Meme (มีม) คืออะไร ? ทำไมถึงนิยมขนาดนี้

Looknok
Artisan Digital
Published in
2 min readMar 11, 2020

--

Meme คืออะไร?

คำนิยายของมีม ถ้าให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ
“กระแสมุกขำขันบางอย่างที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสังคมอินเตอร์เน็ตโซเชียล” โดยมีมเป็นได้หลายอย่าง ตั้งแต่ภาพ คลิปวีดีโอ คำพูด วลี ประโยคเด็ด และไม่ได้จำกัดว่า จะเป็น คนหรือสัตว์ ไม่ว่าอะไรก็เป็นมีมได้ถ้ามันตลกพอ 😆🤣😄

เธอคิดเหมือนกันกับเรามั้ยบี2 5555555555555

เราจะเอารูปอะไรมาก็ได้หรอ ? เราจะเขียนอะไรลงไปก็ได้หรอ ? มีคำถามมากมายเกี่ยวกับมีม แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ? ใครเป็นคนเริ่ม ? แล้วถ้าทำแล้วมันจะตลกไหม ? คำถามเป็นร้อยแปดคำถามมมาก งั้นขอเริ่มที่ มีมเกิดจากใครอะไรยังไง ?

KRISTIAN HAMMERSTAD FOR NEW STATESMAN

ในปีคศ. 1976 คำว่า “มีม” หรือ “meme” (ไม่ได้อ่านว่าเมเม่หรือมีมี่) ได้ถูกบัญญัติขึ้นโดย Richard Dawkins ในหนังสือ “The Selfish Gene” ซึ่งตัว Dawkins เองให้ความหมายของมีมว่า การแพร่กระจายของไอเดีย หรือข้อมูลทางวัฒนธรรมที่ถูกส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ โดยไม่ใช่การส่งผ่านทางพันธุกรรมด้วยการเลียนแบบ (โดยรากศัพท์ของคำว่า meme มาจากศัพท์กรีก mimema ที่แปลว่าการลอกเลียน) ซึ่งมีมก็สามารถถูกนำไปพัฒนา ต่อยอด หรือแม้กระทั่งผ่านการคัดเลือดทางธรรมชาติได้อีกด้วย!อย่างไรก็ตาม คำและความหมายของคำก็ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ปัจจุบันคำว่ามีมอาจไม่เหมือนกับมีมที่ Richard Dawkins ได้เขียนไว้ตั้งแต่เริ่ม แต่การใช้งานของมีมก็ยังมีความคล้ายคลึงจากความหมายเดิมอยู่

แล้วทำยังไงถึงจะเป็นมีมได้ พูดถึงมีมก็ต้องนึกถึงเรื่องความตลกอันดับ 1 เลย ต่อมาก็พวกภาพ วิดิโอต่างๆ แต่หากมีมที่เราทำนั้นเกิดการใช้ซ้ำจนมาเกินไป ทำให้เกิดภาวะ “มีมตาย” ที่แปลว่ามีมได้กระจายไปกว้างจนเริ่มไม่ตลกแล้ว🙄 แต่หากต้นแบบของเรานำไปต่อยอดได้ในหลายๆ ทางก็ยิ่งส่งเสริมการใช้ซ้ำและมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ยืดชีวิตมีมไปได้อีกนิด👍

มีม ก็คือสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกันนั้นแหละ เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย เข้าใจง่าย ถ้าข้อมูลในคอนเทนต์นั้นๆ มีความคล้ายคลึงกับชีวิตคนหมู่มาก ก็ส่งผลให้คนเข้าใจมุกได้เยอะ กระจายต่อได้อีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งมีมมันจะเกิดมันก็เกิด บางอย่างที่ไม่นึกว่าจะตลกก็ตลกได้แบบงงๆ ซึ่งนั่นเป็นธรรมชาติของมีมที่มีเสน่ห์เฉพาะ

เริ่มมาจากยุคบุกเบิกของคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่สามารถอัพโหลดภาพลงอินเตอร์เน็ตได้ Leetspeak หรือ 1337speak เป็นภาษาที่เกิดขึ้นจากการแทนตัวอักษรอังกฤษเป็นตัวเลขที่คล้ายคลึงกัน

