ติดตั้ง Oracle Database 12c Release 2 (12.2.0.1.0) บน Windows 10 Pro 64-bit
เตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้ง
- ปรับตั้งค่าหน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory) ให้มีอย่างน้อย 2 GB
- Start -> Control Panel -> System -> เลือก System protection
- เลือกแถบ Advanced -> หัวข้อ Performance เลือก Setting
- เลือกแถบ Advance (หากในกรณีที่มีการติ๊ก Automatically manage paging file size for all drives อยู่แล้วก็ให้กด Cancel ไปได้เลย)
2. ปรับตั้งค่า Region ให้เป็นภาษาไทยเพื่อให้มีการใช้ Character Set เป็นแบบ
“ AL32UTF8 ” หรือ “ TH8TISASCII ” ในระหว่างการติดตั้ง
- Start -> Control Panel -> Region -> ให้ Setting ทั้ง Formats และ Region
ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Oracle Database 12c Release 2 (12.2.0.1.0)
- เวอร์ชั่นที่จะใช้ทำตัวอย่างการติดตั้งคือ Oracle Database 12c Release 2 (12.2.0.1.0) Standard Edition 2 and Enterprise Edition
- คลิกที่ ลิงค์ ดาวน์โหลด
- อย่าลืมล็อคอินเว็บไซต์ Oracle ด้วยนะ
- ทำการแตก zip ไฟล์ที่ได้มาจะได้โฟล์เดอร์ใหม่ชื่อ “database” ซึ่งจะมีข้อมูลภายในแบบนี้
ขั้นตอนการติดตั้ง Oracle Database 12c Release 2 (12.2.0.1.0)
- ดับเบิ้ลที่โฟล์เดอร์ install -> เปิดโปรแกรม oui (Oracle Universal Installer)
2. ขั้นตอนการกำหนดการรับข้อมูลอัพเดทข่าวสารจาก Oracle
- เอาเครื่องหมายที่อยู่หน้าคำว่า I wish to receive security updates via My Oracle Support ออก
- กด Next
- กด Yes เพื่อยืนยันว่าไม่ต้องการรับอีเมล์อัพเดทข่าวสารจาก oracle
3. ขั้นตอนการกำหนดรูปแบบการติดตั้ง
- เลือกรูปแบบ Create and Configure a database เพื่อทำการระบุว่าต้องการให้ติดตั้งระบบจัดการฐานข้อมูลพร้อมกับสร้าง Starter Database ต่อทันที
- กด Next
4. ขั้นตอนการกำหนด System Class สำหรับการติดตั้ง
- เลือกรูปแบบ Desktop Class
- Desktop Class จะทำการติดตั้งชุด Starter Database มาให้อัตโนมัติ โดยจะมีการกำหนก Database User มาให้สองประเภทหลักๆคือ Database Admin (เช่น SYS, SYSTEM) และ Database User (เช่น HR, OE) ซึ่งแต่ละ User นั้นทาง Oracle ได้ออกแบบ Table และใส่ข้อูลตัวอย่างลงใน Table ไว้ให้แล้ว(การติดตั้งจะไม่ซับซ้อนมาก)
- Server Class จะเหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์ในการติดตั้งมากกว่าแบบแรกเพราะจะต้อง config เยอะและซับซ้อน
- กด Next
5. ขั้นตอนการกำหนด User สำหรับการใช้งาน Oracle
- เลือก Use Windows Built-in Account
- กด Next
- กด Yes เพื่อยืนยันการใช้ Windows Built-in Account
7. ขั้นตอนการกำหนด Typical Install Configuration
- หมายเลข 1 : Oracle base มีไว้สำหรับกำหนดโฟล์เดอร์ base ตั้งต้นสำหรับการติดตั้งครั้งแรก
- หมายเลข 2 : Oracle Home เป็นโฟล์เดอร์ที่อยู่ภายใต้ Oracle Base อีกทีนึงมีไว้สำหรับรองรับการติดตั้ง Oracle 12c หลายครั้งในเครื่องเดียวกันซึ่งชื่อ dbhome_1 นั้นหมายถึงการติดตั้งครั้งที่ 1 นั่นเอง ถ้าติดตั้งซ้ำอีกครั้งนึงจะกลายเป็น dbhome_2
