4 แอพฯ ออกกำลังกายลดความอ้วน เหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว

Chatchanok Panya
Artisan Digital
Published in
4 min readSep 25, 2019

นกปาปิก้า(26/09/2019)

ปัจจุบันคนเราไม่ว่าจะวัยไหน ก็อยากที่มีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้นแหละ เพราะการมีสุขภาพดีนั้น เราอยากจะมูฟออนไปหาใครก็ได้ (เอ้ย!! ไม่ใช่) การมีสุขภาพดีนั้นเป็นต้นทุนที่ดี ที่ช่วยให้เราสามารถออกไปทำสิ่งต่าง ๆ ได้ แต่ก็แปลกที่คนเรา มักจะมีคำพูดที่อ้างว่า รอสุขภาพดีก่อนค่อยทำก็ได้ บางทีก็ต้องลองอกหักสักครั้ง ถึงจะมีเป้าหมายในการออกกำลังกายเพื่อตัวเองก็ได้ แล้วผู้คนที่อยากออกกำลังกายล่ะ ? เขาอาจจะกำลังทำอยู่ แต่ขาดแนวทางหรือผู้ช่วยที่ดี ถ้าวันนี้มาบอกว่ามีแอพฯดี ๆหลากหลายสไตล์มาให้ใช้แบบฟรี ๆ ล่ะ ?

พูดขนาดนี้แล้ว จะเริ่มแนะนำให้แล้วนะ

1.Fitjunctions

เริ่มต้นด้วยแอพฯของคนไทย ที่เน้นการใช้งานและเป็นระบบออฟไลน์ที่ไม่สามารถที่จะอัพเดทท่าเพิ่มเติมอะไรได้เลย (มาถึงก็จวกแอพฯของเขาก่อนซะแล้ว)

เริ่มต้นแอพฯด้วยรูปโลโก้สั้น ๆระยะเวลาแค่ 1 วินาที (นับว่า 1 ช้าเกินไปด้วยซ้ำ) เมื่อผ่านหน้าโลโก้ไปแล้วจะเจอกับสัดส่วนที่ต้องขยับเลย (จะเริ่มเร็วไปไหนฟ่ะ) ซึ่งมีทั้งหมดอยู่ 7 หมวด ได้แก่ Basics, Abs, Arms, Back, Chest, Shoulders, Legs

การใช้งานภายใน 7 หมวดนี้ เราขอเลือก Abs (กล้ามเนื้อ) เพราะว่าใคร ๆ ก็ชอบเนื้อตะปุมตะปำที่บริเวณหน้าท้องกัน เอ้า!!! เริ่มเลยดีกว่า

ภายในหมวดของ Abs จะมีท่าให้มาอยู่ด้วยกัน 9 ท่า จะได้สัดส่วนของร่างกายที่แตกต่างกันออกไป แต่ภาพรวมจะได้กล้ามเนื้อที่ตะปุมตะปำตรงหน้าท้องอยู่นะ โดยมีจะมีชื่อท่าของแต่ละท่า รูปภาพประกอบ เพื่อให้เห็นลักษณะการวางตัวเพื่อการออกกำลังกายที่ถูกต้องและสามารถกดเพื่อเข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละท่ารวมไปถึงขั้นตอนและ Tips ในการจัดวางร่างกายในแต่ละท่า

ทั้งนี้ภายใน 7 หมวดเป็นท่าที่ล็อกไว้เลยภายในแอพฯ ไม่มีการอัพเดทใด ๆ แต่เราสามารถหาท่าเสริมจากหน้าหลักได้จากขีด 3 ขีด ด้านบนซ้ายแล้วกดเข้า “Book of Exercises”

ภายใน Book of Exercises จะมีท่าเสริมให้ได้ฝึกอีกประมาณนึง โดยจะมีทั้งท่าที่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมทั้งดัมเบล, บาร์เบล, เครื่องเวทเทรนนิ่ง และท่าที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไรเลย แต่ก็ด้วยความเป็นแอพฯออฟไลน์ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะอัพเดทหรือเปิดการใช้การติดต่อสื่อสารทางออนไลน์กันได้ แต่เมื่อใช้งานแล้ว เกิดความสนใจเข้าไปอีก ในแอพฯนี้สามารถสอบถามหรือไปสมัครคอร์สเรียนกับพี่แกเลยก็ได้นะ พี่แกยังมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางหนึ่งด้วยนะ ลิงค์นี้เลย

https://fitjunctions.com/

โดยแอพฯนี้มีให้ดาวน์โหลดทั้งในระบบ IOS & Android เลยนะ

IOS System

Android System

2.Home Workouts

“Home Workouts” อยู่บ้านก็ออกกำลังกายได้ เพราะไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมอย่างพวก ดัมเบล บาร์เบล มาใช้ประกอบในการออกกำลังกาย ใช้แค่ของทั่ว ๆ ไปที่อยู่รอบบ้านมาใช้งาน อาทิเช่น นำเตียงมาเป็นที่พักเท้าเพื่อที่จะทำมุมในการดันพื้น เป็นต้น

