photo: DailyTech.com

ลองชวนให้คิดเพราะเหตุใด Facebook ถึงมีปุ่มทั้งให้ Like, Share, Hide และ Delete 

เมื่อ Facebook เปรียบเหมือนเป็นทั้งที่แบ่งปัน แสดงความเคลื่อนไหว ภาพถ่าย ข่าวสารหรือแม้แต่ความคิดเห็นของแต่ละคน

suebsak1
1 min readSep 25, 2013

--

คงจะปฏิเสธยากซะแล้วว่ายุคนี้ใครๆก็ใช้ Facebook มากกว่าแค่จะเป็นที่พบปะ พูดคุย ทักทายหรือแค่มีไว้เก๋ๆ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั้งในแง่ของตัวอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง ความสามารถมากขึ้น และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารที่สามารถส่งผ่านข้อมูลได้มากขึ้น เร็วขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ Facebook เปรียบเสมือนเพื่อนข้างกายของหลายคน ไม่ได้มีไว้ใช้ผ่าน Desktop แบบก่อน

ในแง่การถูกนำไปใช้ Facebook ไม่ได้แค่ใช้เพียงอัพเดทสถานะหรือสเตตัสด้วยข้อความ (Text) เฉยๆมานานแล้ว หลายคนใช้ทั้งภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว โพสบนหน้า Time Line ให้ผู้ติดตามเห็นในแบบเดียวกับที่เห็นหรือกำลังทำ หรือแม้แต่ต้องการบอกเล่า จึงไม่แปลกที่ Facebook จะกลายเป็นแหล่งข่าวสารทั้งระดับบุคคล หรือแม้แต่ข่าวสารในสังคมตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆให้ติดตามกันได้ชนิดอยู่ชิดติดตัวไปทุกหนแห่ง แม้ไกลกันคนละมุมโลก

ในอีกแง่มุมหนึ่ง Facebook ก็ถูกใช้ในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลนั้นๆ เสมือนเป็นกล่องข้อความที่กระจายความคิดหรือเสียงของความคิดเห็นนั้นดังๆออกมาให้ผู้อื่นรับรู้ บ่อยครั้งที่หลายความคิดนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดออกมาจริงๆในโลกจริง แต่บนโลกเสมือนนี้กลับดังกึกก้องกว่า ดังนั้น Facebook ในนัยยะที่นอกจากที่กล่าวมาแล้วจึงเต็มไปด้วยความคิด ความเห็น การบ่น ข้อขัดแย้งหรือแม้แต่ด่าทอ

อะไรคือข่าวสาร ความจริง และความคิดเห็น?

เมื่อทุกอย่างถูกนำมากองรวมบน Time Line ที่ไม่ได้แบ่งแยกทั้งสเตตัสบอกเล่า ข่าวสาร ข้อมูลข้อเท็จจริง คำบ่น ภาพเล่าเรื่อง บันเทิง สาระ และอื่นๆสุดแต่ที่ผู้ใช้แต่ละคนจะส่งขึ้นมา บ่อยครั้งที่พบว่าผู้ใช้แยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือ สเตตัสที่แค่จะบอกเล่าเรื่องบางเรื่องเฉยๆ อะไรคือข่าวสาร อะไรคือข้อมูลข้อเท็จจริง อะไรคือคำบ่น อะไรคือภาพเล่าเรื่อง อะไรคือบันเทิง หรือแม้แต่สาระ การตัดสินโพสบนพื้นฐานความรู้ ความคิด ความชอบของแต่ละคนจึงถูกนำมาใช้ และบ่อยครั้งที่ผู้ใช้บางคนจะตัดสินผู้อื่นบนบรรทัดฐานความชอบของตนเอง โดยลืมไปว่านั่นเป็นเพียง “ความคิดเห็น” ของตัวที่ไม่สามารถไปชี้ผิดชี้ถูกคนอื่นๆที่ย่อมมี “ความคิดเห็น” ของเค้าเช่นกัน

