Good Vibes, Good Life ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข
“ไม่ว่าเราจะคิด หรือเชื่อสิ่งใด เราสามารถทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้เสมอ”
“กฎแห่งแรงสั่นสะเทือน” คือ การที่เราคิด หรือ พูดในสิ่งไหน เราจะได้สิ่งนั้นกลับมา จริงๆหลายคนอาจจะเคยได้คุ้นๆกับ “Law of Attraction” หรือกฎแห่งการดึงดูดมาบ้าง จริงๆถ้าจะให้เข้าใจง่าย ก็คือ การที่เราคิดสิ่งไหน เราก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา
“ความรู้สึกดี” เท่านั้นที่จะทำให้แรงสั่นสะเทือนสูงขึ้น เราต้องพยายามรักษาแรงสั่นสะเทือนที่ดีเอาไว้เสมอ แล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้าง
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคนคิดบวก ก็จะทำให้เราได้พลังบวกนั้นมาด้วย เพราะคลื่นแรงสั่นสะเทือนสามารถส่งถึงกันได้ เมื่อไรก็ตามที่เรารู้สึกว่าคลื่นแรงสั่นสะเทือนของเรากำลังจะต่ำลง ให้เรามองหาคนที่คิดบวก และอยู่กับคนๆนั้นไว้
- การถอดปลั๊กออกจากโลก social ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คลื่นแรงสั่นสะเทือนของเราสูงขึ้นได้
- อยู่ให้ห่างจากคำนินทาและเรื่องดราม่าให้มากที่สุด บางทีอาจจะเป็นเรื่องสนุก แล้วเราเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่การนินทาเป็นการทำให้คลื่นแรงสั่นสะเทือนต่ำลงได้ง่ายมาก
- อาหาร กลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่เพิ่มคลื่นแรงสั่นสะเทือนได้เช่นกัน การที่กินอาหารที่ไม่ดีจะสะท้อนออกมาในรูปคลื่นความถี่ต่ำ ทำให้ร่างกายง่วงและขี้เกียจ
การตีตัวออกห่างจากคนที่มีแรงสั่นสะเทือนต่ำหรือทำให้แรงสั่นสะเทือนของเราลดลงเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นการเห็นแก่ตัวหรือเป็นความอ่อนแอ เพราะชีวิตของเราเกี่ยวข้องกับความสมดุลย์ การเผื่อแผ่ความอ่อนโยนรวมถึงการไม่ปล่อยให้ใครพาความอ่อนโยนไปจากเราด้วยนี่คือสิ่งที่เราควรทำ
ก่อนที่จะพยายามให้ใครมีแรงสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น…ต้องแน่ใจก่อนว่าไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปแลกในขั้นตอนนี้ เราจะต้องปกป้องพลังของแรงสั่นสะเทือนของตัวเองก่อน
ไม่งั้นเราก็จะได้แต่สิ่งที่ไม่ดีและส่งแรงสั่นสะเทือนที่ต่ำไปให้คนอื่นด้วยเช่นกันโดยที่ไม่รู้ตัว
การมองดูคนอื่นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่ดี แต่แรงบันดาลใจนั้นไม่ใช่ความอิจฉาเป็นคนละเรื่องกันเราต้องแยกแยะให้ดีว่าเรากำลังมองสิ่งใดอยู่
ความต้องการภายในยังเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่เสมอ
บางที่สังคมอาจจะทำให้เรารู้สึกผิดถ้าเราเป็นตัวของตัวเอง
// บางคนอาจจะหาว่าเราเงียบ ถ้าเรามีความสุขดีในความเงียบ //
// บางคนหาว่าเราอ่อนแอ ถ้าเราหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและดราม่า //
// บางคนหาว่าเราหมกมุ่น ถ้าเรากระตือรือร้นทำในสิ่งที่เรารัก //
// บางคนหาว่าเราขี้อาย เพียงแค่เราไม่ได้ร่วมคุยเรื่องสัพเพเหระ //
// บางคนหาว่าเราแปลก ถ้าเราเลือกที่จะไม่ทำตามกระแสสังคม//
// บางคนหาว่าเราเสแสร้ง เพียงแค่เรามองโลกในแง่ดี //
// บางคนหาว่าเราไม่มีใครคุยด้วยเพียงเพราะแค่เราสบายใส่กับการอยู่คนเดียว //
// บางคนหาว่าเราหลงทางเพราะเราไม่ได้เดินไปทางเดียวกันกับคนอื่น //
// บางคนหาว่าเราน่าเกลียดเพราะเราไม่ได้ดูดีเหมือนดารา //
// บางคนหาว่าเราจน เพียงแค่เรารู้จักคุณค่าของเงิน //
// บางคนหาว่าเราไม่ภักดีเพียงแค่เราเอาตัวออกห่างจากคนที่มองโลกในแง่ลบ //
... แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราฝันสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้นอกเหนือจากการที่เราต้องให้พลังบวกมาช่วยเราเพื่อให้ทำให้สำเร็จแล้ว เราจะต้องลงมือทำสิ่งนั้น ทีละเล็กทีละน้อยตามเป้าหมายเราตั้งใจไว้ด้วย เพราะจักรวาลจะช่วยสนับสนุนเราและทำให้เราเจอแต่สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ นำพาโอกาสดีๆเข้ามาให้เราเช่นกัน …
พออ่านเล่มนี้จบแล้ว ทำให้นึกถึงหนังสืออีกเล่มที่เคยอ่าน “INTO THE MAGIC SHOP” คิดว่าเดี๋ยวจะเอามารีวิวและสรุปเนื้อหาให้ในครั้งถัดไปนะคะ…