เริ่มต้นการใช้งานของแอพฯนี้

ขั้นตอนแรกคือ เลือกจุดประสงค์ที่ต้องการออกกำลังกาย อยากเบิร์น อยากกล้ามปู หรือสุขภาพดีก็เลือกได้เลยจ้าา

ขั้นตอนที่ 2 คือ เลือกจำนวนครั้งที่ต้องการจะออกกำลังกายภายในหนึ่งสัปดาห์ และเลือกวันแรกของสัปดาห์ที่เราจะเริ่มออกกำลังกาย เพื่อเป็นฐานขั้นต้นในการเริ่มออกกำลังกาย

ขั้นตอนที่ 3 คือ ส่วนที่ต้องการโฟกัสเป็นพิเศษ (เห้ย! ส่วนแขน ขา ท้อง หน้าอก) อยู่ที่ความต้องการของเราที่ต้องการส่วนไหนเป็นพิเศษ ถ้าอยากแขนล่ำ ๆ ก็เลือกส่วนแขนเพื่อที่โปรแกรมจะจัดเซ็ตในสำหรับส่วนแขนโดยเฉพาะ

ขั้นตอนที่ 4 นอกจากที่ระบุไว้ทั้งหมด สามารถเพิ่มวันที่สามารถออกกำลังกายได้หรือไม่ ? เราสามารถเลือกเผื่อไว้ก็ได้หรือจะเลือกไม่เพิ่มเลยก็ได้ (จริง ๆ กดข้าม ๆ ไปเลยก็ได้เพราะระบุไว้แล้วและอยู่ในระเบียบวินัยของเรา)

เมื่อกรอกข้อมูลและความต้องการเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว จะเข้าสู่หน้าหลักที่จะระบุว่าเราทำสำเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ? และโหมดต่าง ๆ ของแอพฯโดยจะเรียงลำดับจาก Beginner > Intermediate > Advanced และยังมี Challenge อีกที่ชื่อว่า 7x4 Challenge โดยเราจะมาสาธิตในโหมด 7x4 Challenge เพราะว่ามันโหดดี ฮ่า ๆ เป็นโหมดที่ทำทุกวัน 7 วัน ใน 4 สัปดาห์ เพื่อเร่งพละกำลังอันรวดเร็วและสร้างพฤติกรรมการออกกำลังกายได้เร็วยิ่งขึ้น

เมื่อกด “Go” เพื่อเริ่มออกกำลังกาย โปรแกรมจะลิสต์โปรแกรมมาเพื่อเริ่มจากท่าที่ง่ายเรียงลำดับไปเรื่อย ๆ จากถึงท่าที่ยากในระดับนั้น ๆ โดยแต่ละท่าจะมีจำนวนครั้งที่ต้องทำวนไปไม่เท่ากัน และเมื่อเสร็จในแต่ละท่า จะมีเวลาให้พักเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และหากในระหว่างพัก รู้สึกว่าโปรแกรมให้พักน้อยเกินไป ก็สามารถกดเพิ่มเวลาได้ ทำแต่ละท่าวนซ้ำไปเรื่อย ๆ จนถึงท่าสุดท้าย เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว จะมีผลสรุป ทั้งในด้านจำนวนวันที่ออกกำลังกาย แคลฯที่ใช้งาน ความรู้สึกหลังออกฯ ว่าเรารู้สึกดีแค่ไหน ให้คะแนนเป็นจุดตั้งแต่ 1 จุด ไปจนถึง 5 จุด และเรายังสามารถเพิ่มผลการทดสอบนี้ภายในแอพฯ Apple Health ได้ด้วย (โดนใจเหล่า Apple ไปอีกกก)

แอพฯตัวนี้ถือว่าโอเคในระดับหนึ่งที่มีความหลากหลาย และมีการจัดรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย และมีความยาก-ง่าย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ที่ว่าหากต้องการหาท่าใหม่ ๆ หรือรูปแบบการออกกำลังกาย แบบใหม่ ซึ่งพูดง่าย ๆ คือสื่อวิดีโอออนไลน์ (จะพูดให้ยาวทำไมเนี่ย ปัดโธ่!!) ต้องเสียตังสมัครสมาชิกเพื่อทำการสื่อวิดีโอแบบออนไลน์ แต่เขาก็จะมีการอัพเดทตลอดนะเอ่ออ!!! ถือว่าเป็นแอพฯที่เริ่มต้นในการออกกำลังกายได้ดีอีกตัวหนึ่งเลยนะ

สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ IOS & Android

IOS System

Android System

3.Boxx

เรา Move มาสไตล์การออกกำลังกายเป็นในสไตล์ Boxing หรือ มวย นั่นเอง (ห้าวเหรอ ? ห้าวสิ!!)

