ทำไมถึงควรใช้ Google Ads
หากคุณรู้จักสองคำนี้ คุณจะมีคำถามที่ว่า “Google Ads” กับ “SEO” มันแตกต่างกันอย่างไร ? และอันไหนเหมาะสมที่สุด สำหรับทำการตลาดในปัจจุบัน
หากเราอยากรู้จัก Google Ads เราควรรู้จักความแตกต่างของ 2 คำนี้ก่อนเลย
Google Ads คืออะไร ?
Google Ads คือช่องทางซื้อพื้นที่โฆษณาออนไลน์บน Google ที่เก็บค่าโฆษณาตามจำนวนครั้งที่ปรากฏจริงๆ โดยที่คุณสามารถกำหนดได้ว่า….
- Where — โฆษณาจะนำไปแสดงที่ไหน
- Who — กำหนดได้ว่าใครจะเห็นโฆษณาของคุณบ้าง
- Price & Budget — กำหนดวิธีคิดค่าโฆษณาและงบประมาณในแต่ละวันได้ว่าไม่เกินเท่าไหร่
- Where โมษณาจะถูกนำไปแสดงที่ไหน
พื้นที่ในโฆษณาจะแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้
- Search Network คือ พื้นที่โฆษณาบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาบน Google ซึ่งจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับการทำ seo
2. Display Network คือ พื้นที่โฆษณาบนเว็บอื่น ๆ ที่มีเนื้อหาคล้ายเว็บของคุณ หรือตามหมวดหมู่ตามที่คุณกำหนดไว้
และปัจจุบัน Google Ads ยังมีโฆษณาอีก 2 รูปแบบ ที่คุณอาจสนใจลงโฆษณา คือ
- Shopping
เป็นรูปแบบการโฆษณาที่เหมาะกับการขายสินค้าโดยเฉพาะ โดยจะแสดงทั้ง Search Network และ Display Network โดยการแสดงผลจะแสดงรูปสินค้าและราคา
- Video
เป็นการลงโฆษณาในรูปแบบวิดีโอบน Youtube
Who ใครบ้างที่จะเห็นโฆษณา
google ads สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ สามารถให้เราเจาะจงไปหากลุ่มเป้าหมายตามที่เราต้องการได้ เช่น
ที่อยู่ — เฉพาะประเทศไทย เฉพาะจังหวัด หรือ พื้นที่ที่กำหนด
เพศ — เพศชาย / หญิง / ไม่ระบุ
ช่วงอายุ — 18–24 ปี, 25–34 ปี, 35–44 ปี, 45–54 ปี, 55–64 ปี หรือมากกว่า 65 ปี
Price & Budget คิดค่าโฆษณายังไง?
Google Adwords จะใช้วิธีการประมูลในการซื้อโฆษณา ผู้ที่ให้ราคาสูงสุดจะได้สิทธิในการโฆษณาก่อน
- บน Search Network จะคิดค่าโฆษณาตามยอดคลิก (Cost-Per-Click — CPC) โดยราคาต่อคลิกจะมีตั้งแต่คลิกละไม่กี่บาทจนถึงหลายสิบบาท อยู่ที่ว่าคีย์เวิร์ดที่คุณซื้อนั้นมีการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน
- บน Display Network คุณสามารถเลือกได้ว่าจะคิดค่าโฆษณาตามยอดคลิก (CPC) หรือตามยอดวิว (Cost-Per-thousand-viewable-Impression — vCPM) ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการโฆษณาของคุณ
SEO คืออะไร
SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นวิธีการทางการตลาดดิจิทัลที่จะทำให้เว็บไซต์แบรนด์ สินค้า บริการ ธุรกิจของคุณขึ้นหน้าแรกของ Google เมื่อมีการค้นหาด้วยคำ Keyword ที่กำหนดเอาไว้ สั้นๆ คือ เป็นการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกในการค้นหา โดยไม่เสียเงิน
โดยวิธีการทำนั้น ต้องอาศัยหัวใจหลัก คือการแทรก Keyword ที่เป็นคำค้นหาบน Google และการทำ Backlink มาอยู่ในองค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หรือช่องทางต่าง ๆ ของเรา ซึ่งหากคุณปรับได้อย่างเหมาะสม และ Keyword มากพอ ก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณไต่อันดับจากหน้าท้ายๆ ขึ้นมาจนถึงหน้าแรกได้
ต่อมาคือหัวข้อของเราในบทความนี้ Google Ads vs SEO
พอรู้จักกับ Google Ads และ SEO กันแล้ว น่าจะเห็นได้ว่า จุดประสงค์ของ Adwords กับ SEO จะค่อนข้างคล้ายกัน คือ ต้องการให้หน้าเว็บของคุณอยู่บน Search Engine อย่าง Google เพื่อดึงคนเข้าเว็บให้ได้มากที่สุด ดูเหมือนจะแตกต่างกันแค่เรื่องเงินเท่านั้น แต่หากสังเกตดี ๆ จะมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น โฆษณา หากซื้อแล้ว ก็จะมีช่วงเวลาแสดงโฆษณา ซึ่งเป็นแค่เวลาสั้น ๆ แต่หากทำ SEO ได้ดี ก็มีโอกาสที่เว็บไซต์ของคุณ จะอยู่ในหน้าค้นหาอีกนาน (แต่อย่าลืมว่ามีคู่แข่งพร้อมมาแย่งอันดับคุณอยู่นะ)
และไม่ใช่แค่นั้น เราลองมาดูความแตกต่างของทั้ง 2 อย่างเปรียบเทียบกันดูบ้าง
สรุป
ถึงตรงนี้คงพอเข้าใจแล้วทั้ง Google Ads และ SEO ถึงแม้จุดประสงค์ของทั้ง 2 อย่างจะเป็นยอดผู้ชมจาก Search Engine เหมือนกัน แต่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันพอสมควร จึงควรเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ในการทำการตลาดของคุณ
ถ้าหวังพึ่ง Google Ads เพียงอย่างเดียว คุณจะต้องสิ้นเปลืองค่าโฆษณาหลักหมื่นถึงหลักล้านในทุก ๆ เดือน ไม่สามารถหยุดได้ เพราะถ้าหยุด ยอดผู้ชมจาก Search Engine ก็จะหายไปทันที
แต่สำหรับหลายๆ ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำ SEO ทั้งความไม่แน่นอนและการที่ต้องรอผลลัพธ์เป็นเดือนก็อาจเสี่ยงและนานเกินไปในเชิงธุรกิจ
เอาล่ะ มาเริ่มวางแผนกลยุทธ์แบรนด์ของคุณกันเลยดีกว่า!