Mashi maro
4 min readJun 20, 2016

--

ไม่มีรถส่วนตัว ก็เที่ยวเมืองกาญได้นะ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ตัวเราเองไม่เคยเขียน บล็อคมาก่อนวันนี้มีโอกาส เลยอยากลองนำเรื่องราวการท่องเที่ยวแบบไร้รถส่วนตัวมาเขียนเล่าให้สำหรับท่านที่อยากจะเที่ยวเมืองกาญ แต่ไม่มีรถมาได้ลองอ่านกัน

ใครๆก็คิดว่า ต้องมีรถนะ! ถึงจะไปได้ เมืองกาญเนี่ยยย ไม่จริ๊งไม่จริงเลยคร๊าาา คือเราอ่ะ โดยส่วนตัวชอบเดินทาง อยากไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ แต่ตัวเราเองอ่ะไม่มีรถ บวกกับขับรถไม่เป็น แล้วทำยังไง ก็ต้องหาวิธี ถูกไหมคะ ทีนี้ตอนที่เราไปกาญคือเราไปช่วงปีใหม่พอดี

เราไปเที่ยว 2 คนค่ะแพคคู่กันไป คือก็ปรึกษากับ คู่หูนะคะ ว่า เอาไงดีปีใหม่นี้จะไปไหนกันดี (โดยปกติปีใหม่ไม่เคยไปไหนกับเค้าหรอกค่ะ รถมันเยอะ แต่ปีนี้ดันอยากก) ก็เลยหาข้อมูลตรงนั้นตรงนี้ สรุป เราทั้งคู่เลือกไปกาญจนบุรี ค่ะ โดยคู่หูเราเป็นคนจองที่พัก ค่ะ ที่พักเราชื่อ พลอย เกรสเฮ้าส์ รีสอร์ท คืนละ 650 บาท เราเลือกไป 3 วัน 2 คืน ค่ะพอหลังจากจองที่พัก หาข้อมูลที่เที่ยว การเดินทาง และเราก็รอวันและเวลาาาา

Day 1

วันแรกของการเดินทาง (ต้องบอกก่อนนะคะว่าเรากับคู่หูมากันคนละจังหวัดค่ะ) เราออกจากบ้านเราเวลา ตี 5 โดยรถตู้ค่ะ ค่ารถไป 220 บาท นั่งไปลงที่อนุสาวรีย์ โชคดีของเราที่ขาเข้ากรุงเทพรถโล่งมากกกเลยทำให้เราถึงไว เราถึงประมาณ 7โมงเช้าค่ะ นั่งรอคู่หูก็เกือบๆชั่วโมง (แบบนั่งรอจนเมื่อยอ่ะ อิอิ) เราใช้เวลาซักพักในการเดินตามหากันและกัน โรแมนติกมากกกก เดินไปบ่นไป 555 พอเจอกันปุ๊บ เราก็เดินไปยังที่ท่ารถที่จะไปกาญ (ขอบอกคนเยอะมากกกก) อ้อ! ค่ารถเรากับคู่หูคนละ 160 บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะ อิอิ) พอดีไม่ได้ถ่ายรูปไว้ที่ท่า คือคนเยอะ หิว คู่หูเราเลยเดินไปซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียวมานั่งกินระหว่างรอ เราได้คิวที่ 8 คือรถรอบที่ 8 นานเว่ออออ และแล้วก็ถึงตาเรา พออขึ้นรถปุ๊บก็แบบ เฮ้อโล่งงง ออกจากท่าประมาณ 10 โมงนิดๆ ไปถึงประมาณบ่ายโมงกว่าๆเรานั่งรถตู้ไปลงที่บขส.กาญค่ะ จากนั้นเราเลือกนั่งรถแดง เหมาเค้าไป 100 บาทไทย

ให้ไปส่งหน้าที่พัก พอถึงที่พัก เราก็ยังเข้าห้องไม่ได้นะ เค้าให้เรารอเช็คอินตอนบ่าย 2 ค่ะ ก็เลยเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนถึงจุดนี้ แบบว่าอารมณ์มันได้ วิวสวย มีสระว่ายน้ำ อย่างกับภาพในฝันแหนะ (บางทีก็รู้สึกตัวเองเว่อไป 555)