ในอีกกรณีหนึ่งการแยกแยะไม่ได้ระหว่างความจริงของ “ข่าวสาร” และข้อมูลข้อเท็จจริง กับคำบอกเล่าที่ฟังต่อๆกันมาโดยขาดข้อมูลสนับสนุนที่หนักแน่นหรือเที่ยงธรรมต่อสังคมส่วนรวมเพียงพอ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ไม่น้อยมองข้าม หรือลืม “ความจริง” ในโลกจริง เหตุการณ์จริงที่เกิดจริง แต่ติดกับเรื่องเล่า เรื่องส่งต่อ เรื่องที่ต้องการให้รู้ให้เข้าใจไปในแบบนั้นๆ

แต่เมื่อ Time Line Facebook ยังคงเป็นไปในแบบที่คนทั้งโลกยอมรับในความที่ Facebook เป็นมา ปัญหาจึงไม่ได้เกิดที่ Facebook แต่ปัญหาคือ “ผู้ใช้เอง”

ทางออกคือใช้ Like, Share, Hide และ Delete ให้เป็น

  1. Like — เมื่อเห็นว่าชอบและสนใจในเรื่องนั้นๆ หลายกรณี Like ถูกใช้ทั้งแง่บวกและลบ เพราะบน Facebook ไม่มีปุ่ม Dislike
  2. Share — เมื่อเห็นว่าเรื่องนั้นมีคุณค่าและมีประโยชน์ เหมาะแก่การส่งต่อหรือกระจายต่อให้กว้างขวาง ที่สำคัญการ Share เสมือนว่าเราได้ยอมรับให้เรื่องราวนั้นๆอยู่บน Time Line ของเราแล้วเสมือนเราเป็นคนโพสเรื่องนั้นๆเอง
  3. Hide — เมื่อไม่เห็นด้วย ไม่อยากเห็น ไม่ชอบ ไม่อยากรู้ จง Hide ซะ Facebook ไม่ได้บังคับให้ผู้ใช้ต้องทนเห็น ทนดู ในสิ่งที่ไม่ชอบ การ Hide เป็นการซ่อนสิ่งเหล่านั้นออกไปเสีย การ Hide มีหลายระดับจงเลือกใช้
  4. Delete — เมื่อใดๆไม่เหมาะสม การลบย่อมทำได้ การจัดการหน้าเพจ Facebook สำคัญพอๆกับการจัดการความคิดที่ต้องจัดสรรอยู่เสมอ สิ่งใดไร้ค่า ไร้ประโยชน์ ไม่เหมาะไม่ควรลบได้ ไม่เฉพาะใน Time Line หลักยังรวมถึงในส่วนแสดงความคิดเห็นด้วย หรือแม้แต่ Delete (Unfriend) ผู้ใช้

สี่หน้าที่ สี่คุณสมบัติง่ายๆที่ถือว่าเป็นข้อดีที่มีให้ใช้ ให้รู้จักจัดการได้บน Facebook แต่เมื่อใช้แล้วต้องไม่ลืมว่าการจัดการ Like, Share, Hide และ Delete บนโลกเสมือนของ “ตัวเอง” ย่อมทำได้เกือบจะคล้ายๆโลกจริง แต่อย่าเผลอคิดไปจัดการ ก้าวก่าย ล้ำเส้นจะไปให้ใคร Like เหมือนเรา จะไปให้ใคร Share อะไรเหมือนเรา จะไปให้ใคร Hide เหมือนเราและ จะต้องให้ใคร Delete ใครเหมือนเรากับ “คนอื่น” บนโลกความจริง เพราะถ้าทำแบบนั้นปุ่มสุดท้ายที่คุณจะโดนใช้คือ “Block”

By @suebsak1 [suebsak.com]

--

--

suebsak1

ทวิตความคิดเห็น+ประเด็น,ข่าว,โทรคมฯ,สื่อสาร,ไอที,การบิน,ระบบราง,ท่องเที่ยว,สาระอื่นๆ: Twitter/Line/IG/4Sq/SocialCam/Storify/FB: suebsak1 Skype: suebsak11