เริ่มต้นจากการเข้าแอพฯจะเป็นผู้ชายยืนหนึ่งแต่งทำท่ากึ่งออกกำลังกายกึ่งต่อยมวย เมื่อผ่านหน้าแรกไปจะมีการเกริ่นเกี่ยวกับ Get stared เราก็กด Skip เลยก็ได้ไม่มีผลอะไรต่อแอพฯอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะเข้าสู่หน้าหลัก พวกคุณพร้อมหรือยัง เตรียมของ เตรียมชุดอ่าพร้อมรึยัง ? พร้อมแล้วก็ไป ลุย!! เตะต่อยกันเลย

เมื่อเข้าสู่หน้าหลักแล้วจะมีเมนูเพื่อเข้าสู่โหมดต่าง ๆ 3 เมนูโดยเริ่มจาก Boxx 101 > 3 Rounds > 7 Minutes และภายในจะมีการแบ่งรูปแบบการออกกำลังกาย ย่อยลงไปอีก (โอโห้อยากใส่รูปให้เห็นจัง แต่แค่นี้ก็รกตาจะตายแล้ว) และวันนี้จะหยิบที่เริ่มต้นง่ายๆมาให้ดูก่อน เพื่อสร้างแรงอึกในการ (อยากต่อยมวย) ออกกำลังกายสไตล์นี้ให้มากขึ้น

โดยยกโหมด Boxx 101 มาให้ดูก่อน จะมีการสอนท่าพื้นฐานในการต่อยมวย รายละเอียดของท่า และยังมีคลิปที่ถูกต้องในการใช้ท่าในแต่ละท่านั้นอีก (ฝึกจบ ต่อยเป็นแน่นอน!!)

นอกจากจะมีมวยและโยคะเบื้องต้นแล้ว เรายังสามารถค้นหาท่าเพิ่มเติมหรือรูปแบบการสอนแบบอื่น ๆได้ ซึ่งมีอยู่หลากหลายมากมาย (เรียกว่าเยอะ ยังน้อยไปเลยย!!) แต่ก็มีข้อเสียอีกแล้ว คือต้องจ่ายตังสมัครเป็นรายเดือน (เห้อ!!!!) เพื่อที่จะได้ปลดล็อกในฟังก์ชันเหล่านี้ แต่เป็นการปลดล็อกเพื่อที่จะได้เรียนรู้จากผู้สอนมากขึ้น และไม่เกิดความจำเจในการฝึก (เราจะได้ต่อยคน เอ้ย! ต่อยมวยเก่งขึ้น)

ถือเป็นแอพฯที่แหวกการออกกำลังกายแบบตบมือ 1 2 3 ไปเป็นกีฬาที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้ และประยุกต์ให้เข้ากับการออกกำลังกายของคนทั่ว ๆ ไปได้(สร้างความแข็งแรง น่าเกรงขามไปในตัว)

แอพฯนี้สามารถหาโหลดได้ทั้งใน IOS & Android

IOS System

Android System

4.Results

แอพฯนี้ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Adidas และ Runtastic ที่ทำแอพฯเกี่ยวกับการออกกำลังกายในหลาย ๆ รูปแบบเข้าด้วยกัน ที่ไม่ใช่มีแค่เฉพาะการวิ่งเท่านั้น และเหตุที่ต้องเอาไว้เสนอเป็นตัวสุดท้าย เนื่องจากมีข้อแตกต่างที่แอพฯก่อนหน้านี้ไม่มี แต่ตอนนี้จะยังไม่บอก ขอเล่ารายละเอียดของแอพฯนี้ให้หมดก่อน เราจะเริ่มเข้าเรื่องละนะ Go Go!!

