ทริปนี้ที่เกาหลี (Part 1)

Suttichai Pongsanont
3 min readJan 30, 2019

--

อันยองฮาเซโย~ ยังไม่เคยเขียนบล็อกเกี่ยวกับไปเที่ยวเลย ถ้าบล็อกนี้เป็น เว็บสองพยางค์สีน้ำเงิน ก็คงจะเริ่มด้วยประโยค “กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา” หรือไม่ก็ “ยืมแอคเค้าน์เพื่อนมา” อะไรประมาณนี้ ส่วนบล็อกนี้ จะเขียนตามใจเราอีกเช่นเคย ฮ่าๆ

เริ่มเลยละกัน

ระหว่างนั่งทำงานกันอยู่ ก็มีพี่คนนึงหันมาถามว่า ไปเกาหลีกันไหม ทุกคนก็ตอบโอเคกันอย่างง่ายดาย ละก็จองตั๋วตอนนั้นเลย (ใจง่ายไหมล่ะ ทำเหมือนเกาหลีอยู่ใกล้กรุงเทพฯ) ละก็ขอหัวหน้าลางาน สรุปได้ว่าเราก็จะไปเกาหลีกัน 4 วัน 3 คืน และเราจะไปกัน 7 คน (30/11/2018 - 3/12/2018)

ก่อนจะไปก็ไปอ่านนู้นนี่นั่น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ไปเจอมีคนมารีวิวว่า ตม.เกาหลีโหดมาก ผ่านยาก ยิ่ง passport ขาวสะอาดด้วย ยิ่งยากเลย เราก็กลัวกัน เลยไปหาข้อมูลว่า มันต้องใช้อะไรบ้าง ไปเจอมาเขาก็บอกว่า ต้องเตรียมแผนการเที่ยว ใบรับรองจากที่ทำงาน บัตรพนักงาน ฯลฯ แล้วตอนนั้นข่าวผีน้อยก็เยอะมาก (ผีน้อย คือ คนไทยที่เข้าไปทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย) แล้วอีกอย่างที่ต้องเตรียมก็คือ เสื้อขนเป็ด ทำไมหนะหรอ ก็เพราะช่วงที่ไปมันเป็นช่วงหน้าหนาวของที่นั่นพอดี จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ที่พักพร้อม ตั๋วพร้อม ของพร้อม…ออกเดินทาง

เอาจริงๆ มันก็คือการขึ้นเครื่องครั้งแรกของเรา เราได้นั่งริมหน้าต่าง แถวสุดท้ายเลยจ้า ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ก็ถึงสนามบินนานาชาติ Incheon ก่อนเครื่องบินลงจอด เราได้ถ่ายรูปไว้ มันเหมือนหิมะ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันใช่ไหม แต่เราคิดว่าใช่ ฮ่าๆๆ

ท้องฟ้าก่อนเครื่องจะแลนดิ้ง

ถึงแล้วจ้า ภารกิจต่อไป ตามล่าหาที่พัก

พอมาถึง เราก็รีบเดินทางไปยังที่พัก เราจองที่พักจาก airbnb ที่พักเราอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Hongik University ทางออก 7 พอออกมาจากสถานีเท่านั่นแหละ โคตรจะหนาว ต้องรีบเอาเสื้อขนเป็ดมาใส่ ลมแรงมากเดินหาสักพักก็เจอที่พัก เราพักอยู่ที่ 177–6 Donggyodong, Mapogu ถึงแล้วก็เอาของไปเก็บละเตรียมตัวออกไปผจญภัยโลกกว้างได้แล้วจ้า

การผจญภัยในวันแรก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ตามแพลนที่พี่มะเหมี่ยว (ผู้นำทริปนี้) ได้วางไว้ คือ เราจะไปกินหมึกแดงกัน ฮ่าๆๆ พอออกจากทางออก 7 ก็เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ ไม่ไกลมาก ข้ามถนนจะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ หน้าร้านจะเป็นสีแดงๆ ร้านน่าจะชื่อว่า Hong’s Jjukumi

