5 หนังเกาหลี การันตีน้ำตาร่วง ถ้ายังไม่ได้ดูห้ามตาย !

Bellbum PA. (혜성)
Artisan Digital
Published in
3 min readMar 27, 2018

กระแสเกาหลีฟีเวอร์ในประเทศไทยนั้นก็ยังคงแรงไม่มีตกมาตลอด โดยเฉพาะทางฝั่งซีรีส์เกาหลีที่ถือเป็นตัวชูโรงของบ้านเค้าเลยล่ะ แต่สำหรับบทความนี้เราจะพูดถึงฝั่งภาพยนตร์กันบ้าง ซึ่งเกาหลีก็ทำได้ดีไม่แพ้กันและโกอินเตอร์ไปเยอะแล้ว เราเลยจะมาแนะนำหนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของเกาหลี ที่บางเรื่องก็เข้าฉายในประเทศไทยของเราด้วย ซึ่งเลือกมา 5 เรื่องด้วยกันที่คิดว่าไม่ควรพลาดและคุ้มค่าแก่การเสียน้ำตาให้กับดราม่าตามสไตล์หนังเกาหลี …

1. Miracle in Cell No. 7 (2013)

Miracle in Cell No.7

Miracle in Cell No. 7 หรือมีชื่อภาษาไทยว่า ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7 หนังแนวดราม่าคอมเมดี้ เรื่องราวของสองพ่อลูกโดยตัวเอกเป็นพ่อชื่อว่า ‘ยงกู’ เป็นชายหนุ่มออทิสติก กับลูกสาววัย 7 ปี ชื่อ ‘เยซึง’ อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน ลูกสาวชื่นชอบตัวการ์ตูนเซเลอร์มูนมาก ยงกูจึงตั้งใจจะซื้อกระเป๋าเซเลอร์มูนให้เป็นของขวัญในวันเข้าเรียนวันแรก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย ซึ่งคู่ความเป็นตำรวจยศสูงที่ต้องการแพะรับบาปจากความออทิสติกของเขา ทำให้ถูกส่งตัวไปอยู่ในห้องขังหมายเลข 7 ซึ่งมีรูมเมทอยู่ด้วยกัน 5 คน วันหนึ่งลูกสาวของเขาถูกลักลอบพาเข้ามาอยู่ในที่ไม่พึงประสงค์สำหรับเด็กแห่งนี้ด้วย รูมเมทของเขาทั้ง 5 คนจึงช่วยกันสร้างความทรงจำให้ทั้งสองพ่อลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่สุดในห้องขังแห่งนี้ รวมทั้งช่วยยงกูเพื่อต่อสู้คดีบนชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่แล้วเมื่อถึงวันตัดสินคดี พ่อของเยซึงกลับถูกตัดสินโทษประหารชีวิต จากคำให้การเท็จของตัวเขาเองที่กล่าวยอมรับผิดทุกอย่าง เพื่อต้องการจะปกป้องลูกสาวให้ปลอดภัย

หนังเรื่องนี้สิ่งที่ประทับใจก็คือเรื่องราวความรักความผูกพันธ์ ความน่ารัก และความสนิทสนมของสองพ่อลูก ที่ถึงแม้ตัวพ่อจะเป็นออทิสติก แต่ก็รักและดูแลลูกสาวอย่างดี ซึ่งเยซึงก็เป็นเด็กสาวที่ฉลาด น่ารัก สร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับหนังเรื่องเป็นอย่างมาก ทำให้เรารู้สึกรักและผูกพันธ์กับตัวละคร รวมถึงมิตรภาพของคนในห้องขังเอง ที่ดูแล้วซึ้งประทับใจจนต้องมีน้ำตาซึม และแน่นอนว่าเรื่องนี้เราร้องไห้หนักมาก ๆ สงสารพ่อของเยซึง ที่ถูกสังคมตัดสินว่าผิดเพียงเพราะภาพที่เห็นเพียงด้านเดียว รวมทั้งความเป็นออทิสติกที่ทำให้ตัวยงกูเองถูกมองเป็นคนผิดอยู่เสมอ และถูกโน้มน้าวโดยการนำความรักที่มีต่อลูกสาวมาเป็นตัวกล่าวอ้าง ให้ตัดสินยอมรับผิดทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิดเลย เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเพื่อเสียน้ำตาแน่นอน

