รีวิวหนังสือ “ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อก็พลิกจากตามขึ้นมานำ” — Start with whyโดย Simon Sinek

Nithisa.L
Super Bibliophile
Published in
2 min readMar 25, 2018

ถ้าใครเคยดู TED Talk น่าจะคุ้นเคยกับ Simon Sinek เป็นอย่างดี เพราะความนิยมจาก How great leaders inspire action ที่มียอดดูเยอะมาก นอกจากนั้นเขายังมีผลงานหนังสืออย่าง Find Your Why (หนังสือที่คู่กับ Start with why แต่ออกมาทีหลัง) Leaders Eat Last ที่มีแปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้วในชื่อ นำยังไง ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน

หลังจากที่อ่าน Start with why แล้วเรารู้สึกว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่จุดประการการอ่านหนังสือแนว Leadership จากที่ส่วนใหญ่อ่าน Self Deverlopment ทำให้ได้รู้ว่า Leadership นั้นไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเลย เพียงแต่เราต้องรู้จักนไข้อคิด และสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้ให้ถูกกับสถานการณ์ที่เราเผชิญ หลังจากนี้คงได้อ่านหนังสือนี้แนวนี้มากขึ้น :)

ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อก็พลิกจากตามขึ้นมานำ

โดย Simon Sinek

รูปจาก https://book.mthai.com

การตั้ง “คำถาม” ที่ถูกแม้เพียงหนึ่งข้อสามารถทำให้เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้!

แม้ว่าเราจะพยายามหาข้อมูลมากมายเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้การตัดสินใจของเรานั้นถูกต้อง 100 เปอร์เซ็น ซึ่งอาจมีความผิดพลาดได้ในระดับเล็กน้อยจนถึงหายนะ ดังนั้นเราจึงควรระวังสิ่งที่เราคิดว่ารู้อยู่แล้ว เพราะบางครั้งข้อมูลที่เราศึกษามาอย่างดีก็อาจทำให้เราเข้าใจผิดพลาด หรือหลงทางได้เหมือนกัน

ผู้บริหารบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเมริกันได้เดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นเพื่เยี่ยมชมสายการผลิตและกลับพบว่าในขั้นตอนของการทดสอบประตูในขั้นตอนสุดท้าย

โรงงานอเมริกันจะมีการใช้ค้อนยางเพื่อทดสอบว่าประตูนั้นเข้าที่หรือไม่ด้วยการใช้ค้อนยางทุบประตูซึ่งตรงกันข้ามกับโรงงานญี่ปุ่นที่ไม่มีขึ้นตอนนี้ ทำให้ผู้บริหารชาวอเมริกันงุนงงและเกิดคำถามขึ้น ทางโรงงานญี่ปุ่นจึงให้คำตอบว่า “เราดูให้แน่ใจตั้งแต่ตอนออกแบบแล้วครับ”

สิ่งที่โรงงานญี่ปุ่นทำนั้นตรงกันข้ามกับโรงงานอเมริกันโดยสิ้นเชิง นั้นคือการที่พวกเขา ออกแบบผลลัพธ์ ที่ต้องการตั้งแต่แรกแทนการหาปัญหา รวบรวมข้อมูลแล้วจึงลงมือแก้ไข

แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้ของทั้งสองบริษัทจะใกล้เหมือนกัน แต่วิธีการใช้ค้อนนั้นเปรียบเหมือนกับวิธีแก้ปัญหาเมื่อผลลัพธ์ไม่ออกมาเป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นวิธีการที่องค์กรณ์ส่วนใหญ่ใช้แตกต่างกับองค์กรที่ประสบความสำเร็จ เพราะพวกเขาสร้างสินค้าที่มีวิธีการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการและเป้าหมายตั้งแต่แรก ซึ่งวิธีการนี้เป็นสิ่งที่ผู้นำส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นคุณค่าของมัน

สิ่งล่อใจ

วิธีการดึงดูดให้คนสนใจในสินค้าและผลิตภัณท์นั้นทีด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ ราคา โปรโมชั่น ความกลัว แรงกดดันจากคนรอบข้าง ข้อความปลุกเร้า และความแปลกใหม่ ถึงแม้วิธีการเหล่านี้จะใช้ได้ผลแต่ก็ใช่ว่าจะได้ในระยะยาว เพราะข้อเสียของมันคือการที่ไม่สามารถสร้างความจงรักภักดีให้แค่กลุ่มเป้าหมายได้ (ยกเว้นแต่ว่าคุณต้องการความสำเร็จในชั่วระยะเวลาหนี่ง กลยุทธ์สิ่งล่อใจอาจเป็นสิ่งที่เหมาะสม)

วงแหวนทองคำ

อะไร — พนักงานรู้ว่าตัวเองทำอะไร

อย่างไร — วิธีการที่ทำนั้นแตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีจุดขายอันเป็นเอกลักณ์และดีกว่าคนอื่นตรงไหน

ทำไม — มีจุดมุ่งหมาย เจตนารมณ์ ความเชื่อ เข้าว่าทำไมคุณถึงทำในสิ่งที่คุณทำอยู่

ผู้นำส่วนใหญ่ใช้วิธีการสื่อสารจากข้างนอกเข้าสู่ข้างใน แต่ทว่าผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจนั้นสื่อสารจากข้างในออกสู่ข้างนอก

บริษัทแอปเปิลเป็นตัวอย่างของการใช้การสร้างแรงบันดาลใจ แทนการใช้สิ่งล่อใจเพราะพวกเขาได้เลือกที่จะตอบคำถาม “ทำไม” ก่อนด้วยการ ท้าทายสิ่งเดิมและคิดต่าง จากนั้นจึงสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งความสวยงาม ใช้งานได้ง่าย (อย่างไร) จึงได้กำเนิดคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง (อะไร)

