SET Digital Asset Forum Part 2: DLT คืออะไร และมีการใช้งานจริงอย่างไรบ้าง

Turbo Panumarch
Flipay
Published in
3 min readOct 8, 2019

บทความนี้เป็นสรุป Part 2 จากงาน SET Digital Asset Industry Forum สามารถตามอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ตามรายการนี้เลยครับ

Intro: สรุป SET Digital Asset Industry Forum โดยย่อPart 1: ทำไมต้อง SET Digital Asset Platform👉 Part 2: DLT คืออะไร และมีการใช้งานจริงอย่างไรบ้างPart 3: แนวโน้มของ Digital Asset และ Ecosystem ในระดับโลกPart 4: Asset Tokenization จะมาเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเงินอย่างไรPart 5: มุมมองของกฎหมายกับ Digital Asset

DLT (Distributed Ledger Technology) คืออะไร

ในที่นี้ Blockchain และ DLT สามารถใช้แทนกันได้เกือบจะสมบูรณ์

การที่จะเข้าใจ DLT (Distributed Ledger Technology) หรือ Blockchain นั้น ก็ต้องกลับมาดูตัวอย่างในอดีตและปัจจุบันอย่างเช่น การส่งจดหมาย ซึ่งในอดีตนั้น เราต้องเขียนใส่กระดาษ ผนึกใส่ซอง และแปะแสตมป์เพื่อเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่ไปรษณีย์

ในขณะที่ปัจจุบัน การส่งข้อความไม่ยากเหมือนจดหมายอีกต่อไป เมื่อเรามีอีเมล์ ในการส่งข้อความข้ามโลก จากที่ต้องรอนับวันนับเดือนเพื่อส่งข้อความถึงปลายทาง เหลือเพียงไม่ถึง 1 วินาทีหลังจากกด Send ด้วยซ้ำ

ในขณะที่ DLT หรือ Blockchain ก็เข้ามาเปลี่ยนเรื่องการจ่ายเงินหรือส่งต่อมูลค่า ณ ปัจจุบันเรามีธนบัตรเป็นเหมือนตัวแทนของมูลค่าเพื่อใช้จ่าย Blockchain ก็ช่วยเราเก็บและส่งต่อมูลค่าโดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุใดๆ (Dematerialzed Form of Value)

จาก Multiple Trusted Parties สู่ Trustless System

การชำระเงินก่อนหน้านี้ ก็มีตัวกลางมากมาย และมีระบบบัญชี (Ledger) ที่กระจัดกระจายตามตัวกลางแต่ละเจ้า ทำให้การทำธุรกรรม ต้องผ่านหลายทอด ใช้เวลามาก และยากแก่การตรวจสอบ

การมาของ DLT มาทำให้เกิด Ledger กลางระหว่างการชำระเงิน โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางใดๆ เลย ลดความยุ่งยาก ลดเวลา และลดการเก็บค่าธรรมเนียมหลายทอด ซึ่งเราเรียกระบบแบบนี้ว่า Trustless แปลว่าไม่ต้องเชื่อตัวกลางใดๆ

และสิ่งสำคัญที่ DLT ทำให้เกิดขึ้นคือ

  1. Record Keeping: การเก็บรักษาข้อมูลที่มีความปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง
  2. Capitalized Register: การจดบันทึกและจัดเก็บความเป็นเจ้าของที่แทนมูลค่าจริง
  3. Programmable Money: เงินที่เขียนโปรแกรมได้ และการ Tokenize สินทรัพย์ ผ่าน Smart Contract

จากระบบกระจัดกระจายสู่ระบบกลางร่วมกันเพียงหนึ่งเดียว

ภาพที่เห็นได้ชัดๆ จาก DLT ก็คือการเป็น Infrastructure ของระบบการจ่ายเงิน ที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางและ Clearing House อีกต่อไป ไม่ต้องมีระบบมากมายในการจัดการ ทุกอย่างอยู่บนระบบกลางระบบเดียว