Miracle in cell №7

2. Train to Busan (2016)

Train to Busan

Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง หรือชื่อเกาหลีว่า Busanhaeng (ปูซานแฮง) หนังแนวแอคชั่นเซอร์ไวเวอร์ ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากอนิเมชันเรื่อง Seoul Station เป็นเรื่องราวระหว่างการเดินทางบนขบวนรถไฟ KTX จากโซล-ปูซาน โดยตัวเอก ‘ซอกวู’ รับบทโดย กงยู ชายหนุ่มผู้เห็นแก่ตัวและล้มเหลวกับการมีครอบครัว กำลังจะไปส่งลูกสาว ‘ซูอัน’ ไปหาแม่ของเธอที่เมืองปูซาน แต่ระหว่างนั้นก็เกิดเชื้อไวรัสแพร่ระบาด ทำให้คนกลายเป็มซอมบี้ และมีผู้ติดเชื้อหลุดรอดขึ้นมาบนรถไฟขบวนนี้ด้วย ทำให้ผู้โดยสารบนรถไฟขบวนนี้ต้องช่วยกันหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด โดยฝ่าดงซอมบี้จากโบกี้สู่โบกี้ จุดหมายปลายทางคือเมืองปูซาน ความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่ยังเปิดรับผู้รอดชีวิตอยู่

เรื่องนี้มีแง่คิดเยอะมาก ๆ แฝงอยู่ในหนัง ถือเป็นหนังสะท้อนสังคมเกาหลีเลยก็ว่าได้ ทั้งการแข่งขันและความเห็นแก่ตัวของผู้เอาชีวิตรอดบนรถไฟ KTX ทำให้เราได้ลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเอกจะใช้วิธีการอย่างไรฝ่าฝูงซอมบี้เพื่อเอาชีวิตรอด จากโบกี้ที่ 9 ไปช่วยลูกสาวที่โบกี้ 13 เพื่อไปรวมตัวกับผู้รอดชีวิตที่โบกี้ 15 และระหว่างทางต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไรบ้าง มีความเห็นแก่ตัวเบื้องลึกของมนุษย์ในภาวะคับขันอย่างไร ดูไปลุ้นไป ลุ้นจนเหนื่อย สนุกมาก ซอมบี้เยอะสมจริง สะใจมาก แต่ซอฟต์กว่า The Walking Dead ซึ่งเราว่ามันพอดีไม่น่ากลัวเกินไป (เราชอบหนังหนีซอมบี้ 55555) และแน่นอนว่ากระแสตอบรับของเรื่องนี้ก็ดีมากเช่นกันในหลายประเทศ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ได้รับเลือกให้ฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 69 ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วย เป็นหนังเกาหลีที่สร้างสถิติมีจำนวนโรงภาพยนตร์เข้าฉายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พลาดไม่ได้เลยจริง ๆ

Train to Busan

3. 형 My Annoying Brother (2016)

My Annoying Brother

หนังคอมเมดี้ปนดราม่าตามสไตล์เกาหลี มีชื่อหนังเป็นภาษาเกาหลีว่า ‘Hyeong’ (ฮยอง) ซึ่งเป็นคำที่น้องชายใช้เรียกพี่ชายในภาษาเกาหลี เรื่องราวของ ‘โกดูยอง’ รับบทโดย โดคยองซู เป็นนักเทควันโดทีมชาติอนาคตไกลที่บาดเจ็บจากการแข่งขันจนทำให้ตาบอด จึงท้อแท้และสิ้นหวังกับชีวิต มีพี่ชายต่างแม่ชื่อ ‘โกดูชิก’ ที่หายออกจากบ้านไป 15 ปี เป็นนักโทษที่ถูกปล่อยตัวออกมาช่วยคราว เหตุผลเพื่อมาดูแลน้องชายตาบอดที่อาศัยอยู่คนเดียว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ได้ดีต่อกันตั้งแต่แรก ต่างคนต่างไม่เปิดรับซึ่งกันและกันเพราะปมเรื่องครอบครัว แต่การที่ต้องอยู่ร่วมกันทุกวัน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คู่ค่อย ๆ ปรับตัวเปิดรับซึ่งกันและกันในที่สุด

