เจ้าไซบีเรียนฮัสกี (Siberian Husky)

Tan Thanita
1 min readJun 21, 2019

--

ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky) เป็นหมาขนาดกลางที่มีถิ่นเกิดในแถบไซบีเรีย หมาสายพันธุ์นี้มีนิสัยเฉลี่ยวฉลาด แสนซน และก็มีพลังเหลือล้น สามารถวิ่งในระยะทางหลายไมล์รวมทั้งวิ่งลากของหนักๆได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกีเป็นหมาที่นิยมนำมาช่วยลากเลื่อน

ลักษณะทั่วไปของไซบีเรียนฮัสกี

โดยส่วนใหญ่ไซบีเรียน ฮัสกีโตเต็มวัยจะมีความสูงราว 20–23.5 นิ้ว น้ำหนักโดยประมาณ 17–28 กิโล จัดอยู่ในกลุ่มหมาขนาดกลาง โดยเพศผู้จะมีขนาดตัวและน้ำหนักมากยิ่งกว่าเพศเมีย ลักษณะตัวยาวแล้วก็มีขนาดพอเหมาะ แล้วก็มีความอึด มีพลัง แล้วก็รวดเร็ว

นอกนั้นยังมีฝีเท้าเบาและมีลักษณะท่าทางการวิ่งที่ไหลลื่น ทำให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนสองชั้นซึ่งมีความยาวปานกลาง ขนชั้นนอกมีลักษณะเรียบตรง ส่วนขนชั้นในนั้นนิ่มแล้วก็หนาแน่น เพื่อกันความหนาว

ไซบีเรียน ฮัสกี มีหลากสี โดยส่วนมากเป็นสีดำ สีขาวแล้วก็สีน้ำตาล หรือบางทีอาจเป็นสีผสม ได้แก่สีน้ำตาลกับขาว สีเทากับสีขาว รวมทั้งสีดำเทา

ลักษณะนิสัยส่วนตัวของไซบีเรียนฮัสกี

ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นหมาที่ตื่นตัวตลอดเวลาฉลาด รักอิสระ ดื้อ รักสนุก ชอบเข้าสังคม อยากรู้อยากเห็น ต้องการเอาใจใส่และก็การดูแลอย่างยิ่ง ที่สำคัญชื่นชอบการวิ่ง ซึ่งนับเป็นความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของสุนัขพันธุ์นี้ โดยสามารถวิ่งต่อเนื่องได้นานนับชั่วโมง แม้ว่าโดยส่วนมากไซบีเรียน ฮัสกี จะเป็นมิตร แต่ว่าก็อาจดุร้ายต่อสุนัขที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนี้บางตัวอาจมีนิสัยชอบขุดคุ้ย กัดข้าวของต่างๆแล้วก็หอนในบางครั้ง

การดูแลไซบีเรียนฮัสกี

ไซบีเรียน ฮัสกี ต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และก็ต้องแปรงขนอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็จำต้องแปรงขนบ่อยๆในช่วงที่มีการผลัดขน ชอบอากาศหนาวเย็น แต่หากว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะสามารถอาศัยอยู่นอกบ้านในอากาศที่หนาวเย็นได้ แต่สิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือการให้ใช้เวลาอยู่ทั้งภายในบ้านรวมทั้งนอกบ้านเท่าๆกัน

สุขภาพของไซบีเรียนฮัสกี

ไซบีเรียนฮัสกีมีอายุเฉลี่ยราว 11–13 ปี โรคที่มักเกิดกับหมาพันธุ์นี้ ตัวอย่างเช่น โรคจอประสาทตาอักเสบไฮโปไทรอยด์ ต้อกระจก และกระจกตาเสื่อม ดังนั้น เมื่อพาไปหาสัตวแพทย์ สัตวแพทย์อาจมีการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ และก็ตรวจตาเพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นโรคกลุ่มนี้หรือไม่

ประวัติความเป็นมาของไซบีเรียนฮัสกี

ชาวจุกชี (Chukchi) ซึ่งเป็นชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย เป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์หมาไซบีเรียนฮัสกีขึ้นมา เพื่อช่วยดูแลฝูงกวางเรนเดียร์และใช้สำหรับการลากเลื่อนหิมะ แต่แรกเกิดของสายพันธุ์นี้ก็ยังคงเป็นคำถาม ซึ่งคาดว่าไซบีเรียน ฮัสกี้น่าจะมีส่วนผสมของสุนัขหลายๆสายพันธุ์รวมกัน ชาวจุกชีจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะสามารถฝึกให้หมาสายพันธุ์นี้เป็นหมาลากเลื่อนได้