การแลกเปลี่ยน ก็เกิดขึ้นได้บน Smart Contract ที่กำหนดเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ทำธุรกรรมไว้แล้ว เช่นในสไลด์ข้างบน A ต้องการขายหุ้น ส่วน B ต้องการซื้อหุ้น Smart Contract บน DLT ก็จะประมวลผลและส่งต่อ Digital Asset ตามสมควรแก่ A และ B โดยไม่ต้องจัดการหลายระบบให้ยุ่งยาก

Smart Contract เป็นส่วนประกอบสำคัญของ DLT เป็นเหมือนสัญญาหรือข้อบังคับของระบบที่เราเขียนไว้ผ่านโปรแกรม ซึ่งไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนข้างต้น แต่ยังสามารถเอาไปใช้ในด้านอื่นอีกด้วย เช่น

  • Escrow Account หรือตัวกลางที่คอยคุ้มครองผู้ซื้อผู้ขายให้ได้รับของอย่างถูกต้องโดยไม่ถูกโกง
  • การจ่ายดอกเบี้ย หรือปันผลให้กับผู้ที่ถือ Digital Asset อัตโนมัติ

ซึ่งทั้งหมดข้างต้น เป็นระบบที่ไม่ต้องการตัวกลางหรือคนมาจัดการเลย ตราบใดที่มี Smart Contract ที่เขียนเอาไว้อย่างถูกต้อง

Business Application ของ DLT

ในปัจจุบัน Bitcoin เป็นหนึ่งใน Application ที่แพร่หลายที่สุดของ DLT แต่ก็ยังมี Business Application อีกมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นและเกิดขึ้นแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น

การซื้อขายและโอนความเป็นเจ้าของหลักทรัพย์

การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของของหลักทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ซึ่งเป็น Use Case ที่ชัดเจนมากสำหรับ DLT นั่นคือสามารถทำให้เราสามารถโอนหุ้นให้ผู้อื่นได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ ไม่ต้องมีการใช้กระดาษหรือเซ็นเอกสารใดๆ ไม่ต้องรอ 1–2 วัน เพื่อเปลี่ยนมือเจ้าของ

ทาง World Bank ก็ได้มีการพัฒนา Tokenized Bond Platform ในออสเตรเลีย ซึ่งช่วยให้การซื้อขาย Bond มีความอัตโนมัติและรวดเร็ว นอกจากนั้นยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการออก Bond และเปลี่ยนเจ้าของอีกด้วย

ทาง Fundament Group จากเยอรมันก็พัฒนา Digital Asset Platform ซึ่ง การ Tokenize อสังหาริมทรัพย์ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายอาคารโดยไม่ต้องมีทุนเริ่มต้นเยอะด้วย Fractional Ownership และลดปัญหาของ Illiquid Asset หรือการที่ไม่สามารถซื้อขายได้ง่ายๆ

เพราะว่าด้วยความเป็น Token ทำให้สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น สามารถแบ่งซื้อเป็นส่วนเล็กเหมือนที่ Bitcoin สามารถแบ่งได้เล็กมากๆ และไม่ว่าใครก็ตาม สามารถสร้างตลาดเพื่อเป็นศูนย์ซื้อขาย Token อสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ได้

Digitize หุ้นภายในบริษัท

แปลงหุ้นภายในบริษัทเป็น Digital Asset เพื่อให้สามารถโอนความเป็นเจ้าของง่ายขึ้นผ่านช่องทาง Online และสามารถใช้จำนวนสิทธิ์ที่มีใน Digital Asset มาโหวตเพื่อกำหนดนโยบายของบริษัทผ่านทาง Online ได้อีกด้วย

การจัดการความเป็นเจ้าของ (Proof of Ownership) สำหรับ Digital Content

การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของของ Digital Content ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้าง Content ขึ้นในโลก Online อย่างเช่น เพลง หรือวิดีโอ แล้วเคลมความเป็นเจ้าของ จากนั้นผู้สร้าง Content ก็สามารถสร้าง Token เปิดให้มีการซื้อขาย Content ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ

ต่อ ▶️ Part 3: แนวโน้มของ Digital Asset และ Ecosystem ในระดับโลก

--

--

Turbo Panumarch
Flipay
Editor for

Builder at Flipay. An Engineer who loves Coding, Product Design and Blockchain. Former VP of Engineering at Omise Payment. 📬 turbo@flipay.co