ซีรีส์ “The Good Place” และโลกหลังความตาย
“น้องได้กลับดาวหมาไปแล้ว” ประโยคนี้อาจจะมีการเปลี่ยนเป็น “ดาวแมว” ก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมาเป็นสุนัขหรือแมว ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าการจากไปของเจ้าของเบาะเล็ก ๆ ตรงนั้น เจ้าของชามข้าวตรงนี้ จะสร้างความเสียใจให้แก่เรา แต่อย่างน้อยการปลอบตัวเองว่าเจ้าสัตว์หน้าขนของเราได้กลับไปสู่ดาวของเขาแล้วก็ได้ปลอบประโลมความรู้โศกเศร้าของเราได้ไม่มากก็น้อย
แล้วทำไมกัน ทำไมการที่เราได้รู้ว่ามีสถานที่หรือดาวหลังความตายถึงสร้างความสบายใจของเราได้ อาจจะเป็นเพราะเรารู้ว่าน้องหมาน้องแมวของเราได้เปลี่ยนที่อยู่หรือเปล่า และสำหรับมนุษย์มันมีดาวมนุษย์เหมือนกันไหมนะ มีดาวอาม่า ดาวอากง ดาวคุณแม่ ดาวคุณพ่อ หรือดาวคุณตา คุณยายไหมนะ และดูเหมือนว่าหลาย ๆ ความเชื่อและศาสนาก็เชื่อเรื่องสถานที่หลังความตายของมนุษย์เหมือนกัน สิ่งนี้ก็ทำให้เราสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่งว่าอย่างน้อยหากทำตามความเชื่อเหล่านี้ เราก็อาจจะมี “ที่อยู่” ตอนที่ลมหายใจของเราดับ หัวใจและสมองของเราหยุดทำงาน
แต่ดูเหมือนดาวหรือโลกหลังความตายในศาสนาหรือความเชื่อจะมีความซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด หากเราลองมองศาสนารอบ ๆ ตัวเราอย่างศาสนาพุทธและคริสต์ เราก็จะพบว่าทั้งสองศาสนานี้มีสถานที่หลังความตายทั้งคู่ และดูเหมือนว่าทั้งสองศาสนานี้ก็ไม่ได้มีโลกหลังความตายเพียงโลกเดียวหากแต่มีถึงสอง (โดยหลัก) และตัวชี้ว่าเราจะไปโลกใดก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราครั้นเมื่อเรายังมีลมหายใจ
หากเราทำ “ดี” เราก็จะได้ไปสถานที่หรือโลกที่เรียกว่า “สวรรค์” แต่หากเราทำ “ชั่ว” เราก็จะถูกส่งไปยังสถานที่ที่เรียกว่า “นรก” หากเราได้ไปยังสวรรค์เราก็จะได้รับการ “ตอบแทน” สำหรับความดีของเรา อาจจะเป็นในรูปแบบของสิ่งที่เราปรารถนาหรือชีวิตที่เราต้องการ แต่หากที่เราถูกส่งไปยังนรกเราจะต้อง “ชดใช้” สำหรับความชั่วของเรา และการชดใช้นี้อาจหมายถึงการลงโทษในรูปแบบของความเจ็บปวดทางด้านร่างกาย เช่น อาจถูกหอกทิ่มแทงหรือถูกไฟเผาร่างกายอย่างโหดเหี้ยม
ซีรีส์ “The Good Place” จึงได้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตั้งคำถามกับโลกหลังความตายตามคำนิยามของศาสนาและความเชื่อ เช่น การ “ทรมาน” ทางด้านร่างกายจะทำให้คนที่ถูกส่งไปยังนรกหรือ “The Bad Place” กลายเป็นคนที่ดีได้อย่างไร แล้วจำเป็นหรือไม่ที่การทรมานนั้นจำเป็นที่จะต้องเป็นการทรมานทางด้านร่างกายเพียงอย่างเดียว และวิธีที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่เหมาะสมกับสวรรค์หรือ “The Good Place” มีปัญหาหรือไม่นอกจากนั้นซีรีส์ยังตั้งคำถามอีกว่าถ้าเราได้ไปสวรรค์เราจะต้องพบกับปัญหาด้านใด นอกจากนั้นซีรีส์เรื่องนี้ยังแฝงไปด้วยปรัชญาที่ฟังดูยากแต่ได้ถูกย่อยและแฝงไปด้วยความตลกแต่กลับชวนคิด
ในโลกทุนนิยมที่ทุกอย่างดูหมุนไปอย่างรวดเร็วด้วยเม็ดเงินและความปรารถนาด้านสิ่งของ ชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองข้ามทั้ง ๆ ที่เรารู้ตลอดเวลาว่าวันใดวันหนึ่งเราจะต้องหลับและไม่มีวันตื่นมาเพื่อทำงาน ใช้ชีวิต เจอเพื่อนฝูง ใช้เงินที่หามา มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่าที่เราจะตั้งคำถามกับสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างโลกหลังความตายด้วยการดูซีรีส์ “The Good Place” ที่แฝงไปด้วยความตลกขบขันแต่แฝงไปด้วยปรัชญา