เรื่องนี้ประทับใจในความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติของพี่ชายและน้องชาย ที่ค่อย ๆ เปิดรับซึ่งกันและกัน ความตลก กะล่อน และความห่ามในสไตล์ผู้ชายของพี่ชายที่ถ่ายทอดไปถึงน้องชายต่างแม่ที่ถึงแม้จะตาบอด และทั้งคู่เองก็ไม่ได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันตรง ๆ มีฟอร์มกันบ้างตามสไตล์ผู้ชาย แต่ก็สามารถทำให้เราอินกับความสัมพันธ์ของสองพี่น้องได้อย่างเป็นธรรมชาติจริง ๆ ดูแล้วมีน้ำตาซึมในความซึ้งจากความรักของทั้งคู่อย่างแน่นอน (มันมีจุดพีคอยู่ต้องดูเอง) ซึ่งเรื่องนี้เราเจอแบบบังเอิญตอนนั่งเครื่องบินจากเกาหลีกลับไทย บนสายการบิน Korean Air เลยจะมีหนังเกาหลีแบบซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษให้เลือกดู เราก็เลือกดูเพราะไบแอสคยองซูล้วน ๆ ดูไปดูมานั่งร้องไห้คนเดียวบนเครื่องบินหนักมาก โดยที่รอบตัวคนอื่นหลับหมดเลยเพราะเป็นตอนกลางคืน 555555

My Annoying Brother

4. Along With The Gods : The Two Worlds (2017)

Along With The Gods : The Two Worlds

Along With The Gods : The Two Worlds ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า หนังแนวแอคชั่นแฟนตาซี ถูกหยิบมาสร้างจากเว็บตูนสุดฮิตของเกาหลีที่ติดอันดับมีผู้อ่านมากที่สุด พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับขุมนรกและสวรรค์ จากการผจญภัยของ ‘คิม จาฮง’ รับบทโดย ชา แทฮยอน ชายหนุ่มนักดับเพลิงที่ช่วยชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน และตัวเองต้องเสียชีวิตอย่างกระทันหันระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เขาจึงถูกเทพผู้พิทักษ์ทั้ง 3 มาเชิญตัวไปยังปรโลก และถูกแปะป้ายว่าเป็น ‘วิญญาณคนดี’ เพื่อที่จะฝ่าด่านขุมนรกทั้ง 7 พิสูจน์ความดีของตัวเองให้ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งใน 49 วัน

เรื่องนี้ต้องบอกว่าได้แง่คิดดีมาก ๆ ในการนำเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับนรกและสวรรค์มาเล่า มีการออกแบบขุมนรกทั้ง 7 ด่านให้สมกับชีวิตจริง ซึ่งขุมนรกที่แต่ละคนต้องเผชิญก็จะเรียงลำดับไปตามบาปกรรมที่ได้ทำไว้ตอนยังมีชีวิตอยู่ จากน้อยไปหามาก ซึ่งเล่าผ่านเรื่องราวของตัวเอกที่เป็นนักดับเพลิง ได้ชื่อว่าเป็นวิญญาณคนดี ที่ทำดีมาตลอดทั้งชีวิตก่อนตาย แต่ก็มีปมชีวิตที่ต้องฝ่าด่านนรกทั้ง 7 เช่นเดียวกัน ท่านเทพผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ก็น่ารัก มีมุกตลก สนุก แต่ที่ชอบคือความตื่นตาตื่นใจกับการพบเจอขุมนรกแต่ละด่านนี่แหละ ชอบมาก ๆ (ผู้สร้างทีมออกแบบใช้เวลานานถึง 6 ปีในการสร้างนรกทั้ง 7 ขุม) บวกกับความซึ้งในความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่รับรองว่าต้องมีน้ำตาซึมแน่นอน เรื่องนี้แรงจูงใจแรกก็เข้าไปดูเพราะคยองซูอีกแล้ว (ฝากเชียร์คุณสิบตรีวอนด้วยนะคะ) และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ตั้งเป้าหมายจะสร้างปรากฏการณ์หนังเกาหลีฟีเวอร์ต่อจากเรื่อง Train to Busan (สปอยว่าตอนท้ายเรื่องหลังเครดิตแอบมีนักแสดงจาก Train to Busan เข้ามาแจมด้วย) ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ สร้างปรากฏการณ์และรายได้ถล่มถลายไม่แพ้กัน และผู้จัดก็มุ่งมั่นสร้างภาค 2 ต่อกันเลย ใน Along with the Gods : The Last 49 Days ซึ่งจะเข้าฉายในฤดูร้อนปีหน้า