ถึงแม้จะมีผู้ผลิตรายอื่นที่ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์เหมือนกันแต่สิ่งที่ทำให้ Apple แตกต่างนั่นคือวิธีการนำเสนอที่ดึงดูดผู้คนด้วยเหตุผลของสิ่งที่พวกเขาทำและจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่เริ่มต้นที่ ผลิตภัณฑ์ นั่นจึงดึงดูดผู้คนที่มีความเชื่อเช่นเดียวกันทำให้เกิดเป็นความภักดี

ทำไมเราถึงไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ

วงแหวนทองคำนั้นมีความสัมพันธ์กับสมอ

นีโอคอร์เท็กซ์ — รับผิดชอบการใช้เหตุผลและการใช้ภาษา

ลิมปิก — รับผิดชอบความรู้สึกของมนุษย์

การสื่อสารด้วยคำว่า “อะไร” จึงทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจได้โดยง่ายเพราะเกี่ยวข้องกับสมองส่วน นีโอคอร์เท็กซ์ แต่ไม่สามารถทำให้เกิดพฤติกรรมได้ ในขณะที่ “ทำไม” เป็นการใช้สมองส่วนควบคุมการตัดสินใจที่ส่งผลให้เกิดการกระทำนั่นคือสมองส่วน ลิมปิก

การตัดสินใจโดยสมองส่วน ลิมปิก นั้นทรงพลังมากกว่าเพราะการใช้สมองส่วน นีโอคอร์เท็กซ์ มีแนวโน้มทำให้เรา “คิดมากไป” ทำให้ใช้เวลาในการตัดสินใจนานและได้ประสิทธิภาพที่น้อยกว่าการใช้สัญชาตญาณ

ข้อมูลที่จับต้องได้นั้นช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้นแต่การตัดสินใจนั้นเกิดขึ้นมาจากคำถามว่า “ทำไม” โดยสมองส่วนความรู้สึก จากนั้นสมองส่วนภาษาจึงเข้ามาหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

ผู้คนไม่ได้ซื้อเพราะเหตุผลที่คุณทำ แต่ซื้อเพราะเหตุผลที่คุณทำมันต่างหาก

ทำธุรกิจก็เหมือนการออกเดต

หากในการออกเดตครั้งแรก เราเอาแต่บรรยายถึงสรรพคุณของตัวเรา ยกตัวอย่างเช่น ฐานะทางการเงิน, ความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือชีวิตฟรูหร่าฟู่ฟ่า คงเป็นไปได้ยากที่การออกเดตครั้งต่อไปจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นการค่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงแนวคิด จุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตก็เป็นไปได้ที่จะได้รับโอกาสที่จะได้ออกเดตครั้งที่สองและสารต่อความสัมพันธ์

การทำธุรกิจก็เฉกเช่นเดียวกัน หากเอาแต่สื่อสารด้วยการบอกคุณสมบัติและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์การออกเดตครั้งที่สองอาจไม่มีทางมาถึงเพราะผู้คนได้แต่เพียงพิจารณาจากคุณสมบัติเท่านั้น

ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ

ความเชื่อใจเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรที่มีความสำคัญโดยความเชื่อใจเป็นเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกว่าคนคนนั้นหรือบริษัทนั้นมีแรงจูงใจอื่นในการกระทำนอกจากผลประโยชน์ของตัวเอง

ผู้นำที่ดีจะมีผู้ตามที่เชื่อมั่นในตัวเขา

คนเป็นผู้นำจะได้รับพลังจากผู้ตามที่เชื่อมั่นว่าผู้นำตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของกลุ่มเสมอ พวกเขาจึงทุ่มเทแบบถวายหัวเพราะรู้สึกว่ากำลังทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง

เชื่อในสิ่ง ๆ เดียวกัน

“ผมมีความฝัน” เป็นสุนทรพจน์ที่ถูกกล่าวโดย ดร. มาติน ลูเธอร์คิง ในวันที่ 28 สิงหาคม 1963 ในวันนั้นมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาฟังสุนทรพจน์โดยที่ไม่ได้มีการแจกบัตรเชิญหรือนัดหมายแต่อย่างใด

โดยเนื้อหาของสุนทรพจน์นั้นเป็นการเรียกร้องความเท่าเทียมกัน ให้อเมริกาเป็นพื้นที่สำหรับทุกคนไม่ว่าจะมีผิวสีอะไร กลุ่มคนที่มีเจตนารมณ์เดียวกันได้เข้ามาร่วมฟังสุนทรพจน์ ที่ ดร. คิงถ่ายทอดด้วยความเชื่ออันทรงพลังและชัดเจนด้วยคำพูด ผู้คนได้เลือกติดตาม ดร. คิงเพราะพวกเขามีวิสัยทัศน์แบบเดียวกันและเชื่อในสิ่งเดียวกัน

หาแนวร่วม

ความเป็นจริงแล้ว ดร. คิงไม่ใช่คนที่เปลี่ยนแปลงอเมริกา เขาเป็นเพียงผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหลายล้านจนก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวจนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง

โดยปรกติผู้นำที่ยิ่งใหญ่ประเภท “ทำไม” ล้วนมีกลุ่มคนประเภท “อย่างไร” คอยสนับสนุน คนเหล่านี้จะรับเอาวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายไปทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมา

ทุกอย่างเริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไม”

หากผู้นำนั้นเริ่มต้นด้วยคำว่า “ทำไม” และเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ตาม ไม่ว่าองค์กรนั้นจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็สามารถทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่และสามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้เช่นกัน

--

--

Nithisa.L
Super Bibliophile

A (sleepy) Full Stack developer | Coffeeholic | Big eater | Cat lover ლ(●ↀωↀ●)ლ