พอดีไม่ได้ถ่ายภาพบรรยากาศภายในห้องมาให้ดู ขอยืมภาพจากรีสอร์ทมาให้ดูแทนนะคะ Cr.Ploy resort

บรรยากาศในรีสอร์ทร่มรื่นมากค่ะ ในห้องก็มีการจัดสวนเล็กๆ ธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมาพักผ่อนมากๆค่ะ สงบ มากๆ หลังจากเก็บของเรียบร้อย ด้วยความที่หิว เราเดินออกไปหน้าที่รีสอร์ท มีร้านอาหารตามสั่ง อยู่หนึ่งร้าน ถัดไปทางขวาก็มีร้านให้เช่า จักรยาน มอเตอร์ไซด์ ทางซ้ายเดินไปไมถึง 100 เมตรก็จะมีโลตัสมินิ หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ไปซื้อของมาตุนไว้ แล้วก็กลับมาพักผ่อนที่รีสอร์ท เหนื่อยมากกกก กลับการเดินทางวันแรก แต่ก็สนุกก

หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่ได้เวลาออกล่าหาของกินสำหรับมื้อดึกต่อ เราไปเจอนี่เลยยย ร้านอะไรไม่ทราบ จำชื่อไม่ได้ เมนูแบบใช้มือทาน ก็อร่อยดีนะ เค้ามีผ้ากันเปื้อนกับถุงมือให้เราค่ะ

ระหว่างนั่งทานไป มองรอบๆร้านไปสะดุดตาเข้ากับสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือเจ้านี่ เมนูน่าตาแปลกๆ เป็นเมนูบอกถึงมะหมา ม่ายช่ายยยย!!

เจ้านี่คือเมนูเครื่องดื่มค่ะ เจ้าของร้านนี่ก็ช่างคิดนะ น่ารักจริงๆ

หลังจากทานเสร็จเรียบร้อย เรากับคู่หูก็เดินวนๆๆๆๆ ดูว่าแถวนั้นมีอะไรอีก เดินจนเจอโตเกียว คือเราอยากกินมากก ไม่ได้กินนานละ เลยจัดซะหน่อย คุณป้าก็น่ารักนะ แนะนำตรงนั้นตรงนี้ให้ (แต่หนูอยากบอกคุณป้าจัง หนูไม่มีรถค่ะป้าไปไม่ได้ 55)

และหลังจากทานโตเกียวเสร็จเราก็แวะซื้อของนิดหน่อย ระหว่างทางเจอจักรยานให้เช่าเลยตัดสินใจเช่าปั่นกลับรีสอร์ทเพราะ เดินไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ ที่นี่เค้าคิดค่าเช่าจักรยาน ถ้าจำไม่ผิด น่าจะ 60 บาท เราเช่ามา 2 คัน เช่าได้ 24 ชั่วโมง

Day2

เราออกมาทานมื้อเช้า ทีนี้ก็มีมื้อเช้าให้ฟรีนะ เราลืมบอกไป

หลังจากทานมื้อเช้าจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่แรก

ที่แรกที่เราไปก็คือ สะพานแม่น้ำแควค่ะ

แต่เนื่องจากวันนี้ที่สะพานคนมาตักบาตรกันเยอะมาก เราเลยแวะมาอีกที่ก่อนค่ะพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ค่าเข้าอันนี้เราจำไม่ได้ว่าคนละเท่าไหร่น่าจะประมาณ 40 บาท (ขอโทษทีน๊าา เราไปเที่ยวตั้งแต่ต้นปีแต่พึ่งเอามาเขียนเลยอาจตกหล่นไปบ้างต้องขอโทษจริงๆนะคะ)

ลงรูปรัวนิสนึงเพราะถ่ายมาเยอะมากค่ะ ข้างในมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจให้อ่านเยอะมากกกก แบบบางเรื่องอ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ

มีวิวด้านบนพิพิธภัณฑ์ที่เราแอบไปแชะภาพมา สวยมากกกก

ถ้าขึ้นมาอยู่ข้างบนเราจะเห็นแม่น้ำแคว แล้วก็สะพานแม่น้ำแคว สวยมากๆค่ะ

หลังจากที่เราเดินชมจนทั่ว ทีนี้เราเลยมุ่งตรงไปยังสะพานแม่น้ำแควแบบจริงๆจังๆซักที

ขออนุญาตลงรูปนายแบบเราซักหน่อย โชคดีที่คนเริ่มจางลงบ้างเลยมีโอกาสได้ไปถ่ายรูปกับเค้าซักที

มุมนี้จะเห็นเจ้าแม่กวนอิม ก็เลยขอแชะภาพมาให้ดูซักหน่อย แต่ของจริงสวยมากๆค่ะ อยากให้คนที่ไม่เคยมา ลองมาเที่ยวซักครั้ง

หลังจากที่เราถ่ายรูปจนสะใจ (ใช้คำว่าสะใจเลยทีเดียว) ก็เริมหิวววว เราเลยเดินหาของกินแถวนั้น แต่ไม่มีเลย ปั่นจักรยานหามาเรื่อยๆ ปรากฏปิดทุกร้าน เราเลยตัดสินใจไปกินแถวรีสอร์ท มีร้านหนึ่งเป็นร้านกลางคืนเป็นบาร์ กลางวันเป็นร้านอาหารธรรมดา รสชาติก็กำลังดีค่ะ แต่ยังไม่ใช่สำหรับเรา (เราชอบรสจัดจ้าน) แต่ที่นี่เค้าเน้นเผ็ดปานกลางเพราะฝรั่งเยอะค่ะ 555 หลังจากทานเสร็จกลับไปพักผ่อน

และแล้วท้องน้อยๆก็ร้อง จ๊อกๆ เลยลากกันออกไปปั่นจักรยานหาของกิน และเราก็ไปเจอร้านส้มตำคนเยอะมากกกกก เราเลยปั่นจักรยานไปเที่ยวต่อ ซึ่งก็คือ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก

ที่นี่เค้ามีกฏด้วยนะคะ ก่อนเข้าไปก็อย่าลืมอ่านกันก่อนล่ะ เดี๋ยวเผลอทำผิดกฏเข้านะคะ หลังจาก ถ่ายรูป เดินดูเสร็จ ก็ตัดสินใจไปร้านส้มตำ เพราะดูท่าน่าจะอร่อย ประจวบเหมาะเจาะที่มีที่ว่างเหลือพอดี๊เลย

หลังจากทานเสร็จเราก็กลับที่พักก่อนเพราะ อากาศค่อนข้างยังร้อนอยู่ เลยไปตากแอร์แป๊บ หลังจากอากาศเป็นใจ บรรยากาศเย็นๆเริ่มมา เราก็คว้าจักรยาน ปั่นหาดูว่าที่นี่เค้าจัดงานปีใหม่ที่ไหน แต่ถามใคร ก้บอกว่า ที่นี่เค้าไม่มีจัด หว่าาาาา ก็เลยไปทำบุญแทนค่ะ มีวัดใกล้ๆ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู

ปั่นมากๆก็หิวอีกละ เราเลยมาจบที่ร้านกึ่งอาหาร กึ่งบาร์ เราเลือกสั่งพิซซ่าเป็นเมนูสุดท้ายของค่ำคืนนี้

หลังจากเที่ยวเล่น กินเพลินมาซักพักใหญ่ๆ เราเลยตัดสินใจไปคืนจักรยานก่อนกลับแล้วก็เดินไปที่พัก ก่อนที่ร่างกายจะเดินไม่ไหวเพราะรับอาหารเข้าในร่างกายมากไป 555

Day 3

วันสุดท้ายไม่มีอะไรมากค่ะ เก็บของเตรียมตัวกลับย่างเดียว รอบบนี้สบายหน่อยเพื่อนมารับไปสงที่บขสเลยไม่ต้องนั่งรถแดงไปเอง ขากลับเราก็กลับรถตู้เหมือนเดิมค่ะ ไปลงที่อนุสาวรีย์ ค่ะ

เนื่องจากเป็นบล็อคแรก อาจจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่บล็อคต่อไปจะปรับให้ดีขึ้นนะคร๊าา ขอบคุณที่อ่านจนจบนะจ๊ ^_______________^

--

--