Machine Learning
7 สกิลสุดเจ๋งของ AI เอาไว้ปรับใช้กับธุรกิจได้
ยิ่งเทคโนโลยี AI ได้รับการพัฒนาให้ฉลาดและมีความคิดวิเคราะห์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเท่าไร บริษัทก็สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น เราจึงนำเทคโนโลยี AI ที่ทุกธุรกิจควรรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ทั้ง 9 มาฝากครับ
1. Machine Learning & Big Data Platforms
การเพิ่มศักยภาพในการประมวลผล เรียนรู้และทำนายผลของข้อมูล ในการเรียนรู้ผ่านข้อมูลต่างๆ ยิ่งมีข้อมูลไว้สอน AI มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้าง AI ที่ฉลาดขึ้นได้เท่านั้น โดยกระบวนการสอนและอัลกอริทึมนั้น จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพื่อประมวลผลและการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก Big Data จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
2. AI-optimized Hardware
AI บางประเภทต้องใช้ทรัพยากรในการประมวลผลจำนวนมาก เช่น ระบบตรวจจับใบหน้าแบบ Real-time จำเป็นต้องมีระบบที่วิเคราะห์และประเมินภาพจำนวนมาก การนำ Graphics Processing Units (GPU) มาใช้เพื่อให้ระบบสามารถตรวจจับใบหน้าได้ทันเวลา
3. Decision Management
AI ช่วยหาทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด เสี่ยงน้อยที่สุด หรือใช้เวลาน้อยที่สุด โดยการหาทางเลือกที่ Optimize ที่สุดบนข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อช่วยให้เราตัดสินใจเรื่องยากๆ และมีข้อมูลที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจจำนวนมาก เช่น การทำ Personalized Marketing หรือ ระบบแนะนำสินค้าของแต่ละบุคคล
4. Deep Learning
ถ้าเราต้องการระบบที่สามารถจำแนกแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้ เราต้องออกแบบ AI ตามวิธีการทำงานของสมองมนุษย์ หรือเรียกว่า Artificial Neural Network (ANN) ซึ่งมีความซับซ้อนสูงมาก โดยเราสามารถนำ Deep Learning มาใช้ในการสร้างระบบแยกแยะสิ่งของหรือใบหน้า ระบบแยกแยะหรือจดจำเสียงได้นั่นเอง
5. Identity Verification
การระบุตัวตนด้วยไบโอเมทริกซ์ อย่าง ม่านตา เสียง ลายนิ้วมือ หน้า ภาษากาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการนำเทคโนโลยี AI ที่ใช้ไบโอเมทริกซ์ในการจดจำรูปแบบ และแยกแยะออกมาใช้เพื่อยืนยันตัวตนหรือระบุตัวตนได้ เช่น การสแกนลายนิ้วมือเพื่อบันทึกเวลาแทนการตอกบัตร การสแกนม่านตาเพื่อเข้าใช้งานสมาร์ทโฟน
6. Natural Language Processing
NLP คือ เทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะวิเคราะห์คำสั่งหรือความต้องการของผู้ใช้ผ่านภาษาธรรมชาติ อาทิ Google นำ NLP มาช่วยค้นหาเอกสารใน Google Drive ได้สะดวกและแม่นยำขึ้น หรือ Siri ที่สามารถสร้างประโยคเพื่อตอบคำถามที่เราถามได้อย่างรวดเร็ว
7. Virtual Agents
ความสามารถในการเข้าใจความต้องการและค้นหาบริการเพื่อตอบสนองสิ่งที่มนุษย์ต้องการ ถือเป็นหัวใจของระบบผู้ช่วยเสมือนจริง เช่น Siri สามารถเข้าถึงและเข้าใจตารางงาน อีเมล ปฏิทิน นาฬิกา หรือ Alexa สามารถเข้าถึงบริการของ Amazon หรือ Smart Home Device ของเราได้ Chatbot ก้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
theviable.co
medium.com/@p.matanaw