[INTERNSHIP] คนที่หาตัวเองไม่เจอมาทั้งชีวิต จะได้เจออะไร เมื่อมาฝึกงานเป็น Account Executive ที่ Artisan Digital?
เคยมีคำกล่าวไว้ว่า
“ถ้าหากคุณไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ให้เริ่มจากการแนะนำตัว” — ใบเตย (2020)
โอเค งั้นเรามาเริ่มจากการแนะนำตัวตามคำกล่าวกันเลยดีกว่า
สวัสดีอย่างเป็นทางการนะคะทุกคน เราชื่อ ใบเตย (คุ้น ๆ เนอะ สงสัยชื่อโหล)เป็นนักศึกษาปี 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากคณะการสื่อสารมวลชน หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นกันในชื่อแมสคอมนั่นเองง เราเกิดที่เชียงใหม่ โตที่เชียงใหม่ เรียนที่เชียงใหม่ ฝึกงานที่เชียงใหม่ และตาย..ที่ไหนยังไม่รู้ เอาไว้ก่อนเนอะ อีกนาน ๆ 555555
แล้วเป็นไงมาไงถึงมาฝึกตำแหน่ง AE (Account Executive)? ชอบเหรอ? แล้วทำไมฝึกงานที่เชียงใหม่ ไม่เบื่อเรอะ? ทำไมไม่ไปฝึกงานที่กรุงเทพน่าจะเหมาะกับสายงานเรามากกว่าไหม? มีคำถามจากรอบ ๆ ตัวเต็มไปหม๊ดดดดด มา ๆ เราจะมาเล่าให้ฟัง
อย่างที่บอกไป เราเป็นคนที่หาตัวเองไม่เจอ เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะเป็นเหมือนกัน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เรียนอะไรดี จบไปทำงานอะไรดีนะ งานอะไรที่จะทำให้เรามีความสุข ถามตัวเองซ้ำ ๆ อยู่ทุกวันก็ไม่ได้คำตอบ จนช่วงที่ต้องหาที่ฝึกงาน ซึ่งการฝึกงานก็อาจจะมีผลกับอาชีพในอนาคตด้วย เลิ่กลั่กเลยทีนี้ เอาไงดี ยังไม่รู้เลยว่าเรียนจบแล้วอยากทำอะไร ที่เรียนอยู่ก็ไม่ได้เกลียดไม่ได้ชอบ คือเฉยมาก ถ้าเปรียบเป็นกราฟก็คงจะนิ่งเป็นเส้นตรงดั่งคนตาย แต่ถ้ายังนิ่งอยู่แบบนี้ได้ตายจริง ๆ แน่
ก็เลยลองค่อย ๆ คิดจากสถานที่ก่อนว่าอยากจะฝึกที่เชียงใหม่หรือกรุงเทพ ที่จริงแล้วก็อยากลองไปกรุงเทพนะ แต่ไม่สู้เรื่องค่าครองชีพแล้วที่บ้านเองก็อยากให้อยู่ใกล้ ๆ เลยตัดสินใจเลือกเชียงใหม่ อ่ะ ต่อมาเราก็มาดูตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราเรียนมาและคิดว่ามีสกิลในตำแหน่งนั้นอยู่บ้าง เลือกอยู่นานก็ได้ผู้เข้าชิง 2 ตำแหน่ง นั่นก็คือออ Content Creator กับ AE นี่แหละจ้า
