WAT กับ สิ่งที่เอเจนซี่(อาจจะ) ไม่ได้บอกคุณ​!

Yok • Rawisara
3 min readMar 4, 2019

--

“ มาเวิร์คแล้วได้ตัง มาเวิร์คแล้วได้เที่ยว ”

มันได้แค่นั้น หรือได้อะไรมากกว่านั้น ในการมาที่นี่หรือ ? เอเจนซี่บอกคุณว่า WAT คืออะไรกันแน่ ?

จริงๆแล้ว ที่อยากมาเวิร์ค ก็เพราะว่า อยากพักผ่อนในช่วงซัมเมอร์หลังเรียนจบ ประกอบกับหาที่เรียน เพราะในใจอยากเรียนต่อ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหนดี เพราะก็อยากกลับไปทำงานก่อนอยู่ดี และก็ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายเยอะมากขนาดนั้นเอาเงินแสนไปทิ้ง เลยเลือกที่จะมาเวิร์ค เพราะคิดว่าก็ถือโอกาสพักผ่อน แล้วเปิดประสบการณ์ในการทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง เก็บเงินแค่พออยู่ไปวันๆ ไม่ถึงขนาดกับเอาเงินไปทิ้งก็พอ แต่สุดท้าย การตัดสินใจมาเวิร์ค มีหลายเรื่อง หลายเหตุผล ให้เราตัดสินใจมากมาย ว่าที่จริงแล้ว มันจะคุ้ม แบบที่เราตั้งใจจะมาหรือเปล่านะ!

กว่าจะมาเวิร์คได้ ก็คิดอะไรในหัวหลายๆอย่างเหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามีเงินก็มาได้ จริงๆ คุณควรจะมีแต้มบุญสะสมมาด้วยต่างหาก เพราะหลายคนมาแล้ว ก็เจอประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป คุณควรจะพกแต้มบุญมาพร้อมๆกับเงิน แต่ความจริงที่สุด คุณควรจะมีความรู้ในเรื่องต่างๆ การหาข้อมูล และการเอาตัวเองให้รอด เมื่อคุณมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย

Work and Travel คืออะไร แล้วทำไมหลายๆคนถึงอยากมา ?

Work and Travel เป็นโครงการที่สามารถให้เราไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ โดยการทำงานไปด้วย และท่องเที่ยวไปด้วยในช่วงซัมเมอร์นั้นเอง จริงๆแล้วมีอีกหลายประเภทโครงการ และหลายประเทศที่เปิดให้นักเรียน นักศึกษาไปใช้ชีวิตในช่วงปิดภาคฤดูร้อน ซึ่งก็แล้วแต่คนว่า จะสะดวกใจในการไปประเภทไหน และอยากไปแบบไหนมากกว่า แล้วทำไมหลายๆคนถึงอยากมาหล่ะ? คนส่วนมากที่อยากมา ก็มักจะตอบว่า “ ไปแล้วได้เงินเยอะ ไปทำงานเพื่อเก็บเงินไปเที่ยว เปิดหูเปิดตา” ซึ่งจริงๆแล้วเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ?

“ Easy comes , Easy goes ”

ความรู้สึกของการได้รับมาง่ายๆ มันก็ไปแบบง่ายๆ เช่นกัน

การมาเวิร์คเพื่อมาหาเงิน คิดว่าเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องมาเป็นแรงงาน เพื่อแลกค่าแรงที่นี่ก็ได้ ถ้าคุณขยัน ตั้งใจจะหาเงิน เก็บเงิน อยู่ที่ไทยคุณก็เก็บเงินได้สบายๆ แต่แค่อารมณ์และความรู้สึกของเงินที่ได้มา มันต่าง การมาทำงานอยู่ที่นี่ เงินมามันง่าย คุณก็จะใช้มันไปแบบง่ายๆ และก็ไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่ ค่าแรงที่นี่สูงกว่าไทยก็จริง แต่ก็อย่าลืมว่าก็ตามค่าครองชีพก็สูงตาม ยกตัวอย่างเช่น ค่าแรงที่นี่ คุณได้ชั่วโมงละ $7.25 คุณทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ก็หมายถึงว่า คุณได้แค่แรง $58/วัน แต่อย่าลืมว่า ถ้าคุณออกไปกินข้าวข้างนอกในหนึ่งมื้อ คุณก็เสียมื้อละประมาณ $10 สามมื้อ ก็คือ $30 โดยประมาณของแต่ละวัน ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรจากบ้านเราในการใช้ชีวิตปกติ แบบค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท คุณกินข้าวสามมื้อ มื้อละประมาณ 50 บาท สามมื้อต่อวัน ก็จะตกอยู่ที่ 150 บาท ฉะนั้น นักเรียนส่วนมากที่มาเวิร์ค เลยตัดปัญหาดุลเสบียง แล้วเอาเสบียงมากิน เพื่อที่จะได้เก็บเงินจากงานให้มากที่สุด และเสียค่ากินให้น้อยที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