จนกระทั่งในปี 1996 ที่กราฟิกดีไซเนอร์ Michael Girald ได้สร้างซอฟต์แวร์ที่สามารถโปรแกรมการเคลื่อนไหวคล้ายกับการ Rigging และแสดงผลลัพธ์ผ่านคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งโมเดลแรกที่เขาสร้างนั้นคือ เด็กทารกเต้นจากท่าใน Cha-Cha-Cha เมื่อเขาได้ส่งโมเดลต้นแบบให้กับบริษัท LucasArts ซึ่งภายหลังถูกแปลงไปเป็น GIF ไฟล์ภาพ GIF ของเด็กทารกเต้นตามจังหวะชะชะช่าก็ถูกส่งกระจายไปเป็นวงกว้างตามเว็บไซต์และอีเมลต่างๆ จนกลายมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่ามีมจนถึงปัจจุบันนี้

มี มีม เด็ดๆดังๆเกิดขึ้นมากมายหลังจากมีมีมตัวแรกปรากฎตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของต่างประเทศหรือในไทยเองก็มีมีม ฮาๆ ตลกๆ เหมือนกัน ก็จะนำตัวอย่างที่ฮิตๆมาให้ได้ชมเป็นน้ำจิ้มกันนะคะ

แกวิน โทมัส

บอกเลยว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก แกวิน โทมัส เพราะเด็กชายคนนี้มีมีมเยอะมากกกกกกกกกก เพราะความที่หน้าตาและความหน้านิ่งของน้องที่มีความเป็นตลก แบบหน้าตาย ทุกภาพของน้องมีกระแสตลอดเวลา เอามาใช้ได้ทุกสถานการณ์ ถือว่าเป็นมีมแห่งปีเลยก็ว่าได้ ใครที่เห็นแล้วไม่ขำคือเส้นลึกสุดๆแล้ว5555555

โอชิตา ไอฮิมี (Osita Iheme)

นี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่บอกเลยว่าฮอตสุดๆ การแสดงท่าทางที่ดูแล้วต้องหัวเราะออกมาจนได้อะนะ555555555 เป็นบุคคลในมีมบนโลกออนไลน์ นักแสดงชาวไนจีเรียผู้นี้ดังชั่วข้ามคืน จนกลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตทั่วโลก หากใครที่กำลังทายว่าอายุของโอชิตานั้นเพียงแค่ 10 กว่าปี ต้องคิดผิดเพราะอายุที่แท้จริงของเขานั้น อายุ 37 ในปีนี้แล้ว (เกิดปีค.ศ 1982) WOW😵😲‼

หน้าตาแต่ละคนทำมีมได้เป็นหลายตัว555

นอกจากนี้ก็ยังมีการนำรูป ดารา นักแสดง ศิลปิน ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ มาใส่คำพูดที่สอดคล้องกับลักษณะท่าทางที่คนๆนั้นทำแล้ว เกิดเป็น มีม ขึ้นมา หรือแค่เปลี่ยนประโยชน์คำพูด ก็เกิดขึ้นเป็น มีม อีกตัวแล้ว

มีม มีผลดีผลเสียอบ่างไรบ้าง ?

การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทำให้มีมเป็นที่สงสัยและเป็นการตั้งคำถามกันว่ามีมเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีกันแน่นะ บ้างก็ว่ามีมเป็นเหมือนไวรัสที่กัดกินความคิดของคนหรือการใช้มีมในทางที่ไม่ดีก็ส่งผลให้ผู้คนมองเรื่องต่างๆในทางที่ไม่ดีหรือส่งผลกระทบต่อผู้คนที่มีความคิดไม่ตรงกันต่อต้านแนวคิดในมีมเป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่ามีมจะเป็นเรื่องที่แย่ซะทีเดียวนะคะ ยังมีมีมที่นับว่าตลกและให้กำลังใจผู้คนในเวลาเดียวกัน หรือตลกอย่างสร้างสรรค์ก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามควรใช้วิจารณญาณในการชมสื่อต่างๆ และควรคิดในแง่บวกหรือมองให้เป็นแค่เรื่องตลกก็พอค่ะ และในวันนี้ก็พอรู้จัก มีม กันหอมปากหอมคอแล้วนะคะงั้นต้องขอตัวลาไปก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ

--

--