รีวิวหนังสือ “กฎ 21 ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้” — โดย John C. Maxwell
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นหัวหน้า เป็นลูกน้องหรือแค่นักอ่านธรรมดาคนหนึ่งก็สามารถที่จะนำกฎต่างๆ ของหนังสือเล่มนี้ไปปรับใช้ในชีวิตของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหรือไม่ก็ตามเพราะการเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องของตำแหน่งที่คุณได้รับมาแต่มันคือสิ่งที่คุณเป็น
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่จะสอนผู้อ่านเกี่ยวกับกฎที่จะช่วยให้คุณเป็น “ผู้นำ” ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสือสักเล่มในเรื่องของศาสตร์ “การเป็นผู้นำ” หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกๆ ที่คุณควรเลือกอ่าน
สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นการแก้ไขและเพิ่มเติมเนื้อหาจากต้นฉบับซึ่งมีอายุกว่า 10 ปีของหนังสือ The 21 Irrefutable Laws of Leadership โดยผู้แต่ง John C. Maxwell โดยผู้เขียนได้อธิบายถึงกฎ 21 ข้อที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้นำที่ดีมากขึ้น และให้คุณมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น เช่น แนวคิดการประกอบธุรกิจ แนวคิดการพัฒนาทีมงาน หรือนำไปปรับใช้กับตนเอง โดยกฎแต่ล่ะข้อนั้นมีความอิสระ ไม่มีความเชื่อมโยงกัน คุณสามารถหยิบยกกฎแต่ล่ะข้อไปปรับใช้ได้เลย
กฎแห่งเพดาน
ความสามารถในการเป็นผู้นำคือตัวกำหนดเพดานของศักยภาพในการประสบความสำเร็จ หากเรามีความสามารถในการเป็นผู้นำในระดับต่ำ เราก็จะมีศักยภาพในการประสบความสำเร็จต่ำ แต่หากเรามีความสามารถในการเป็นผู้นำอยู่ในระดับที่สูง ระดับศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จของเราก็จะอยู่ในระดับที่สูงไปด้วย
สรุปได้ว่าความเป็นผู้นำนั้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการประสบความสำเร็จของตัวเราเองและองค์กร
กฎแห่งอิทธิพล
ผู้นำคือผู้ที่มีอิทธิพล ถ้าหากเราไม่มีมันเราก็ไม่สามารถนำใครได้ โดยหลักสำคัญของการเป็นผู้นำไม่ใช่แค่ตำแหน่งเพราะความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่บุคคลผู้นั้นจะต้องสร้างขึ้นมาเอง ไม่สามารถหยิบยก ส่งมอบหรือสืบทอดมาได้ และผลของการที่มีอิทธิพลต่อผู้อื่นก็จะส่งผลลัพธ์ให้ผู้คนให้ความร่วมมือ
ปัจจัยที่แสดงถึงเหตุผลที่บางคนเป็นผู้นำได้นั้นมีหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น บุคลิกภาพ ความสัมพันธ์ ความรู้ สัญชาตญาณ และความรู้ เป็นต้น
กฎแห่งกระบวนการ
ผู้นำคือนักเรียนรู้ ผู้นำย่อมรู้ว่าตัวเองนั้นไม่รู้เรื่องอะไร และพัฒนาตัวเองก้าวข้ามความไม่รู้เหล่านั้น สั่งสม เพิ่มพูนความรู้และความสามารถให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโอกาสมาถึงผู้นำจะสามารถไขว่คว้าโอกาสนั้นได้เพราะได้เตรียมตนให้พร้อมมาแล้วเป็นอย่างดี
กฎแห่งการนำทาง
ผู้นำต้องทำการบ้าน เมื่อถึงเวลาที่ต้องรับผิดชอบสิ่งสำคัญ ผู้นำจะต้องมองเห็นทั้งโอกาสและปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบแก่เป้าหมายและผู้ตาม ต้องสามารถที่จะปรึกษา พูดคุยกับสมาชิกในทีมเพื่อรวบรวมข้อมูล ประเมินสถานการณ์และทำตามขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กฎแห่งการเพิ่มเติม
ผู้นำที่ดีคือผู้ที่รับใช้คนอื่น ความเป็นผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่เราก้าวขึ้นไปบนจุดสูงสุดได้สูงแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับการที่เราสามารถที่จะยกระดับผู้อื่นได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งการที่เราจะยกระดับผู้อื่นได้นั้นเกิดจากการที่เราต้องรับใช้ผู้อื่น
