ความสัมพันธ์ของพัฒนาการด้านอุตสาหกรรมกับการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

Ponprathomyothin
1 min readAug 23, 2022

--

บทคัดย่อ

บทความฉบับนี้ได้ทำการรวบรวมพัฒนาการของอุตสาหกรรม และรูปแบบการดำเนินงานของอุตสาหกรรมในยุคต่าง ๆ คือ อุตสาหกรรม 1.0 อุตสาหกรรม 2.0 อุตสาหกรรม 3.0 และอุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนเทคโนโลยีที่ส่งเสริมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม อาทิ การสื่อสารแบบเรียลไทม์, บิ๊กดาต้า, ความร่วมมือระหว่างคนกับเครื่องจักร, การสำรวจระยะไกล, การตรวจสอบและควบคุม, อุปกรณ์อัตโนมัติและการเชื่อมต่อระหว่างกันความเกี่ยวข้องกันของการพัฒนาอุตสาหกรรมกับการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ เช่น คุณภาพโดยรวม ผลผลิต และการลดต้นทุน ธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนงานเกิดสุขภาพดีในการทำงาน

คำสำคัญ: อุตสาหกรรม / ประสิทธิภาพ / อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

บทนำ

อุตสาหกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในศตวรรษที่ 18 ภายหลังการนำเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำมาใช้ ซึ่งเป็นการลดข้อจำกัดของมนุษย์ในการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือที่เรียกว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม 1.0 ต่อมาในศตวรรษที่ 19 มีการนำไฟฟ้ามาใช้ และกระจายไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งไฟฟ้าทำให้เกิดการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งผลให้เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตมีขนาดเล็กลงและมีสมรรถนะสูงขึ้น หรือที่เรียกว่า Industry 2.0 ต่อมาในศตวรรษที่ 20 มีการนำอุปกรณ์การผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาใช้ และด้วยการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การผลิตกลายเป็นแบบอัตโนมัติมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือที่เรียกว่า Industry 3.0 และมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพ ด้วยระบบอัตโนมัติมีโอกาสที่จะปรับกระบวนการผลิตให้เหมาะสมและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานผ่านการออกแบบเครื่องจักรที่ยืดหยุ่น ถูกหลักสรีรศาสตร์ และปลอดภัยยิ่งขึ้น ในการเปรียบเทียบ คำว่า “Industry 4.0” ได้รับการกล่าวถึงเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากเป็นที่คาดหวัง รูปแบบการผลิตจะเป็นลักษณะของการผลิตควบคู่กับการปฏิวัติทางดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ที่ชาญฉลาด เป้าหมายคือเพื่อให้ผู้ผลิตสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้การปรับตัวและครื่องจักรที่ตอบสนองการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวคิดนี้ไปไกลกว่าการออกแบบเครื่องจักรเดี่ยว และตอนนี้ได้รวมเอาวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นที่สามารถอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นการปฏิวัติระดับโลกในด้านการผลิต ในประเทศเยอรมนี วิสัยทัศน์นี้ได้แพร่กระจายไปยังประเทศอุตสาหกรรมอื่น ๆ หลายแห่ง ซึ่งบางประเทศได้ลงทุนอย่างหนักเพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาดังกล่าว (MacDougall, 2014; MESI, 2016) การสื่อสารแบบเรียลไทม์, บิ๊กดาต้า, ความร่วมมือระหว่างคนกับเครื่องจักร, การสำรวจระยะไกล, การตรวจสอบและควบคุม, อุปกรณ์อัตโนมัติและการเชื่อมต่อระหว่างกัน ล้วนถือเป็นกลไกที่สำคัญในอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและพยายามปรับปรุงผลิตภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก้าวไปไกลกว่าแนวคิด เช่น การเชื่อมต่อระหว่างกันและการผลิตดิจิทัล ในอุตสาหกรรม 4.0 ธุรกิจแปลงสินทรัพย์ทางกายภาพเป็นดิจิทัลและรวมเข้ากับระบบนิเวศดิจิทัลตลอดห่วงโซ่คุณค่า อุตสาหกรรม 4.0 