ได้ตำแหน่งแล้วต่อมาก็หาบริษัท และแล้วหลังจาก Google อยู่พักใหญ่ เราก็ได้เจอกับ Artisan Digital และได้อ่านรีวิวฝึกงานจากพี่ ๆ รุ่นก่อน ๆ ว่าได้ทำงานจริงก็เลยสนใจที่นี่ เลยลองยื่นพอร์ตสมัครตำแหน่ง AE เพราะอยากท้าทายตัวเอง ลองทำอะไรใหม่ ๆ อยากให้ตัวเองกล้าพูดมากขึ้นจะได้หายมือสั่นตอนพรีเซ้นต์หน้าห้องสักที 555 อีกอย่างช่วงปิดเทอมปี 3 เราเคยฝึกงานเป็นฝ่ายบุคคลมาก่อน ก็น่าจะมีสกิลการสื่อสารอยู่บ้างเลยคิดว่าตำแหน่งนี้คงจะเหมาะที่สุด ส่งพอร์ตไปได้ไม่กี่วันพี่จินจากฝ่ายการตลาดก็ติดต่อกลับมา แล้วนัดให้ไปสัมภาษณ์ และอย่างที่ทุกคนรู้ เราได้ฝึกที่นี่สมใจจ้าา (ถึงตรงนี้เราก็ประทับใจ Artisan ละ เพราะพี่จินตอบกลับเร็วมาก ใช้เวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็รู้ผล อันนี้คือนานที่นัดวันสัมภาษณ์ที่หาวันให้ตรงกันด้วยนะ ไม่งั้นเร็วกว่านี้อีก 5555)
แล้วฝึกงาน AE ที่ Artisan Digital ได้ทำอะไรบ้าง?
ทุกคนคงจะคิดว่าเป็น AE จะต้องแต่งตัวสวย เสื้อผ้าหน้าผมดูดี เป๊ะปังมาทำงานใช่มะ ถูก!! พี่อุ้มอิ้ม อดีต AE แห่งอาร์ติซาน และยังเป็นอดีตพี่เลี้ยงของเราด้วย (ที่เป็นอดีตเพราะพี่ลาออกไปตอนเรามาฝึกได้ครึ่งเดือน เป็นเศร้าเลย) พี่อุ้มอิ้มคือสวยและแต่งตัวดีตลอดจริง ๆ ส่วนเรานั้นนนน เสื้อยืดกางเกงยีนต์จ้า ซึ่งถามว่าได้ไหม ได้นะ พี่ ๆ ไม่มีใครว่าอะไรเลย ที่อาร์ติซานเราชิลได้เต็มที่จริง ๆ (แต่ก็ต้องสุภาพนิดนึงเนอะ) แต่ก็ชิลแค่เวลาทำงานอยู่ในออฟฟิศนะ ถ้าวันไหนมีไปพบลูกค้าก็จะต้องใส่กระโปรง เดรส หรือกางเกงสแลค ห้ามใส่ยีนต์! เพราะมันจะทำให้เราดูเด็กและไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
ในช่วงแรกของการฝึกงาน เราก็เด๋อ ด๋าเป็นปกติอ่ะเนอะ 5555 แต่ก็ยังดีที่เรามีเพื่อนร่วมฝึกงานตำแหน่ง AE อยู่ด้วย 1 คน ชื่อเมย์ มาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ (เมย์ก็มีรีวิวฝึกงานเป็นของตัวเองแล้วนะจ๊ะ ไปอ่านกันได้) เมย์ได้ช่วยสอนงานเราในช่วงแรกว่าโปรเจคที่เราต้องรับผิดชอบมีอะไรบ้าง วันนึงต้องทำอะไร รวมถึงช่วยสมัครแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในบริษัทด้วย ตรงนี้ขอขอบคุณจากใจจ้า
ส่วนงานที่เราได้ทำในช่วงแรกคือการรวบรวมรายชื่อและโทรติดต่อลูกค้า โดยเป็นโปรเจคที่ทำร่วมกับเมย์ พี่อุ้มอิ้มก็จะตั้งเป้าหมายของแต่ละเดือนไว้ให้ บางครั้งก็ได้ออกไปพบลูกค้าพร้อมกับพี่อุ้มอิ้มด้วย เราก็จะเป็นเหมือนคนคอยจดบันทึกแล้วสรุปการประชุมให้ และได้ดูการทำงานจริง ๆ ของ AE อย่างใกล้ชิดด้วย นอกจากนี้พี่อุ้มอิ้มยังคอยสอนการทำงานต่าง ๆ ให้ด้วย ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ แต่หลังจากนั้นไม่นานพี่อุ้มอิ้มก็ได้ลาออกไป ทั้งเราและเมย์ก็เคว้งกันพอสมควร 5555
แต่เคว้งได้ไม่นานเราก็ได้พี่เลี้ยงคนใหม่! ก็คือพี่พิมนั่นเองง และไม่ใช่แค่เรา พี่พิมยังเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็ก ๆ ฝั่งมาเก็ตติ้งแทบทุกคนเลย (สตรองมากค่ะพี่พิม 5555) และนอกจากพี่พิมก็ยังมีพี่เค้กที่เข้ามาช่วยดูแล AE ตาดำ ๆ อย่างพวกเราอีกแรงหนึ่ง ขอขอบคุณพี่ ๆ ไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ
เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน ฉันใด พี่เลี้ยงเปลี่ยนงานก็เปลี่ยน ฉันนั้น
หลังจากเปลี่ยนพี่เลี้ยง พี่เค้กก็ลองเสนอให้เราทำโปรเจคใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ เราที่เข้ามาฝึกงานที่นี่เพราะอยากหาตัวเอง อยากลองทำหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยทำ เมื่อได้โอกาสนี้เราก็เลยคว้าไว้ด้วยคำว่า ได้ค่ะพี่เค้ก!
สิ่งแรกที่เราได้ทำก็คือการศึกษา LINE OA และการทำ LINE Chatbot เพื่อเป็นความรู้ไปใช้ขายงานให้กับลูกค้า ในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มทำก็ต้องใช้ความพยายามมากอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่เคยเรียนและไม่เคยแตะเรื่องนี้เลย เหมือนเริ่มใหม่จาก 0 จริง ๆ งมอยู่พักนึง ความพยายามก็เห็นผล เราเริ่มทำได้และได้ลองนำวิธีการสร้าง LINE Chatbot มา Workshop ให้กับเพื่อน ๆ ก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ยังได้พัฒนาไปเป็นคอร์สสอนฟรีให้กับคนภายนอกที่สนใจเรื่องนี้ด้วย
แต่กว่าจะได้สอนคอร์สนึงไม่ใช่ง่าย ๆ เราต้องไปศึกษา LINE Chatbot ทำการบ้านอย่างหนัก ทำสไลด์ประกอบการสอนเป็นร้อยสไลด์ (100 จริง ๆ นะ 5555) รวมถึงวางแผนรายละเอียดของคอร์สด้วย ถ้าจะบอกว่าไม่เครียดเลยก็คงจะเกินไป 5555 แต่เราก็ยังมีพี่ ๆ คอยช่วยเหลือเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพี่เค้กที่ให้โอกาสตรงนี้กับเราคอยชี้แนวทาง พี่พิมที่คอยช่วยดูเรื่องเนื้อหาในสไลด์ พี่แนทที่ช่วยเรื่องการใช้ Template และความสวยงามของสไลด์ และพี่ฟี่จากฝั่งพัฒนาซอฟต์แวร์ที่อยู่ช่วยตอบคำถาม คอยดูแลให้การสอนเป็นไปอย่างราบรื่น ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนจริง ๆ ค่ะ แล้วก็ขอบคุณอินซ์กับเมย์ที่มาช่วยต้อนรับและจัดสถานที่ด้วยจ้า
อ่านมาถึงตรงนี้บางคนอาจจะกลัวว่า เห้ย ถ้าสมัคร AE ต้องสอนคอร์สด้วยเหรอ อยากจะบอกว่าไม่ใช่น้าา พี่ ๆ ไม่มีใครบังคับเรา อย่างเมย์ที่ไม่ถนัดเรื่องการสอนพี่เค้กก็ให้เมย์ได้ลองเขียนบทความ SEO และเมย์ก็ได้พบว่าตัวเองชอบเขียนบทความก็เลยทำตรงนั้นไปยาว ๆ 5555 ส่วนเราที่อยากจะหาความชอบของตัวเองให้เจอเราเลยลองทำอะไรใหม่ ๆ ดู และเราก็ได้โอกาสนั้นคือลองสอนคอร์สของ Artisan Brain Academy อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้างแล้วเราชอบตรงนั้นไหม ฝึกงานกับอาร์ติซานคือได้ทำงานจริง ๆ แน่นอน
แต่เราก็ยังเป็น AE อยู่นะ
ถึงจะมีสอนคอร์สอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ยังได้ทำงานของ AE อยู่นะจ๊ะ เรายังได้โทรคุยกับลูกค้าที่ติดต่องานกับบริษัทอยู่เรื่อย ๆ รวมไปถึงได้ออกไปพบลูกค้า จดบันทึก สรุปการประชุม แล้วยังมีโอกาสได้ลองพรีเซ้นต์พอร์ตบริษัทให้กับลูกค้าจริง ๆ ด้วยนะ และยังได้เอาความรู้เรื่อง Chatbot ของเรามาช่วยออกแบบงานเสนอให้ลูกค้าได้ด้วย ฝึกงานที่นี่ประสบการณ์แน่นมากบอกเลย
งานนอกก็มีนะ หมายถึงงานนอกสถานที่ 5555 เหมือนได้ไปทัศนศึกษาเลย สนุกมาก งานนี้เราได้ไปกับเพื่อนที่มาจาก มช. เหมือนกัน ก็คือ สินออม อินซ์ แสตมป์ เดียร์ และขลุ่ย (ไม่ได้อยู่ในภาพ เพราะเป็นตากล้อง 555) นอกจากนี้ยังมี พี่เค้ก พี่ฟี่ พี่พิม ที่ตามไปดูแลเด็ก ๆ ตัวเล็กน่ารักอย่างพวกเรา แถมพี่เค้กยังเลี้ยงขนมอีกต่างหาก ขอบคุณค่าาา
สังคมที่นี่เป็นยังไง?
ขอเริ่มจากเพื่อน ๆ ที่ฝึกงานในแผนก Marketing ก่อนเลยแล้วกัน ก่อนที่เราจะเข้ามาฝึกงานที่นี่มี 4 สาวจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่มาฝึกงานก่อนเราประมาณเดือนนึงด้วย ก็จะมี เมย์ นก เบนซ์ น้ำผึ้ง ตอนแรกเราไม่กล้าคุยด้วย เพราะทุกคนดูเงียบ ๆ มีความหน้าดุเบา ๆ วันแรกที่เข้าไปเราไหว้เพื่อน ๆ ด้วยแหละ //เขิน แต่พอได้รู้จักจริง ๆ แล้วทุกคนเฟรนลี่คุยสนุกมาก ชอบชวนกินไก่ปิ้งข้างบริษัทเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีตูน อ้อม และขลุ่ยที่เป็นเด็กฝึกงานฝั่ง Marketing เหมือนกัน 3 คนนี้จะคล้าย ๆ กันตรงที่ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าได้ลองคุยจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วค่อนข้างกวนเลยแหละ 5555
ส่วนอีก 4 คนที่มาจากมช.เหมือนกัน แถมยังคณะเดียวกันอีก ได้แก่ สินออม อินซ์ แสตมป์ และเดียร์ ขอรีวิวด้วยมีมนี้แทน //จบการรีวิว
