CRM จะทำให้ทุก SME อยู่รอดได้ในยุค Digital Transformation

Cholathit Khueankaew
Artisan Digital
Published in
2 min readFeb 11, 2018
Source: https://www.agilecrm.com/gamification

ในยุคที่ SMEs ต้องเริ่มปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และช่องทางการขายออนไลน์ที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ประกอบการก็เหนื่อยมากขึ้นในการจัดการ leads ที่เข้ามาในแต่ละช่องทาง จึงจำเป็นต้องมองหาระบบอะไรก็ได้ เพื่อมาช่วยจัดการให้ข้อมูลทุกอย่างบริหารจัดการ และติดตามผลได้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น

CRM ก็เป็นระบบหนึ่งที่ผู้ประกอบการ SMEs มักมองว่าไม่จำเป็นกับขนาดธุรกิจของตน แต่หากมีการ setup และบริหารข้อมูลดี ๆ จะเห็นว่าระบบจะเป็นประโยชน์และช่วยให้ธุรกิจโตได้เร็วขึ้นมาก โดยเฉพาะการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมให้กลับมา repurchase และทำให้พวกเค้าเป็น loyal customer ของเราได้

ปีนี้ Artisan Digital จึงอยากนำระบบ CRM มาแนะนำให้นักธุรกิจทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทุกขนาด ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้าบนโซเชียล ไปจนถึงธุรกิจครอบครัวดั้งเดิม ให้เห็นภาพว่าใคร ๆ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าของตัวเอง และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบได้ทั้งนั้น

CRM คืออะไร?

CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management (ระบบบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์) คือ การวางกลยุทธ์ในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและองค์กร ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายในอนาคตได้

เหตุผลที่ต้องใช้ CRM?

จุดประสงค์หลักในการใช้ CRM คือการเพิ่มลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ การนำระบบ CRM เข้ามาใช้จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกับข้อมูลลูกค้า และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ระบบ CRM สามารถจัดเก็บได้ (เป็นอย่างน้อย) เช่น

  1. ข้อมูลลูกค้าหรือผู้สนใจ(leads) เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ชื่อ Facebook
  2. ข้อมูล Activities ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกค้ากับพนักงาน เช่น การนัดหมาย การพูดคุย ความคืบหน้าในการพูดคุย เอกสารที่ส่งหากัน
  3. ปัญหาที่เกิดและการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า (Cases and Solutions)
  4. ใบเสนอราคา (Quotations), ใบแจ้งหนี้ (Invoices)
  5. ข้อมูลพฤติกรรมการใช้ Social Media
  6. ข้อมูลการ browse เว็บไซต์ หรือช่องทางการขายของเรา

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทีม Sales, Marketing และ Service สามารถมองเห็นภาพรวมของลูกค้าชัดเจน นำไปสู่การ “นำเสนอ” สิ่งที่ลูกค้าต้องการ และ การ “ตอบสนอง” ต่อปัญหาของลูกค้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ลูกค้า (ผู้ซึ่งยอมจ่ายเงินและเสียเวลาในผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร) รู้สึกประทับใจและรับรู้ได้ถึงคุณค่าที่มีต่อองค์กร กรณีที่ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือ แต่พนักงานกลับต้องใช้เวลานานในการหาข้อมูลของลูกค้าซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามแผนกต่าง ๆ หรือเลวร้ายที่สุด คือไม่มีการเก็บข้อมูลของลูกค้าอยู่เลย ก็เหมือนกับเป็นการบอกลูกค้าทางอ้อมว่า “คุณไม่สำคัญกับเรา” ในทางกลับกันการมีข้อมูลของลูกค้าจะช่วยให้ลูกค้าเห็นถึงความสำคัญในการให้ข้อมูลกับองค์กรและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันไว้ได้

ตัวอย่าง กรณีศึกษาของบริษัทที่ทำ CRM บริษัทหนึ่ง เมื่อเรามีการติดต่อเข้าไปยังศูนย์บริการ สิ่งที่เราไม่ต้องทำเลย คือการให้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม บริษัทจะรู้ว่าเราคือใครและมีประวัติการรับบริการที่ผ่านมามีอะไรบ้าง หลังจากการแก้ปัญหาให้เราเรียบร้อยแล้วก็จะมีประโยคดี ๆ ปิดท้ายเช่น ทานข้าวเที่ยงให้อร่อยนะคะ เป็นต้น สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ สามารถสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้กับลูกค้าได้

เมื่อพนักงานในองค์กรรู้จักลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และสามารถทำให้ลูกค้าประทับใจได้ นั่นหมายถึง การเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย รักษาลูกค้าไว้ และ เพิ่มลูกค้าใหม่ ในอนาคต แต่การที่จะดำเนินการทั้งหมดนี้ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำซอฟต์แวร์ระบบ CRM เข้ามาช่วย

สิ่งที่คุณจะได้รับจากการใช้งานระบบ CRM

การนำระบบ CRM มาใช้ในองค์กร จะทำให้คุณได้ประโยชน์มากมาย โดยหลัก ๆ มีดังนี้

Centralized Customer Information

บริษัทส่วนใหญ่ มักจะเก็บข้อมูลของลูกค้ากระจายไว้ในที่ต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบไฟล์และเอกสาร เช่น บันทึกไว้ในไฟล์ Spreadsheet, สมุดบันทึกของพนักงาน เป็นต้น จะเกิดอะไรขึ้นหากไฟล์เหล่านั้นมีปัญหา หรือ พนักงานลาออกไป ?

