2022 Year in Review
เขินที่จะเขียนว่า 7 ปีโปรแกรมเมอร์ ก็ยังเป็นอยู่และทำงานกับมันจนเป็น second nature ก็อยากจะเขียนเป็นโทนความรู้ที่ได้จากการทำงานในโลกโปรแกรมเมอร์
เริ่มที่แปะ blog ปีก่อน
เห็นภาพชัดขึ้นว่า AI จะมาช่วยยังไง
ทำงานสายนี้มาหลายปี สิ่งแรกที่มีคือประสบการณ์ อีกสิ่งนึงคือเครื่องมือที่วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ ยุคปีแรกๆ ที่ผมเริ่มเรียนเขียนโปรแกรม จะผสานกันระหว่างหนังสือ physical และ google แต่ผ่านไปไม่นานก็เลิกใช้ physical เพราะมันไม่อัพเดต และใช้ google อย่างเดียว ระหว่างนี้ได้ข่าว AI มาตลอด แต่ยังไม่เห็นภาพว่ามันจะเปลี่ยนโลกยังไง จนล่าสุดมี chatGPT มาให้ลองใช้ ตามที่หลายคนบอกไว้ มันเป็นผู้ช่วย ใช้แทน google ได้หลายเคส แถมประหยัดเวลากว่า หลายงาน ปกติใช้ 1 ชั่วโมง chatGPT ช่วยให้เหลือ 10 นาทีเสร็จ เช่น ให้ช่วยเขียน regex เพื่อ replace ข้อความ
ส่วนตัวมองว่ามันเทียบเท่าเด็กฝึกงาน 1 คนให้ลองใช้ และถ้า service เดือนละ 3,000–10,000 บาทก็พร้อมที่จะจ่าย (แต่เชื่อว่าของจริง มันน่าจะถูกกว่านั้นแหละ)
และนี่แค่เพิ่งเจ้าเดียวออกมาให้ใช้ ยังมี Apple ที่มีข่าวว่าซื้อบริษัทเกี่ยวกับ AI เยอะที่สุด, openAI มี chatGPT4 ที่ทรงพลังกว่าอีก 100 เท่า, Google และ big tech อื่นๆ หรือ startup ก็เตรียมเข็นผลิตภัณฑ์ออกมาให้ใช้งาน
เลยเดาภาพต่อไปได้เลยว่า โปรแกรมเมอร์ จะมี efficiency สูงขึ้น เดิม วาด UI ใหม่ อาจใช้เวลา 1 วัน ให้ AI ช่วยวาดจะใช้เวลา 10 นาที programmer คงไม่ต้องลงรายละเอียดเท่าเดิม เหมือนอย่าง ภาษา modern ไม่ต้องเขียน handle memory เน้นที่ business logic เป็นหลัก ในโลกที่ AI แพร่หลาย programmer เข้าใจแค่ภาษาที่ใช้คุยกับ AI ยังไม่คิดว่าเป็นภาพ
ถึงขั้น โปรแกรมเมอร์ตกงานมั้ย อันนี้ถ้าเป็นคนนอกไม่ได้เข้าใจ context ก็ฟันธงว่าตกงานได้เลย แต่เท่าที่สังเกตในโลกปัจจุบันวิศวกร ที่เครื่องจักรมันแทบจะ fully automate ก็ยังต้องการวิศวกรมาคอย optimize ยังมอง AI เป็นเครื่องมือเพิ่ม efficiency ให้กับการทำงานมากกว่า
service ที่คิดว่าน่าจะมีแน่ๆ น่าจะเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ และกฏหมาย input case เข้าไป และระบบส่ง output ออกมาเป็น solution ที่ความแม่นยำระดับ 95% และถ้าค่าบริการ 10% ของสำนักงานกฏหมาย หรือ โรงพยาบาลปัจจุบัน เช่นไปโรงพยาบาลเสียเงิน 1,000 บาท เทียบกับให้ AI วิเคราะห์ใช้เงิน 100 บาท