หากเราทำสิ่งต่างๆ ให้ผู้ตามมีคุณค่าเพิ่มขค้นด้วยความตั้งใจที่ดีจะทำให้คุณเป็นผู้นำที่ผู้อื่นอยากเดินตาม เพราะคุณสามารถก้าวข้ามความเห็นแก้ตัวและประโยชน์ของตัวเองไปได้ และได้กลายเป็นผู้เสียสละในสายตาของพวกเขา
กฎแห่งรากฐานอันมั่นคง
ผู้นำคือผู้ที่ได้รับความเชื่อใจ เพราะความเชื่อใจเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้ตามตัดสินใจว่าเขาเหล่านั้นจะเดินตามคุณหรือไม่ และเมื่อผู้นำต้องการที่จะสร้างความเชื่อใจพวกเขาจะต้องแสดงศักยภาพ ความพยายามในการสานสัมพันธ์และบุคลิกภาพที่ดี
เมื่อผู้นำทำลายความเชื่อใจของผู้ตามก็เปรียบเสมือนเป็นการบั่นทอนอำนาจและอิทธิพลของตัวเองไปด้วย ดังนั้นความเชื่อใจจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญมาก
ความเชื่อใจเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ ไม่เพียงแต่ในฐานะของคนที่อยากจะเป็นผู้นำ เป็นผู้นำอยู่แล้วหรือในความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม
กฎแห่งการนับถือ
ผู้นำแข็งแกร่งจะมีคนเกินตาม ผู้ตามจะเลือกเดินตามผู้นำที่แข็งแกร่งหากพวกเขาสัมผัสได้ถึงศักยภาพในตัวตนของผู้นำคนนั้นๆ และสิ่งที่วัดผลความเป็นผู้ของคุณได้ นั่นก็คือคุณภาพของผู้ตามที่เลือกตามคุณ
กฎแห่งสัญชาตญาณ
ผู้นำสามารถประเมินสถานการณ์ได้ด้วยมุมมองของตัวเอง เขาสามารถรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าจะต้องทำสิ่งใดในฐานะของผู้นำ โดยในสัญชาตญาณนั้นล้วนเกิดจากพื้นฐานความรู้ ทักษะประกอบกันทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ แตกต่างจากผู้ตาม และสามารถที่จะอ่านคนอื่นรวมทั้งตัวของเขาเอง จนรู็ถึงจุดแข็ง จุดอ่อน ทักษะ และข้อบกพร่องและรู้เท่าทันความคิดของตัวเอง
กฎแห่งการดึงดูด
ยิ่งผู้นำเก่งก็จะยิ่งดึงดูดคนเก่ง ตัวตนของคุณจะเป็นที่ดึงดูดคนแบบเดียวกันเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่โดยความต้องการของตัวคุณเอง
กฎแห่งการเข้าถึงใจ
ผู้นำต้องเข้าถึงใจผู้อื่น หัวใจต้องมาก่อนสมองเสมอในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะผู้นำต้องเข้าถึงใจผู้ตามให้ได้ก่อนถึงจะได้รับการให้ความร่วมมือ เหตุผลต่างๆ สถิติ ข้อเท็จจริงไม่สามารถโน้มน้าวใจของผู้ตามยกเว้นความรู้สึก
ยิ่งผู้นำมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ตามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับความร่วมมือมากขึ้นเท่านั้น โดยต้องปล่อยวางความคิดที่ว่าฉันเป็นหัวหน้า ฉันเป็นเจ้านาย ฉันมีตำแหน่ง ผู้ตามต้องเข้าหาฉันมาเป็นฝ่ายก้าวเข้าหาพวกเขา พยายามสร้างความสัมพันธ์
ถ้านำตัวเองให้ใช้สมองแต่หากจะนำผู้อื่นให้ใช้หัวใจ
กฎแห่งคนวงใน
ผู้นำไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ผู้นำจะไม่สามารถสร้างผลงานที่ดีได้เมื่อปราศจากทีมที่ดี ดังนั้นศักยภาพของผู้นำขึ้นอยู่กับคนในทีม ซึ่งก็คือผู้คนที่เขาใกล้ชิดมากที่สุด
ถ้าคุณฉายเดี่ยว(ตัวคนเดียว) นั่นหมายความว่าคุณไม่ใช่ผู้นำ
คนวงในจะช่วยให้คุณไม่เหงาเมื่อขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงมากๆ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นคุณจะต้องแบกภาระอันหนักอึ้ง และคนที่คุณควรจะพาไปด้วยควรเป็นคนที่ช่วยยกระดับและสนันสนุนคุณ ดังนั้นคุณจึงควรพัฒนาศักยภาพของคนวงในที่อยู่ใกล้ชิด
กฎแห่งการมอบอำนาจ
ผู้นำที่มีความมั่นใจเท่านั้นที่จะสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่น มีแต่ผู้นำที่พร้อมที่จะมอบอำนาจให้แก่คนที่เหมาะสมเพื่อให้มาช่วยทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่ผู้นำที่มีแต่ความกลัวและใช้อำนาจนั้นกดคนอื่นให้ตกต่ำ ตัวผู้นำคนนั้นก็จะตกต่ำลงไปด้วย
เมื่อคุณกดผู้อื่นลง คุณก็จะตกต่ำลงไปด้วยในทางตรงกันข้ามการช่วยผู้อื่นให้เติบโตจะทำให้คุณเติบโตขึ้นเช่นกัน
กฎแห่งภาพ