เมื่อกดเข้าแอพฯจะขึ้นเป็นโลโก้ของ Adidas และ Runtastic ร่วมกัน เมื่อผ่านหน้าโลโก้เข้ามาแล้ว สิ่งแรกคือการระบุเพศของเราเอง (โว๊ะ ไม่ทันอะไรถามเรื่องเพศแล้ว!!) และต่อมาคือการเลือกบัญชีเข้าใช้ เราสามารถเชื่อมต่อกับ Facebook Google หรือ Acc.Runtastic ก็ได้ หากไม่มีทั้งสามอย่างก็สามารถสมัครใหม่ได้เช่นกัน (แอพฯระดับนี้ก็ต้องดีระดับหนึ่งอยู่แล้วแหละ)

เมื่อลงชื่อเข้าใช้เรียบร้อยแล้ว เราจะเจอกับหน้าหลัก (ในรูปนี้ใส่กรอบเพื่อให้เห็นว่ามีโหมดอะไรบ้างนะ) โดยแอพฯ มีโหมดทั่วไปอยู่ 4 โหมด Burn fat > Power up > Charlie > Oscar ซึ่งแต่ละโหมด มีจุดประสงค์ในการออกกำลังกายแตกต่างกันออกไป ณ ตอนนี้จะยกตัวอย่าง โดยใช้โหมด Power up เป็นภาพประกอบเพื่อให้เห็นและเข้าใจได้อย่างชัดเจน

ในโหมด Power up เมื่อกดเข้าไป จะมีหมวดแยกแต่ละขั้นตอน ที่เริ่มจากง่าย ๆ มีการแยกท่าสำหรับ อุ่นเครื่อง (วอร์มร่างกายเว้ย ไม่ใช่เตะบอล!!) แต่ก่อนที่เราดูวิดีโอสาธิตได้ เราต้องดาวน์โหลดวิดีโอของแต่ละท่าก่อนนะจ๊ะ (มีปุ่มดาวน์โหลดทั้งหมดด้านมุมขวาบน) เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้เราเริ่มกด Start แล้วโปรแกรมจะเริ่ม Run ให้เรา โดยเริ่มจากการอุ่นเครื่องก่อน เมื่ออุ่นเครื่องเสร็จ จะเริ่มให้ปฎิบัติจากท่าที่ง่าย ๆ ก่อน โดยมีทั้งหมดอยู่ 24 ท่า แบ่งออกเป็น 4 รอบ พักรอบละ 30 วินาที!!

เมื่อออกกำลังกายตามโปรแกรมเสร็จแล้ว เราสามารถที่จะบันทึกการออกกำลังกายในแต่ละครั้งได้ เพื่อวัดผลว่าสุขภาพของเราอยู่ในสภาพไหน (คน ผี เทวดา เอ้ย!!ไม่ใช่ สุขภาพร่างกายเว้ย!!)

ทีนี้แหละก็ถึงฟังก์ชันที่แอพฯก่อน ๆไม่มี คือการแชร์สถิติของตัวเอง ให้กับคนอื่นได้รับรู้ถึงพัฒนาการของเรา แล้วยังมีข่าวสารจาก Adidas และ Runtastic คอยอัพเดทอยู่เสมอ (ว้าว เป็นงี้นี่เอง) และเรายังสามารถออกกำลังกายตามแผนของคนอื่น ที่เขาจัดรูปแบบไว้ให้ใช้แบบฟรี ๆ ได้อีกด้วย!! (นี่แหละของฟรีและดีจริงๆ!!!!)

แอพฯนี้ถือว่าเป็นแอพฯที่ใช้ค่อนข้างง่าย และไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากนัก เพื่อแลกกับองค์ความรู้เพราะในปัจจุบัน เราสามารถหาแหล่งเรียนรู้ได้มากมาย ตามช่องทางต่าง ๆ และยังสามารถติดต่อหรือแชร์รูปแบบการออกกำลังกายให้กับคนอื่นได้อีกด้วย ถือว่าเป็นแอพฯที่โอเคกว่าในหลาย ๆ ด้านจาก 3 แอพฯที่ได้นำเสนอมา

ไม่ว่าเราจะนำเสนอไป 4 แอพฯ หรือว่า 100 แอพฯ ก็ตาม ถ้าหากไม่เกิดการสนใจ ก็ไม่มีความหมายในการนำไปใช้ ซึ่ง 4 แอพฯ นี้ เป็นเพียงตัวเบื้องต้นในการใช้งาน สิ่งสำคัญคือ การสร้างแรงบันดาลใจในการรักษาสุขภาพ ซึ่งหากเรามีสุขภาพที่ดี เราก็ห่างไกลจากโรคภัย ทุกวันนี้การไม่มีโรคที่ติดตัวเราถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราอยากจะทำอะไร อยากไปที่ไหนก็ย่อมได้ ไม่ติดขัดเรื่องสุขภาพใด ๆ ดั่งสุภาษิตที่ว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ”

--

--