แต่จริงๆแล้ว มาเวิร์คให้ได้ผล คือ โฟกัส กับวัฒนธรรมของต่างชาติ ว่าเหมือนหรือแตกต่างจากการใช้ชีวิตในบ้านเรายังไง พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เป็นการฝึกภาษาไปอีกทางได้อีกด้วย บางครั้งในวันหยุด เรายังสามารถหาเวลาไปสถานที่ต่างๆได้ เพื่อไปพักผ่อน อีกทั้งเจอผู้คนใหม่ๆ กล้าที่จะพูดคุย หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ก็จะทำให้เราได้อะไรอีกเยอะมากเลยทีเดียว

เรามา Work and Travel เพื่ออะไร ?

การที่เราอยากมาเวิร์ค เพื่อหวังให้ได้เงินเยอะๆ ไม่ได้เป็นความคิดที่ผิด หรือถูก ซึ่งจริงๆแล้ว อยากให้เปรียบเทียบมากกว่าว่า มาแล้วคุ้มหรือเปล่า เราอยากได้อะไรจากการมาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อหวังเงินในการได้รับกลับไป

การทำงาน หาเงิน เก็บเงิน เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นสิ่งปกติที่ใครๆก็ทำในสมัยนี้ ซึ่งนี่ ก็คือคำตอบ ยอดฮิตของนักเรียน นักศึกษาที่อยากมาเวิร์คนั้นแหละ จริงๆแล้ว การมาเวิร์ค ต้นทุนค่อนข้างสูง ถ้าให้เปรียบเทียบ ค่าใช้จ่ายในการมา ก็ประมาณคร่าวๆ ได้ แบบนี้

ค่าใช้จ่าย และรายได้ที่ได้รับทั้งหมดโดยประมาณ ปี 2018

การติดต่อผ่านเอเจนซี่เพื่อที่จะมา ก็มีผลต่อต้นทุนในการมาอย่างมาก

เลือกเอเจนซี่ต่างกัน ต้นทุนต่างกัน มีผลอย่างไร ?

การมาเวิร์ค จริงๆบางคนก็มาเอง ติดต่อเองก็มี แต่อย่างกรณีเรา บอกตรงๆ คือ ไม่อยากยุ่งยาก เลยติดต่อผ่านเอเจนซี่ ที่ให้ข้อมูลชัดเจน แต่ราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยอมจ่าย เพื่อแลกกับความสบายใจ

อย่างแรก ที่ต้องทำก่อนจะมา ก็คือ เลือกเอเจนซี่ ซึ่งก็มีหลากหลายให้เลือก แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน ถ้าเราหาข้อมูลดีๆ ทุกเอเจนซี่มักจะมี ข้อดี ข้อเสีย ต่างกันหมด อย่างเอเจนซี่ ที่เราเลือกมา ค่อนข้างแพง แต่ให้ข้อมูลครบ ชัดเจน ถ้าเลือกอะไรได้ เขาก็ให้เลือก ติดต่อได้แน่นอน ไม่หนีหาย ก็เพื่อแลกกับความสบายใจ ถึงแพง แต่ก็เลือกมา แต่ก็มีอีกหลายๆ คนในปีก่อนๆ ที่เลือกเอเจนซี่ที่เสียค่าโครงการถูกกว่า แต่ก็มีปัญหามากกว่า งานที่ไปทำค่าแรงน้อย ชั่วโมงน้อยก็มี เพราะฉะนั้น การเลือกเอเจนซี่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่เราจะต้องเสี่ยงว่า ต้นทุนที่เสียไป กับงานที่ได้รับ และรายได้ที่จะได้เข้ามาสุดท้ายแล้ว คุ้มค่า หรือเปล่า ในกรณีที่คุณไปหาเงินเพื่อหวังกำไรกลับมา แต่ถ้าคุณเลือกไปเวิร์ค เพื่อจุดประสงค์อื่น โดยไม่ได้หวังเงิน ก็ขอแค่เป็นเอเจนซี่ที่ไว้ใจได้ และสะดวกใจก็พอ

การเลือกงานมีผลอย่างไร ?