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะมีความสามารถสูงในการสร้างวิสัยทัศน์และให้ความสำคัญในความเป็นจริง พวกเขาเป็นนักถ่ายทอด เขาสามารถสื่อสารกับผู้ตามให้เห็นถึงมุมมอง วิสัยทัศน์ ความสร้างสรรค์ได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังทำตัวเป็นแบบอย่างให้สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาวาดไว้ด้วย
การกระทำจึงสำคัญกว่าคำพูด
กฎแห่งการยอมรับ
ผู้นำที่ได้รับความนับถือจะมีผู้คนที่ทำตาม ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่เขาให้มา แต่เพราะความเชื่อมั่นและยอมรับในตัวผู้นำและเมื่อเขายอมรับพวกเขาก็จะเปิดรับวิสัยทัศน์ของคุณ
กฎแห่งชัยชนะ
ผู้นำไม่ยินดีที่จะต้องพบกับความพ่ายแพ้ พวกเขาจะเปิดรับแค่ชัยชนะเท่านั้น ผู้นำจะต้องเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง ต้องสามารถที่จะรับมือกับความยากลำบาก และต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อคว้าชัยชนะ และเป็นคนประเภทที่เรียกได้ว่าสู้ไม่ถอย
กฎแห่งแรงส่งอันยิ่งใหญ่
แรงส่งคือสิ่งพลักดันผู้นำให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ ช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคขนาดต่างๆ ไปได้ เพราะถ้าขาดมัน แม้เพียงเรื่องเล็กนิดเดียวก็อาจทำให้ผู้นำพ่ายแพ้ได้ หากมีแรงส่งดีอนาคตก็จะสดใสเพราะผู้นำจะสามารถผ่านอุปสรรคไปได้
กฎแห่งการจัดลำดับความสำคัญ
ผู้นำที่ดีต้องรู้จักการจัดลำดับความสำคัญ ผู้นำต้องสามารถมองการณ์ไกลได้มองหาว่าสิ่งใดสำคัญควรค่าแก่การลงมือทำและ เลือกสิ่งที่จะไม่ทำเพราะการยุ่งตลอดเวลาไม่ได้หมายถึงการมีประสิทธิภาพ แต่หมายถึงการจัดลำดับความสำคัญไม่ได้มากกว่า
กฎแห่งการยินดีที่จะสละ
หัวใจของการเป็นผู้นำที่ดีคือการเสียสละเพื่อที่จะได้ไปในจุดที่สูงขึ้น ในบางครั้งอาจต้องเสียสละมากกว่าผู้อื่นเพราะต้องให้ความสำคัญกับผู้อื่นมากกว่าตัวเอง และต้องสละสิ่งต่างๆ มากขึ้นเพื่อรักษาตำแหน่งที่อยู่
ยิ่งรับผิดชอบมากขึ้นอิสระในการเลือกของคุณก็จะยิ่งน้อยลง
กฎแห่งจังหวะเวลา
ช่วงเวลาในการนำมีความสำคัญพอๆ กับสิ่งที่ควรทำและเป้าหมาย เพราะจังหวะจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
ผู้นำต้องทำสิ่งที่ถูกในเวลาที่ถูกจึงจะประสบความสำเร็จ มิเช่นนั้นย่อมไม่มีทางที่จะไปถึงเป้ายหมายได้ โดยการนำสามารถนำไปสู่หายนะได้หากทำสิ่งที่ผิดในเวลาที่ผิด อาจเกิดการต่อต้านหากทำสิ่งที่ถูกในเวลาที่ผิด หรือเกิดความผิดพลาดหากทำสิ่งที่ผิดในเวลาที่ถูก
กฎแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด
หากต้องการให้องค์กรเติบโตแบบก้าวกระโดด จงพัฒนาผู้นำ เพราะผู้นำที่ดีและเก่งจะส่งผลให้องค์กรณ์เติบโตไปข้างหน้าได้แบบเท่าทวี
ในการเป็นผู้นำที่พัฒนาผู้นำต้องมีทัศนคติ การให้ความสำคัญและวิธีคิดที่แตกต่างไปจากผู้ตาม เมื่อคุณพัฒนาผู้คนมากขึ้นจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างและยกระดับพวกเขาขึ้นมา และจากนั้นผู้คนที่คุณยกระดับพวกเขาจะเข้าไปช่วยยกระดับผู้อื่นเพิ่มขึ้นมาอีก
กฎแห่งมรดก
ผู้นำที่มีอิทธิพลกับคนรุ่นหลังจะทิ้งมรดกไว้ให้พวกเขา มรดกจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้นำวางองค์กรของตัวเองไว้ในตำแหน่งที่สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้แม้ว่าจะไม่มีเขาก็ตาม สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ความสำเร็จของผู้นำเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่ง ว่าเขาผู้นั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือความสำเร็จของเขายิ่งใหญ่มากขนาดไหน แต่คือการที่ผู้คนที่เขาลงทุนลงแรงพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สืบทอดเจตนารมณ์และทำสิ่งต่างๆ ต่อเนื่องจากสิ่งที่เขาเคยทำมาก่อนสามารถทำต่อได้ดีขนาดไหน
