ช่วงนี้อากาศในเมืองไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นั้นไม่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า PM 2.5 อยู่เป็นจำนวนมากในระดับที่ค่อนข้างอันตรายต่อสุขภาพ หลายๆท่านที่ไม่ได้ใส่หน้ากากและต้องทำกิจกรรมนอกบ้านบ่อยๆ อาจจะเริ่มมีอาการหายใจไม่สะดวก หรือเริ่มไอได้ ในบางท่านอาจเป็นหนักถึงกับมีอาการไอเรื้อรัง รักษาไม่หาย เราต้องทำอย่างไรดี?
ไอเรื้อรัง คือ อาการไอที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนานกว่า 8 สัปดาห์ อาจเป็นได้ทั้งอาการไอแบบแห้ง แบบมีเสมหะ หรือมีอาการอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น คัดจมูก เจ็บคอ เสียงแหบ แสบร้อนหน้าอก หายใจติดขัด และไอเป็นเลือด
อาการไอเรื้อรังหากปล่อยไว้ อาจมีอันตรายได้ โดยเฉพาะอาการไอแบบไม่ทราบสาเหตุ หรือไอเป็นเลือดสด ประกอบกับอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย เกิดปอดอักเสบ ซึ่งสาเหตุอาจมีได้หลายแบบ ทั้งการเป็นโรคต่างๆ เช่น หอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ กรดไหลย้อน ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง ติดเชื้อทางเดินหายใจ เป็นต้น
ไอเรื้อรัง ควรรักษาอย่างไรดี?
อันดับแรก ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอาการไอ เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกจุด
- หากพบว่าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ปอด แพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อ
- หากพบว่ามีอาการเสมหะไหลลงคอ แพทย์อาจจ่ายยาแก้แพ้ ยา Chlopheniramine หรือจ่ายยาพ่น Ipratropium
- หากเป็นโรคกรดไหลย้อน ต้องแก้พฤติกรรมการกินอาหาร งดทานของมันๆ ของรสจัด อาหารหวานๆ และอาจรักษาด้วยยา Omeprazole และ Ranitidine
ทั้งนี้ การหลีกเลี่ยงการสูดดมฝุ่นควันหรือมลพิษโดยตรง ประกอบกับทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยได้มากเลยนะคะ ^^