- หมายเลข 3 : ไว้สำหรับกำหนดที่อยู่ของไฟล์ database
- หมายเลข 4 : ไว้กำหนด Database Edition ให้เลือก “Enterprise Edition” จะได้มีเครื่องมือที่ครบครันสำหรับการติดตั้งนี้
- หมายเลข 5 : ไว้สำหรับกำหนดรูปแบบการเก็บข้อมูล (Character Set) ถ้ามี “TH8TISASCII” ก็ให้เลือกได้เลยหรือถ้าไม่มีก็ให้เลือกเป็น “AL32UTF8” แทน
- หมายเลข 6 : ไว้กำหนดชื่อ Global Database ให้กำหนดเป็น “orcl”
- หมายเลข 7 : ไว้กำหนด Administrative Password (ซึ่งเป็นรหัสผ่านของ User ที่เป็น Database Admin) ให้กำหนดเป็น “oracle” (ตัวอักษรพิมพ์เล็ก)
- หมายเลข 8 : ไว้กำหนด Confirm Password จากหมายเลข 7 อีกครั้งให้กำหนดเป็น “oracle” (ตัวอักษรพิมพ์เล็ก)
- หมายเลข 9 : ให้เอาเครื่องหมายถูกหน้าคำว่า Create as Container database ออก
- กด Next
- จะมีข้อความขึ้นมาเตือนว่ารหัสผ่านที่ตั้งนั้นคาดเดาได้ง่าย ให้เรากด Yes ไป
8. ขั้นตอนรอทำการตรวจสอบความพร้อมก่อนติดตั้ง ให้รอต่อไปใจร่มๆ………
9. ขั้นตอนสรุปรายละเอียดของส่วนประกอบทั้งหมดที่จะติดตั้ง
- กด Install
10. ขั้นตอนดำเนินการติดตั้ง รอวนไป………….. (หากใช้ SSD จะใช้เวลาติดตั้งประมาณ 15–20 นาทีครับ)
- อาจจะมีการขึ้นแจ้งเตือนว่า Firewall ทำการบล็อคบางฟีเจอร์ที่ทำการติดตั้ง ให้กด Allow access
- ติดตั้งสำเร็จ เป็นอันเสร็จพิธีกด Close โลดดดดดดดดดดดดดดด
Tips : การปรับแต่ง Startup Service ของ Oracle เพื่อไม่ให้รันทุกครั้งหลังจากเปิดเครื่อง ซึ่งจะช่วยไม่ให้เครื่องทำงานช้าลงและกินทรัพยากรเครื่องโดยไม่จำเป็น
- กด Start -> Control Panel -> Administrative Tools
- คลิก Services
- เลื่อนจอลงมาค้นหาชื่อที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Oracle…… ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 ตัว
- ปรับตั้งค่าเฉพาะรายการที่เป็น Automatic เปลี่ยนเป็น Manual
- เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้ทำการ Restart คอมหนึ่งรอบ
- จากนั้นเปิดหน้าตั้งค่า Services อีกครั้งและทดลอง Start Services 2 ตัวคือ “OracleServiceORCL” และ “OracleOraDB12Home1TNSListener”
- รอนานนิดนึงนะ
- ทดสอบผลลัพธ์หลังจากการ Start Service โดยการเปิด Terminal ขึ้นมาจากนั้นพิมพ์ “SQLPLUS” จากนั้นกด Enter
- กรอก user-name ของ Database Admin และ Password ที่เราเคยตั้งไว้คือ “system/oracle” จากนั้นกด Enter
- ถ้าหากว่าล็อคอินสำเร็จจำมีข้อความต้อนรับแสดงให้เราเห็นจากนั้นพิมพ์ “EXIT” เพื่อออกจากการใช้งานเป็นอันเสร็จพิธี
การทำ Manual Start Service แบบนี้ส่งผลอย่างไรบ้าง
- ข้อดี คือ เครื่องทำงานไวเหมือนเดิมและไม่กิน Resource ของเครื่องมาด
- ข้อเสีย คือ เราจะต้องมานั่ง Start services เองทุกรอบเมื่อต้องการจะใช้งาน วันไหนลืม start แล้วเข้าไม่ได้ก็อย่าเหวอกันนะครับ
จบแล้วครับสำหรับการติดตั้ง Oracle Database 12c Release 2 (12.2.0.1.0) บน Windows 10 Pro 64-bit
*** ขอฝาก Blog แรกของผมไว้ใน อ้อมอก อ้อมใจ อ้อมกอดของใครซักคน ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ***