[REVIEW] เปิดประสบการณ์ใหม่ ครั้งแรกในชีวิตกับการกินเนื้อม้าที่ญี่ปุ่น!!!

Meen Nattha
Artisan Digital
Published in
2 min readFeb 20, 2018

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นที่โอซาก้า โดยครั้งแรกไปญี่ปุ่นที่โตเกียวกับทัวร์ แต่ในครั้งที่ 2 นี้ได้ลองเที่ยวเอง แบ็กแพคกับเพื่อนอีก 4 คน ทริปนี้เราจองที่พักแถว Taradacho ชื่อว่า Osaka Nest Guesthouse โดยพวกเราแพลนกันไว้ว่าจะอยู่ในโอซาก้าสัก 3 วัน ไปเกียวโต 1 วัน และโกเบอีก1 วัน ซึ่งใน 3 วันนี้ ก็จะมีอยู่วันนึงที่เราจะไป USJ (Universal Studio Japan) กัน แล้วตอนขากลับที่อยู่บนรถไฟ หลังจากกลับมาจากการเล่นเครื่องเล่นที่ USJ มาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เราและเพื่อน ๆ ได้ตกลงกันไว้ว่าพวกเราจะหิ้วท้องเพื่อมากินชาบูข้างบ้านกัน (หรือข้าง guesthouse) แต่ผิดเวลาไปหน่อยเลยมาถึงร้านประมาณ 3 ทุ่มนิด ๆ มองดูจากป้ายหน้าร้านแล้ว ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกทั้งนั้นว่าข้างในพวกเราจะเจออะไร พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะเข้าไปกินกัน

แต่เมื่อเข้าไปข้างในร้าน เจ้าของร้านบอกว่า ตอนนี้ใกล้จะปิดร้านแล้ว หมูมีเหลือนิดหน่อย ที่เหลือเป็นเนื้อ พวกเราก็เลยคิดกันไปเองว่า ชาบูเนื้อก็น่าจะฟิน ๆ สักพักพอนั่งโต๊ะ เริ่มเหลือบไปเห็น ป้ายเล็ก ๆ ที่เป็นรูปม้า แล้วมีการแบ่งสัดส่วนต่าง ๆ ในรูปม้านั้นพร้อมทั้งเขียนว่าแต่ละส่วนนี้คือส่วนอะไร มีชื่อเรียกว่าอย่างไร ในตอนนั้นก็เริ่มสงสัยในใจเบา ๆ แล้วว่า เนื้อที่เขาพูดถึง มันคือเนื้ออะไรกันแน่... แต่อีกใจก็คิดว่า เราอาจจะคิดมากไปมั้ง

สักพักหนึ่ง เขาเอาน้ำซุปมาเสิร์ฟ เราก็ลองตักมาชิมคำนึง แล้วมันรสชาติดีเลย มันหอมมันหวานมาก จากนั้นเขาก็เอาผักกับเต้าหู้ขาว รวมถึงเนื้อหมู เนื้อไก่ที่ลุงแกบอกว่าเหลือไม่เยอะนั้นมาเสิร์ฟ

แล้วสิ่งสุดท้าย สิ่งที่พีคที่สุดก็ได้มาถึงบนโต๊ะแล้วค่ะทุกคน!!!!!!!!! ในใจคือ เอ๊ะ!ทำไมสีมันแปลก ๆ ทุกคนในโต๊ะเริ่มตะหงิด ๆ จึงให้เพื่อนคนนึงในทริปซึ่งสามารถพูดญี่ปุ่นได้ ถามว่าสิ่งนี้คืออะไร เขาก็บอกว่ามันคือ เนื้อม้า!!