หยอก ๆ 5555 กับแก๊งนี้ถึงจะมาจากคณะเดียวกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกันมาก่อน อย่างเดียร์กับสินออมคือไม่เคยคุยกันเลย 5555 มาสนิทกันก็ที่นี่แหละ ไม่รู้ว่าเราเป็นคนหัวเราะง่ายหรือพวกนี้เป็นคนตลก อยู่ด้วยแล้วเราหัวเราะตลอดจนบางทีเพื่อนก็บอกให้คุยกันบ้างอย่าเอาแต่หัวเราะ 555555 ถ้าไม่มีแก๊งนี้การฝึกงานก็คงไม่สนุกขนาดนี้จริง ๆ
ต่อมาก็คือพี่ ๆ ที่ Artisan Digital หลายคนคงจะกังวลว่าพี่จะดุกันรึเปล่า จะกดดันเวลาทำงานไหม ขอบอกว่าไม่เลยจ้า Not at all พี่ ๆ น่ารักกันมาก
พี่เค้กก็จะใจดีพูดเพราะมากก ไม่ค่อยเห็นพี่เค้กดุใครเลย คอยให้คำปรึกษาเรื่องงานอยู่ตลอด แล้วก็จะเอาขนมผลไม้นั่นนี่มาฝากบ่อย ๆ น้ำหนักขึ้นแล้ววว
พี่ฟี่เป็นคนที่สุภาพแล้วก็ใจดี ที่จริงแล้วพี่ฟี่ไม่ได้อยู่ฝั่ง Marketing แต่พี่ฟี่ได้เข้ามาช่วยเราในส่วนของการสอนคอร์สต่าง ๆ ตลอด ขอบคุณค่าา
พี่พิมเป็นเหมือนที่ปรึกษาที่ทุกคนพร้อมใจกันไปหา เพราะเป็นพี่เลี้ยงของทุกคน 55555 แล้วเป็นที่ปรึกษาที่ดีของน้อง ๆ จริง ๆ พี่พิมจะตอบแชทเร็วมากก
พี่แนทก็เป็นพี่ที่ใจดีมาก ให้คำปรึกษาน้องได้เสมอ จำได้ว่ามีวันที่เราหนาวเพราะแอร์ตกใส่ นั่งสั่นแหง่ก ๆๆๆ พี่แนทก็สละผ้าห่มมาให้ อบอุ่นนน
พี่จินเป็นพี่คนแรกของอาร์ติซานที่เราได้คุยด้วย เพราะเป็นคนรับเราเข้ามา แต่ช่วงแรก ๆ ของการฝึกงานเรายังไม่ได้เจอพี่จิน เพราะพี่ลาคลอด เพิ่งจะได้มาทำงานกับพี่จินเดือนสุดท้าย แต่แค่ไม่ถึงเดือนเราก็เห็นได้ว่าพี่จินทำงานเก่งมาก เสียดายที่มีเวลาเรียนรู้จากพี่จากพี่จินน้อยไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่ทันกินขนมของพี่จิน อิอิ
นอกจากนี้ยังมีพี่ ๆ คนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้พูดถึงอีกหลายคนเลย แต่ถ้าพูดถึงทั้งหมดเดี๋ยวบทความจะยาวเกินไป 5555 ยังไงหนูก็ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่คอยดูแลและมีส่วนช่วยให้หนูได้พัฒนาตัวเองไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
การฝึกงานที่ Artisan Digital ตลอด 3เดือน เราได้มีโอกาสลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อค้นหาตัวเอง อะไรที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้เราก็ได้มาทำที่นี่ เรามั่นใจในการพรีเซ้นต์หน้าห้องมากขึ้น อย่างน้อยมือก็ไม่สั่นแล้ว ได้รู้ว่าเราทำงานด้านไหนได้ดี และยังได้เพิ่มสกิลในหลาย ๆ ด้าน ถึงจะยังไม่เจออะไรที่ตัวเองชอบมากและอยากอยู่กับมันจริง ๆ แต่เราก็ได้อะไรอีกหลาย ๆ อย่างกลับมาเหมือนกัน ขอบคุณนะ Artisan :)