Along With The Gods : The Two Worlds

5. The Battleship Island (2017)

The Battleship Island

The Battleship Island หนังแอคชั่นอิงประวัติศาสตร์เกาหลี เล่าถึงเมื่อครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกาหลียังตกอยู่ใต้อำนาจของญี่ปุ่น เรื่องราวบนเกาะฮาชิมะ (Hashima Island) หรือเกาะเรือรบ ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ห่างจาก เมืองนางาซากิเพียง 15 กิโลเมตร (ในเรื่องดำเนินขึ้นก่อนเมืองนางาซากิจะโดนทิ้งระเบิดไม่นานนัก) เป็นเหมืองถ่านหินที่สำคัญของญี่ปุ่น ซึ่งในเรื่องเล่าในมุมมองของแรงงานเกาหลีกว่า 400 ชีวิตถูกหลอกให้เข้ามาเพื่อใช้แรงงานละถูกกดขี่สารพัดอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งมี ‘ปาร์ มูยอง’ รับบทโดย ซงจุงกิ สายลับจากหน่วยพิเศษที่ถูกส่งเข้ามาแฝงตัวบนเกาะนี้เพื่อชิงตัว อดีตนักโทษทางการเมืองคนสำคัญของเกาหลีหนีออกจากเกาะ แต่แล้วเขากลับพบความจริงเกี่ยวกับการคอรัปชั่นภายใน ทำให้ต้องตัดสินใจเปลี่ยนแผนพาคนเกาหลีร่วมชาติทั้ง 400 คนหนีออกจากเกาะนี้ไปด้วย

คหสต.ออกตัวเลยว่าหนังเรื่องนี้เครียดมากกกกกก (กอไก่ร้อยตัว) เป็นหนังแอคชั่นที่ทั้งเครียดทั้งดราม่า งงไปหมด สำหรับเรามันเครียดมาก หดหู่มาก กดดันมาก ก่อนหน้านี้เราดูหนังเรื่อง ‘ดันเคิร์ก (Dunkirk)’ มาก่อน ว่าลุ้นระทึกกับการหนีแล้ว เรื่องนี้คูณไปอีกสิบเท่าจ้า คือหนังมันค่อนข้างจะชาตินิยมมากเลยแหละ เพราะเล่าในมุมมองของคนเกาหลีอิงจากประวัติศาสตร์จริงของบ้านเขา เลยทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นตัวร้ายของเรื่อง ร้ายแบบเลวสุด ๆ ไม่มีเหตุผล (ถ้าอินเกินไปก็อาจจะเกลียดญี่ปุ่นได้เลย) ซึ่งภาพก็โหดร้าย ทารุณ ทั้งการต่อสู้ ฆ่ารันฟันแทง ระเบิด เลือด คนตาย รุนแรงสมจริงมาก ๆ ค่อนข้างโหดร้ายสำหรับคนจิตใจอ่อนไหวแบบเรา (บอกก่อนว่าโดนชักจูงจากซอนแซงนิมที่ศูนย์เกาหลี ชวนไปดูหนังฟรี น้ำฟรี ป๊อปคอร์นฟรี ด้วย เอ้า เราก็เลยไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่รู้ชะตากรรม) ออกโรงหนังมาคือปวดหัวตุ๊บ ๆ เลยอะ เพราะหนังเครียดมากจริง ๆ เราลุ้นมากกับการเอาใจช่วยทั้ง 400 คน ในฉากที่ช่วยกันฝ่าออกมาจากเกาะแต่ก็เจออุปสรรคอยู่เรื่อย ๆ แต่พวกนางก็ยังจะชาตินิยมปลุกใจกันไปว่า รอดออกไปแค่ 1 คนก็ถือว่าชนะแล้ว เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด และต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดจากคนบนเกาะที่ถูกข่มเหงอย่างแน่นอน

ปล.ใช้วิจารณญานและทำจิตใจให้เข้มแข็งก่อนดูนะจ๊ะ โหดร้ายจริง ๆ

The Battleship Island

และนี่ก็คือหนังโรงของเกาหลีทั้ง 5 เรื่องที่เราอยากแนะนำว่าไม่ควรพลาดเลย รับรองว่าคุ้มกับการเสียน้ำตาในการดูแน่นอน จากความเห็นส่วนตัวของเรา นอกจากทุกเรื่องจะดึงดราม่าตามสไตล์เกาหลีแล้ว สิ่งที่ทั้ง 5 เรื่องมีเหมือนกันก็คือข้อคิดเกี่ยวกับครอบครัวและการต่อสู้ในการใช้ชีวิต ที่จะทำให้เราตระหนักและตั้งสติในการใช้ชีวิตทุกวันอย่างคุ้มค่าที่สุด

--

--