มุ่งเน้นที่จะเพิ่มความสามารถในการผลิตผ่านการบูรณาการระบบดิจิทัลเข้ากับการผลิตและการวิเคราะห์ การสื่อสารข้อมูลทั้งหมดที่สร้างขึ้นภายในสภาพแวดล้อมด้วยระบบอัจฉริยะ ซึ่งในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เราสังเกตเห็นวิวัฒนาการร่วมกันของปรัชญาการผลิตและแนวทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) อุตสาหกรรมทำให้เกิดความต้องการแรงงานอย่างเร่งด่วนและเพิ่มขึ้น และนำไปสู่สภาพการทำงานที่เสี่ยง ต่อชีวิตและทรัพย์สิน การขาดประสบการณ์ของกำลังแรงงานและความไม่รู้ของนายจ้างเกี่ยวกับสิ่งที่เราเรียกว่า การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ในปัจจุบันนั้นได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และภายใต้แรงกดดันจากสาธารณะ จึงเกิด สหภาพแรงงาน กฎหมายแรงงาน กฎระเบียบและมาตรฐานต่าง ๆ เริ่มทยอยเกิดขึ้นในประเทศอุตสาหกรรม แม้ว่าสถิติที่น่าตกใจบางอย่างยังคงมีอยู่ แต่ตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่าสภาพสถานที่ทำงานดีขึ้นอย่างมาก แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง เราสามารถชี้ให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้นของนายจ้างและคนงานในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันการจัดการ การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เป็ยลักษณะของการบูรณาการ โดยมีเครื่องมือและมาตรฐานที่ซับซ้อนสำหรับการจัดการความเสี่ยงจากการทำทำงาน อุปกรณ์ในการทำงานที่ปลอดภัย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพแวดล้อมในการทำงานและการปฏิบัติที่ได้รับการดูแลและควบคุมที่ดีขึ้นการพัฒนาในอุตสาหกรรม ปฏิกิริยาต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน ส่งผลสืบเนื่องใน การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งทำให้เกิดแรงผลักดันสำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน ในประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ความสามารถในการจัดการและกำหนดกิจกรรมเชิงรุก ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังได้ประโยชน์จากกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานที่ด้านความเสี่ยง ด้านการประกอบอาชีพ และหน้าที่ในการกำจัดอันตรายที่ต้นทาง การป้องกันไม่ใช่แค่คำพูดอีกต่อไป ธุรกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบันเข้าใจดีว่าสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ เช่น คุณภาพโดยรวม ผลผลิต และการลดต้นทุน ธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนงานเกิดสุขภาพดีเป็นธุรกิจหนึ่งที่ การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ถือเป็นความจำเป็น เมื่ออุตสาหกรรม 4.0 กลายเป็นความจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ จะปรากฏใน ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ชุดใหม่ เรากำลังเริ่มเห็นการนำแนวคิดอุตสาหกรรมใหม่ไปใช้โดยอาศัยการกระจายข้อมูลและการตัดสินใจ นักอุตสาหกรรมเริ่มประเมินผลสะท้อนเชิงบวกต่อการตอบสนอง ความเป็นอิสระ และความยืดหยุ่นของโรงงานผลิต อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อและเป็นอิสระรุ่นใหม่ เช่น โคบอท (หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน) กำลังเกิดขึ้น (MESI, 2016; Beetz et al., 2015) ทั้งหมดนี้มีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง สิ่งนี้สามารถสังเกตได้จากการประชุม งานแสดงสินค้า และการประชุมเชิงปฏิบัติการจำนวนมากที่ และกระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน

เอกสารอ้างอิง

1. MacDougall, W., 2014. Industrie 4.0: Smart Manufacturing for the Future. Germany Trade & invest (GTAI (Accessed July 18, 2017).

2. Muzaimi, H., Chew, B.C., Hamid, S.R., 2017. Integrated management system: the in- tegration of ISO 9001, ISO 14001, OHSAS 18001 and ISO 31000. AIP Conf. Proc. 1818 (1)

--

--