หน้าร้านหมึกผัดเผ็ด

หมึกที่ว่า มันคล้ายๆ หมึกผัดเผ็ด เริ่มต้นคนละ 12,000 วอนหรือ 300 บาทนิดๆ แต่มันไม่ได้มีแค่หมึกนะ สามชั้น เนื้อก็มี นั่งรอไป สักพักเขาก็จะมาเสิร์ฟ แล้วมาคลุกๆ ให้ เขาจะเสิร์ฟพร้อมน้ำข้าวอะไรสักอย่าง เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่คิดว่า มันคือน้ำซุปข้าวไหม้ ที่จืดๆ กินแก้เผ็ดได้ ฮ่าๆๆ พอเรากินใกล้จะหมด เขาก็จะมาทำ “ข้าวผัดไข่กุ้ง” เขาจะใส่สาหร่ายกับไข่กุ้งแบบจัดเต็มมาก แล้วผัดจนแห้ง บอกเลยว่าโคตรเด็ด

เราเรียกมันว่า “หมึกผัดเผ็ด” และ “ข้าวผัดไข่กุ้ง”

หลังจากเอร็ดอร่อยจากหมึกผัดเผ็ดไปแล้ว เราก็จะมีแรงไปเที่ยวต่อได้แล้ว และเราก็ไป Ehwa Woman University ไปง่ายมาก แค่ลงสถานีตามชื่อนี้เลย แล้วออกทางออก 2 ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปที่นี่ แถมแถวนี้ยังเป็นย่านขายของแนวผู้หญิงที่มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ เยอะแยะมากมาย และยังมี Line Friends อีกด้วย

Ehwa Woman University & Line Friends

หลังจากนั้น เราก็ไปเดินต่อที่ Dongdaemun History & Culture Park เพื่อไป store ของ kakao friend และไปดู LED White Rose Garden ตามชื่อเลย เป็นสวนดอกกุหลาบขาวที่ทำจากไฟ LED นั่นเอง เดินมาอีกนิดก็จะเป็นย่านช้อปปิ้ง มีห้าง 4 ห้างติดๆ กัน แต่เราจำไม่ได้หรอกนะ ว่าห้างอะไรบ้าง ฮ่าๆๆ

LED White Rose Garden

และเมื่อเราช้อปปิ้งเสร็จ ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วจ้า พี่มะเหมี่ยวแพลนไว้ว่าจะไปกินขาหมู Myth Jakbol แถว Hongdae Street แต่พอไปถึงคนต่อแถวยาวมาก เลยไปหยิบบัตรคิวดู พระเจ้าช่วย คิวที่ 56 เลยไปลองหาร้านอื่นกันดู สรุปก็ได้ร้าน Oven Chicken and Beer Noo Na Hol Dak เป็นร้านไก่ทอดกับเบียร์ แต่เราสั่งแค่ไก่ทอดกันมากิน มันดีมากกกกก ไก่ทอดอร่อยมาก มีหลายรสชาติให้เลือก ไก่กรอบนอกนุ่มใน เราเป็นคนที่ชอบกินไก่ทอดอยู่แล้วด้วย เจอไก่ทอดที่นี่ไป ฟินเลยฮะ ฮ่าๆๆ

ไก่ทอดเฟรนฟราย

พอกินอิ่ม เราก็เดินเล่นกันสักพัก แต่ด้วยความที่เราเหนื่อยกันมาก เนื่องจากพอลงจากเครื่อง ยังไม่ได้พัก เราก็มาเที่ยวกันเลย เราจึงกลับห้องกัน พอถึงห้องก็นั่งคุยกันนิดหน่อย ละก็แยกย้ายกันไปนอน

วันนี้ใช้ตังกันไปประมาณ 5 หมื่นวอน เบาๆ

จะเกาหลีหรือเกาเหลา ก็อร่อยน้อยกว่าเรา..แน่นอน

ยังไม่จบน้า อ่านต่อที่ ทริปนี้ที่เกาหลี (Part 2)

--

--

Suttichai Pongsanont

technical consultant @MFEC | intern @Backyard | Computer Engineering, KMITL53