่างได้ลองเช็คเบื้องต้นแล้วก็ยังทำให้เครื่องเปิดไม่ได้ เขาก็ยื่นแบบฟอร์มยินยอมที่จะฝากเครื่องไว้ที่ศูนย์ ให้เรากรอกรายละเอียดการติดต่อและรหัสเข้าระบบ Windows (และ BIOS ถ้าเราได้ตั้งไว้)
หลังจากกรอกรายละเอียดเสร็จก็ฝากสายชาร์จไว้กับเขาด้วยเผื่อเช็คว่าสายชาร์จเสียมั้ย หลังจากนั้นก็เซ็นแบบฟอร์มยินยอมฝากเครื่อง และเก็บอีกใบเพื่อยื่นในวันที่ได้รับเครื่องคืน
ระหว่างนี้เราก็ได้ถามเรื่องประกันด้วย เพราะเราซื้อผ่าน JIB วันนั้นเรายังหาใบเสร็จไม่เจอ แต่ได้ปริ้นท์ภาพที่แจ้งวันสั่งซื้อจากเว็บไซต์ออกมาด้วย เมื่อเขาลองเช็คกับระบบก็ยังอยู่ในประกัน แต่วันสั่งซื้อคลาดเคลื่อนไปหนึ่งเดือน เลยฝากให้เขาตรวจสอบด้วย เขาก็แจ้งว่าให้เรารอการติดต่อ 3–5 วันทำการ หลังจากนั้นเราก็กลับบ้านไป
ช่วงรอคอย — อ้าว โทรมาแล้ว!?
ช่วงสายๆวันถัดมา ระหว่างที่นั่งเล่นเกมบน Nintendo Switch อยู่ ก็มีสายเข้ามา เมื่อเรารับสายก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดว่าโทรมาจาก Acer และแจ้งว่า Notebook ของเราซ่อมเสร็จแล้ว สามารถมารับเครื่องได้เลย
ในใจของเราตอนนั้นก็โล่งอกเพราะเรามี Notebook ไปทำงานในวันจันทร์แล้ว!! และตอนนั้นเราไม่ได้ถามถึงสาเหตุก็เดาไปว่าคงมีสายหลุดข้างในมั้ง
เช้าวันจันทร์เราก็เดินทางไปที่ศูนย์เพื่อไปขอรับเครื่องคืน วันนี้เราเป็นลูกค้าคนแรกก็เดินเข้าไปนั่งได้ทันที ก็แจ้งว่ามารับเครื่องคืนพร้อมยื่นใบรับคืน พนักงานก็อ่านรายละเอียดเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าไปห้องข้างหลัง
ผ่านไปไม่กี่นาที พนักงานก็ออกมาพร้อมกับแผ่นกันกระแทกสีชมพูที่ห่อหุ้มอะไรซักอย่างอยู่ข้างใน เมื่อเขานั่งลงก็หยิบ Notebook ของเราออกมา วางไว้ตรงหน้าให้เราเช็คความเรียบร้อย
ระหว่างเปิดเครื่องก็ถามเขาไปด้วยว่าเครื่องเปิดไม่ติดเพราะอะไร คำตอบที่ได้รับคือ
“เมนบอร์ดเสียค่ะ”
เราตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน เพราะศูนย์ได้แก้ปัญหาเร็วมาก นอกจากนั้นแล้วยังไม่มีการโทรมาขอล้างเครื่องอีกด้วย ซึ่งพนักงานก็แจ้งให้ทราบว่าหน่วยความจำแยกกับเมนบอร์ด เราจึงไม่เสียข้อมูลอะไร
เมื่อเราลองเครื่องก็สามารถเปิดเครื่องได้โดยไม่มีปัญหาอะไร และยังสามารถเข้า Ubuntu ที่เราลงแบบ Dual boot ไว้ได้อีกด้วย
เมื่อแจ้งพนักงานว่าเราพอใจกับสภาพเครื่อง เขาก็ให้เราเซ็นใบรับเครื่องอีกรอบ ก่อนที่เราจะเก็บเครื่องและสายชาร์จเข้ากระเป๋า เมื่อถามเรื่องประกัน เขาก็แจ้งว่าได้เปลี่ยนในระบบเรียบร้อยแล้ว เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ขอบคุณพนักงานและเดินออกจากศูนย์ไป
บทส่งท้าย
มาถึงจุดๆนี้แล้ว ท่านผู้อ่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? ประหลาดใจเหมือนเรามั้ย? เพราะก่อนมาที่ศูนย์เราก็ได้อ่านรีวิวบนเน็ตก่อน และหลายๆคนก็มาบอกว่าศูนย์ Acer นั้นดูแลไม่ดี มีคนเรียงคุณภาพในการบริการหลังการขาย ศูนย์ Acer ก็ไม่ติดท็อป 3 ของใครเลย
แต่จากประสบการณ์ของเรานั้นต่างกันมาก แม้เราจะไม่เคยไปที่ศูนย์ของยี่ห้ออื่นมาก่อน แต่พนักงานก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีตลอดเวลา ใช้เวลาในการถอดเปลี่ยนเมนบอร์ดก็ไม่ถึง 24 ชั่วโมง และข้อมูลประกันในระบบก็แก้ไขให้ทันที ทุกอย่างดำเนินการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วต่างจากที่คิดไว้
เรารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วก็กะว่าจะเขียนบทความนี้ทันทีหลังจากรับเครื่อง แต่เรายังมีงานที่ต้องทำอยู่เลยพึ่งมาได้เขียนวันนี้
มาถึงจุดๆนี้แล้ว เราขอขอบคุณผู้อ่านที่อดทนอ่านบทความของเรามาถึงตรงนี้ได้ เราอยากรู้ว่าผู้อ่านเคยเอา Notebook เข้าศูนย์มั้ย? แล้วศูนย์ของแต่ละที่บริการดีมั้ย? พนักงานพูดจาดีมั้ย? แก้ปัญหาของเราได้รวดเร็วมั้ย?
หากผู้อ่านมีประสบการณ์ที่ดีหรือร้ายยังไง เราอยากให้ผู้อ่านแบ่งปันประสบการณ์ด้วยการคอมเม้นท์ใต้บทความนี้ เราและผู้อ่านคนอื่นๆจะได้อ่านและส่งต่อให้เพื่อนๆได้อ่านอีกต่อไปค่ะ