การเลือกงานมีผลอย่างมาก คนส่วนมาก ถ้าให้เลือกได้ ก็อยากเลือกงานที่สบาย ได้ค่าแรงสูง แต่ความจริงที่ทุกคนย่อมรู้ดี ก็คือ “มันไม่มีอยู่บนโลกใบนี้” งานทุกงานก็จะมีความแตกต่าง และข้อจำกัดต่างกันออกไป งานหลักๆ ที่มาเวิร์ค ที่มีให้เลือก และคนนิยมเลือก เช่น

  1. House Keeping
  2. Fast Food / Restaurant
  3. Lifeguard

มาเวิร์ค ถ้าอยากได้เงินเยอะๆ ควรหางานสองหรือเปล่า (Second Job)

“ Satisfy your need “

เหตุผลของการหางานสองของแต่ละคน ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของรายได้ที่ต่างกัน แต่อยากให้ดูงานแรกเป็นหลัก เช่น งานแรกคุณได้เรท $11/hr และได้ extra hour อีก ซึ่งจะนับจากชม.ที่ 40 ของสัปดาห์เป็นต้นไป ประมาณ $16.5/hr และถ้าหนึ่งสัปดาห์คุณสามารถทำงานได้มากถึง 56–60 ชั่วโมง ซึ่งรายได้โดยประมาณก็อาจจะได้มากเกือบๆ $700/week นั้นก็หมายความว่า รายได้งานหลักก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณได้ชั่วโมงต่อสัปดาห์น้อย เรทน้อย อยากหางานสองเพิ่ม เพื่อเงินที่มากกว่าก็ย่อมทำได้ แต่ความเหนื่อย และอิสระในการเที่ยวของแต่ละวันก็อาจจะหายไปด้วย

Location ขึนอยู่กับสไตล์การใช้ชีวิต และสตางค์ของเรา

การเลือก location เมืองที่อยากไป หรืองานที่อยากทำก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเราต้องใช้ชีวิตและทำงานที่นั้น อย่างน้อยก็สองถึงสามเดือน ซึ่งถ้าเลือกไม่ดี ไม่เหมาะกับตัวเอง ก็อาจจะไม่มีความสุข และไม่สนุกกับการใช้ชีวิตไปเลยก็ได้ ถ้าไปกับเพื่อนก็แนะนำให้ตกลงกันดีๆ ถ้าเพื่อนชอบอีกรัฐ เราชอบอีกรัฐก็แนะนำให้ทำตามใจตัวเองมากกว่าตามใจเพื่อน ไม่ต้องกังวลว่าน่ากลัว หรือไม่มีเพื่อน เพราะยังไงถ้าเลือกที่จะไปเวิร์คแล้ว มันก็จะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนชีวิตที่ท้าทาย ในเรื่องของการเอาตัวรอด ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

การเลือกรัฐให้ดี เลือกงานและเมืองที่เหมาะกับเรา ศึกษากฏหมาย และค่าครองชีพก็มีผลต่อความเป็นอยู่ เพราะคงไม่มีใครที่ก่อนไปก็เสียแพง ไปอยู่ค่าใช้จ่ายก็แพงขึ้นไปอีก ทำงานขาดทุนเยอะแยะ แต่ละรัฐมีค่าครองชีพที่ต่างกัน ภาษี ค่าใช้จ่ายก็ต่างกันออกไป อย่างการที่เราเลือกไปอยู่ คือ รัฐ New Hampshire ดีที่เป็นรัฐ fee tax เวลาช้อปปิ้งก็จะไม่เสียภาษี ทำงานก็ไม่คิด state tax แต่บรรยากาศก็เป็นเมืองคนแก่ ไม่หวือหวา ใช้ชีวิตง่าย สบายๆ ผู้คนใจดี อากาศดี โดยส่วนตัวก็ชอบเมืองแบบนี้อยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เรามีความสุข สนุกกับการใช้ชีวิตอีกด้วย

รัฐที่เลือกส่งผลกับค่าตั๋วเครื่องบินที่ต้องจ่าย

ถ้ายิ่งเลือกรัฐติดขอบประเทศ ก็จะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายถูกลงนิดนึง เพราะจะไม่เสียตังในการต่อเครื่องภายในประเทศ ค่าโดยสารก็จะถูกลง หรือแม้แต่การเลือกลงสนามบินใหญ่ๆของรัฐใกล้เคียง แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส ก็สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้บ้าง

รัฐรอบนอกค่าตั๋วอาจจะถูกกว่านิดนึง

สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้จากการไปเวิร์ค อาจจะไม่ใช่เงินที่มากมาย แต่เป็นประสบการณ์การใช้ชีวิต การเอาตัวรอด และการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม ภาษา วัฒนธรรม ในสังคมที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อแลกกับอีกหนึ่งบทเรียนชีวิตที่จะได้รับ

--

--