หรือแม้แต่ Apple Watch ที่เก็บ parameter หลายแบบผ่านนาฬิกา ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์สุขภาพให้ฟรี โดยจ่ายค่า subscription
ยังโชคดีที่ได้ไปต่อกับ crypto
ปีที่แล้วได้เงินจาก crypto ก็กาวตัวเองว่าจะเป็นปีทองของมันอีก 2–3 ปี แต่ปรากฏว่าปี 2022 เป็นปีที่มันแตก อาทิ LUNA ecosystem แตกหายไป, หลาย platform ขาดสภาพคล่อง, NFT มูลค่าลดลงจริงจัง และจบที่มัดฮุกจาก FTX แตก
รอบ 2018–2020 ที่ crypto ระเบิด รอบนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อขาลงเข้ามาก็เลิกตามข่าวโดยสิ้นเชิง แต่ด้วย inner ความเชื่อเทค ก็ DCA เข้า bitcoin สม่ำเสมอ จนได้ผลตอบแทนกลับมาระดับนึง
รอบนี้ 2022 สามารถคุมสติได้ และเฝ้าติดตามข่าวตลอด ไม่ออกจากตลาดไป เฝ้าดูและสะท้อนความรู้สึกตัวเอง ต่อตลาด เช่น ตอนปลายปี 2021 ที่ตลาดกำลังขึ้น เราก็ฮึกเฮิม ไม่เชื่อว่าตลาดจะมีขาลง และ bullish ตลอดเวลา ในทางกลับกัน ตอนตลาด bearish ก็มีความสิ้นหวังว่าตลาดมันอีกนานกว่าจะขึ้นกลับมา guru ที่ฟังในขณะนั้นก็เป็นมนุษย์ไม่ต่างกัน ราคาตลาดมีผลต่อ sentiment การแนะนำ
โชคดีที่พอร์ตเรายังรอดมาได้ รอดหมายถึงมูลค่าโดยรวมไม่น้อยไปกว่าเงินที่เอาเข้ามา มีการลงทุนที่แป๊กหลายตัว แต่ยังดีได้กระจายพอร์ตไว้ระดับนึง
ยังมีความเชื่อว่า ถ้า bitcoin ไม่เป็น 0 และมีการลงทุนจาก vc เข้าโปรเจคใหม่ๆ ยังไง bull run รอบถัดไปก็กลับมาแน่นอน bitcoin ยังคงเป็น theme hard money ที่ถ้าเงินประเทศตัวเองคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ ประเทศนั้นก็ต้องหยิบ USD หรือ bitcoin เป็นสกุลหลัก ในขณะที่การลงทุนแต่ละโปรเจค ก็ต้องมี marketing ดึงดูดให้คนเข้าไปเล่น
ได้อยู่กับระบบนึงนานๆ เห็นอีกมุมนึงของการพัฒนาโปรแกรม
ถ้ารับงาน freelance หรือโปรเจคที่ไม่ต้อง support ต่อ เราก็เน้นที่ business logic ที่แก้ไขปัญหาของ user และก็จบงานไป พออยู่กับบริษัทนี้ที่ business ไปต่อได้จริงจัง เลยมีมิติให้ต้องดูแลเพิ่ม
แน่นอนว่า feature มีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โชคดีที่เลือก stack ถูกก็สามารถเพิ่ม ฟีเจอร์ได้เรื่อยๆ ยังไม่เจอฟีเจอร์ที่ทำไม่ได้ ที่ติดจะเป็นเรื่องโค้ดเก่าที่เคยใช้ได้ กลับมีปัญหา เช่น scheduler ที่เคยเขียนสำหรับปริมาณ sku ไม่เยอะในช่วงไม่กี่เดือนแรก กลับทำให้ server อืดลง, lib บางตัว เคยมี support ดี เมื่ออัพเวอร์ชั่นไปกลับถูกทิ้ง จนต้อง refactor เพื่อแก้ไข, บางฟีเจอร์ที่ทำเพื่อแก้ขัด กลับใช้งานได้ดีจนต้อง support เต็มที่, บางฟีเจอร์ที่ตั้งใจทำ กลับใช้ยากเกินไป