ระบบ CRM จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าอยู่ในที่เดียวกัน ทำให้พนักงานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นทีม Sales, Marketing และ Service สามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและมองเห็นภาพรวมของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย

Standardized Process

แผนกต่าง ๆ ของแต่บริษัทต่าง ๆ จะมีขั้นตอนในการทำงาน (Process) ที่แตกต่างกัน เช่น ขั้นตอนในการขาย (Sales Cycle) ของแผนก Sales กับ ขั้นตอนในการทำแคมเปญเพื่อหาลูกค้าใหม่ของแผนก Marketing ทั้งสองทีมจะต้องใช้ และแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน เช่น ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลเป้าหมาย ฯลฯ การกำหนดขั้นตอนการทำงานภายในทีมและระหว่างทีม จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ระบบ CRM มีเครื่องมือที่ช่วยให้ขั้นตอนการทำงานภายในทีมและระหว่างทีม ง่ายและมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ระบบ Workflow เพื่อกำหนดกฏ ในการควบคุมขั้นตอนการขาย (Sales Stage) ของพนักงานขาย ให้เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สามารถกำหนดลำดับการอนุมัติ (Approval), บันทึกข้อมูลการติดต่อระหว่างพนักงานกับลูกค้า เป็นต้น

Automate Your Process

เหตุผลหลักของการนำระบบ CRM มาใช้ในองค์กรแล้วไม่ประสบผลสำเร็จคือ พนักงานจะต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้เข้ากับระบบ และต้องทำงานเพิ่มขึ้นจากงานประจำที่ทำอยู่แล้ว

ระบบ CRM มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งขั้นตอนการทำงานให้เข้ากับระบบงานเดิมขององค์กรได้ โดยไม่เป็นการเพิ่มภาระของพนักงาน และยังช่วยให้การทำงานเดิมนั้นง่ายขึ้นและสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้พนักงานสามารถมุ่งเป้าไปที่งานที่ตนรับผิดชอบเพียงอย่างเดียว เช่น การออกใบเสนอราคาของทีม Sales จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดข้อผิดพลาดในการเสนอราคาสินค้า, การนำ Knowledge Base มาใช้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าของทีม Service ทำได้รวดเร็วและถูกต้อง เป็นต้น

Analytics and Reporting

ประโยชน์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนของการใช้ระบบ CRM คือความรวดเร็วและง่ายดายในการทำรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูล พนักงานขาย (Sales Rep) สามารถตรวจสอบและติดตามยอดขายได้จากระบบ Opportunities โดยไม่ต้องจัดทำไฟล์ Spreadsheet เพื่อรายงานยอดขาย (Weekly Status Reports) ให้กับผู้จัดการฝ่ายขายในแต่ละสัปดาห์ ผู้บริหาร (Executive) และผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Manager) ก็สามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ยอดขายของพนักงานขายได้ในทันที ช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดลงได้

ระบบ CRM ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลทำได้ง่ายดาย สามารถนำข้อมูล Sales, Marketing และ Service ทั้งในปัจจุบันและในอดีตมาวิเคราะห์ได้ เช่น เปรียบเทียบยอดขายของปีนี้กับปีที่แล้วแยกตามไตรมาส, สามารถวิเคราะห์ Sales Pipeline ได้ เป็นต้น

Improve Collaboration

การร่วมกันมือกันระหว่างแผนกต่าง ๆ คือกุญแจสำคัญในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การขาดความร่วมมือระหว่างกันอาจทำให้เกิดวามสับสน ทำให้ปิดการขายได้ช้าลง และข้อมูลอาจมีความซ้ำซ้อนและผิดพลาดได้

ระบบ CRM ทำให้แผนกต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกันได้ ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล เช่น ทีม Marketing สามารถเห็นโอกาสในการขายของทีม Sales ที่เกิดจากแคมเปญได้ สามารถนำข้อมูลการขายมาคำนวณ ROI (Return of Investment) ของการจัดทำแคมเปญต่าง ๆ, ทีม Service สามารถนำปัญหาที่เกิดกับลูกค้า และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการปรับปรุงสินค้าและบริการให้ดีขึ้นในอนาคต

คิดไม่ออก บอก Artisan Digital

การทำ CRM ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากจะทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจต่อองค์กรแล้วยังสามารถเพิ่มยอดขาย, รักษาลูกค้าเก่า และ สร้างลูกค้าใหม่ ได้อีกด้วย แต่การที่จะดำเนินการทั้งหมดนี้ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำซอฟต์แวร์ระบบ CRM เข้ามาช่วย

โดย CRM สามารถ setup ได้ง่าย ๆ แบบ simple simple ได้บน Google Sheets สำหรับธุรกิจที่ยังมีข้อมูลไม่มาก ไปจนถึงทำระบบ CRM + Analytics + Business Intelligence ครบวงจรเพื่อบริหาร ตั้งเป้า และการทำกลยุทธดันยอดขายให้ถึงเป้าได้ในระบบเดียว โดย Artisan Digital ตั้งใจผลักดันให้ผู้ประกอบการหันมาทำระบบ CRM ยินดีให้คำปรึกษา จัดฝึกอบรม และรับจ้างพัฒนางานซอฟต์แวร์และงาน data ครบวงจร สามารถพูดคุยติดต่อเราได้ที่ Facebook ของเราครับ

--

--