ปี ค.ศ. 1909 เป็นปีแรกที่ชาวชุกชีได้นำหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีมาลงแข่งขันลากเลื่อน ซึ่งในอดีตการแข่งขันสุนัขนับว่าเป็นสิ่งยอดนิยมมากมาย สำหรับการชิงชัยคราวหนึ่ง สุนัขจำเป็นจะต้องวิ่งเป็นระยะทาง400 ไมล์ จากเมืองโนม (Nome) ไปถึงเมืองแคนเดิล (Candle) ในเมืองอลาสกา ซึ่งเป็นทางที่เดินทางได้ทุกข์ยาก ด้วยความสามารถในการวิ่งและการฉุดเลื่อน ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกีกลายมาเป็นหมาสายพันธุ์ต้นๆที่นิยมในการชิงชัยหมาในเวลาถัดมา

ทั้งนี้ในปีคริสต์ศักราช 1910 ชาร์ล ฟ็อกซ์ เมาเล แรมเซย์ (Charles Fox Maule Ramsay) ชายชาวสกอตแลนด์ ได้มองเห็นลักษณะและความสามารถของสุนัขสายพันธุ์นี้ จึงแนะนำให้ จอห์น ไอรอนแมน จอห์นสัน (John “Iron Man” Johnson) ผู้บังคับสุนัขลากเลื่อนใช้หมาไซบีเรียนฮัสกีลงแข่งขันลากเลื่อนในปีนั้น ทำให้เอาชนะทีมคู่ปรับได้อย่างสบายและก็กลุ่มของแรมเซย์ทีมอื่นๆที่ใช้ไซบีเรียนฮัสกีเป็นสุนัขลากเลื่อน ก็ยังเข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 และก็ที่ 4 สำหรับเพื่อการแข่งคราวนั้นด้วย ในทศวรรษถัดมา หมาพันธุ์นี้ได้ถูกชื่นชมให้เป็นสายพันธุ์ที่ทรงเกียรติสำหรับเพื่อการแข่งขันลากเลื่อน โดยเฉพาะด้านความทรหดอดทนสำหรับการแข่งขัน

ในปี ค.ศ. 1925 เมืองโนม รัฐอลาสกาได้กำเนิดโรคระบาดจากพิษขึ้น ทำให้มีความต้องการยาต้านทานพิษอย่างเร่งด่วน จึงมีการจัดคนบังคับเลื่อน 20 คน และหมาลากเลื่อน 150 ตัว เพื่อขนส่งยาต่อต้านพิษเป็นระยะทาง 674 ไมล์ผ่านเมืองอลาสกา ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแต่ 5 วันครึ่งแค่นั้น ถือได้ว่าเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาน้อยสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้สามารถช่วยผู้คนในเมืองโนมแล้วก็ชุมชนรอบๆได้ เรื่องนี้มีชื่อเรียกว่า Great race of mercy หลังจากเรื่องนี้ คนบังคับเลื่อนและก็สุนัขลากเลื่อนทั้งหมด กลายเป็นกลุ่มที่มีชื่อไปทั่วทั้งประเทศอเมริกา และบัลโต (Balto) สุนัขไซบีเรียนฮัสกีหัวหน้าฝูงหมาลากเคลื่อนที่ได้วิ่งนำเพื่อนพ้องในการวิ่งคราวสุดท้าย เพื่อส่งเซรั่มไปยังเมืองโนม ก็ได้รับความโด่งดังเป็นอย่างมากกระทั่งมีการสร้างรูปปั้นไว้เป็นที่ระลึกในเซนทรัลปาร์ค (Central park) ที่นิวยอร์ค

10 เดือน หลังจากที่บัลโตได้วิ่งไปถึงเมืองโนม ความนิยมในไซบีเรียนฮัสกี ก็เริ่มแพร่ไปที่ประเทศแคนาดา แล้วก็ในปี ค.ศ. 1930 อเมริกัน เคนเน็ล คลับ(American Kennel club) สมาคมหมาแห่งอเมริกา ได้เริ่มทำความรู้จักสุนัขไซบีเรียน ฮัสกีเยอะขึ้น รวมทั้งมีการนำหมาไซบีเรียนฮัสกีหลายตัวไปฝึกฝนเป็นทีมช่วยเหลือและก็กลุ่มค้นหาของทหารรัฐอลาสกาในอเมริกาในตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

--

--