ซึ่งตอนนั้นเราทุกคนในโต๊ะอึ้งมาก ตกใจกันสุด ไม่กล้ากิน เพราะแน่นอนว่าทั้งโต๊ะไม่มีใครเคยกินเนื้อม้ามาก่อนเลย แต่ก็ไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้ว และด้วยความที่เราเป็นคนค่อนข้างกินยาก เลยนึกภาพไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่ว่าจะกินมันลงไปได้ยังไง และในตอนนั้นเอง ด้วยความที่นั่งริมและติดกับคนเสิร์ฟ (คุณลุงเจ้าของร้าน) เขาเลยสอนวิธีกินเนื้อม้าให้เราเป็นคนแรกที่ได้ลองกิน... ไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเราโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่เนี่ย เหมือนแบบ เอาล่ะ การชิมเนื้อม้าครั้งแรกตกอยู่ที่เราคนเดียวละ ทุกคนต่างหันหน้ามามองเราราวกับว่า เอ้อสู้ ๆ นะ เสมือนเป็นความหวังของทั้งโต๊ะเลยทีเดียว เราก็ตัดสินใจเอาวะ มาถึงขนาดนี้ละ ลุยยยย!!!

โดยวิธีการกิน คือเราจะต้องตักน้ำซุปจากในหม้อ มาประมาณ 2 กระบวย จากนั้นก็เอาสิ่งมหัศจรรย์ (คล้ายกับน้ำพริกสีเขียว ๆ ขอเรียกแบบนี้เพราะเราไม่รู้ชื่อ) ใส่ลงในน้ำซุปนิดนึง คุณลุงบอกว่า ให้เอาเนื้อม้าดิบจิ้มกับซอสสีดำ ๆ ที่มีความหวาน ๆ เค็ม ๆ
คือมันกินดิบได้ แต่ลุงย้ำว่า Japan Only นะ!! ในตอนนั้นเราก็ยึก ๆ ยัก ๆ ไม่กล้า แต่ด้วยสายตาที่กดดันของคุณลุงและเพื่อนร่วมโต๊ะนั้น ทำให้เราต้องกินมันเข้าไป คำแรกที่เนื้อม้าสัมผัสกับลิ้น คือ มันเหมือนปลาดิบผสมกับหมูชาบู มัน อร่อยมาก!!!!!!!!!

ความรู้สึกก่อนกินคือ ต้องมีกลิ่นคาวเนื้อสดแน่ ๆ เลย แต่พอได้กินเข้าไปเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย และยิ่งจิ้มกับซอสสีดำ ยิ่งได้ความหวานของเนื้อม้ามากขึ้น เราเริ่มติดใจ และอยากลองกินในแบบอื่น ๆ อีก เราทำตัวเป็นนักเรียนที่ดีของคุณลุงทันที

แบบที่สอง คือกินแบบชาบู แต่อย่าสุกมากไป เพราะมันจะเหนียว ซึ่งบอกเลยว่า มันดีมาก ได้ความเผ็ดร้อนนิด ๆ จากน้ำพริกเขียวแต่ก็ยังมีความหวานของน้ำซุปเข้าไปด้วย ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว คือทั้งสองแบบ มันดีมากจริง ๆ แบบที่เราไม่เคยได้ลองอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต (แต่โดยส่วนตัวแล้วแอบเทใจให้กับการกินเนื้อม้าดิบจิ้มซอสมากกว่านิดนึง เพราะเราจะรับรู้รสชาติและรสสัมผัสของเนื้อม้าสด ๆ ที่นุ่มละมุนลิ้นมากกว่าแบบชาบู) กลับกลายเป็นว่าทุก ๆ คนรุมกันกินเนื้อม้าแทนที่จะกินเนื้อหมูและเนื้อไก่ที่คุณลุงเสิร์ฟมาให้ในตอนแรก

คงต้องขอบคุณความไม่รู้ ความหิวของพวกเราทุกคนที่ไม่ได้เช็คเมนูในวันนั้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราได้มาเจอสิ่งที่วิเศษมากสิ่งนึง รวมถึงการได้ลองออกจากกรอบ ลองทำในสิ่งที่เราไม่คิดจะทำมาก่อน จนถึงทุกวันนี้เรายังคิดอยู่เสมอว่า ถ้าวันนั้น เราไม่กล้ากินเนื้อม้าและเลือกที่จะปฏิเสธการรับเอาประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต เราคงไม่รู้เลยว่า ยังมีเนื้ออีกหนึ่งชนิดที่มีความอร่อย จนทำให้เราติดใจ และเป็นที่หนึ่งในใจเรา จนอยากกลับไปทานอีกครั้งให้จนได้

--

--