Tokenization คืออะไร: ทำไม และทำไมต้องตอนนี้
โดย Ava Labs
ภาพรวม
เนื่องจากการใช้งานและแอปพลิเคชันในโลกแห่งความจริง ได้มีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้มากขึ้น การทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่นวัตกรรมนี้สามารถมีต่อการจัดการสินทรัพย์และการเป็นเจ้าของจึงมีความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา
Tokenization (การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็นดิจิทัล) เป็นกระบวนการของการใช้บล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) เพื่อสร้างโทเค็นดิจิทัลที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของหรือสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์อ้างอิงไว้ โทเค็นเหล่านี้สามารถออกให้ได้ ซื้อขาย และจัดการได้บนบล็อกเชน ในขณะที่ตัวอย่างพบเจอได้ทั่วไป คือจำพวกสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้นของบริษัท สินค้าทางกายภาพหรือสินค้าโภคภัณฑ์ยังสามารถทำเป็นโทเค็นได้ Tokenization ได้รับการพิจารณามากขึ้นว่าเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่มีเป็นไปได้มากที่สุดของบล็อกเชน โดยมีศักยภาพในการปฏิวัติเศรษฐกิจโลกได้ในหลายวิธี
การปรับปรุงตลาดทุน (Capital market) เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ไปทำการลดค่าธรรมเนียม ไปจนถึงความโปร่งใสของข้อมูล Tokenization อย่างเดียวก็ช่วยเติมเต็มในหลาย ๆ ด้าน ในรายงานล่าสุดเกี่ยวกับ Tokenization นั้น Citibank คาดการณ์ว่าสินทรัพย์ทางการเงินส่วนตัวและในโลกแห่งความเป็นจริงที่จะมาเป็นโทเค็นดิจิทัลจะมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 ด้วยกัน ก้าวไปอีกขั้น Boston Consulting Group (BCG) โดยร่วมมือกับ ADDX ได้คาดการณ์ส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ขึ้นสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องที่แปลงเป็นโทเค็น ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ส่วนบุคคลที่นอกเหนือไปจากสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ และ BCG คาดการณ์ไว้ว่าขนาดโดยรวมของการแปลงสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องเป็นโทเค็น ทั่วโลกจะอยู่ที่ 16 ล้านล้านดอลลาร์ภายในช่วงเวลาเดียวกัน ปัจจุบันนี้ การซื้อขายสินทรัพย์ที่เป็นโทเค็นในตลาดรองมีมูลค่าตลาดประมาณ 25 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย STM ดังนั้นการคาดการณ์เหล่านี้คาดว่าจะเติบโตเป็น 200 เท่า เฉพาะในทศวรรษนี้เพียงอย่างเดียว
ในบทความนี้ เราจะหารือเกี่ยวกับโอกาสใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี tokenization
ตัวอย่างของ Tokenization แบบ Off-Chain Asset (OCA):
Real Estate Tokenization
เมื่อสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น กรรมสิทธิ์/ทรัพย์สิน ถูกแปลงเป็นโทเค็น แต่ละโทเค็นสามารถแสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินบางส่วนได้ ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนที่เล็กลงได้
Art and Collectibles
เมื่องานศิลปะที่มีมูลค่าหรือสินค้าฟุ่มเฟือย ได้ถูกแปลงเป็นโทเค็น นักลงทุนจะสามารถเป็นเจ้าของส่วนแบ่งของงานศิลปะหรือของสะสม และเป็นการเพิ่มการเข้าถึงในตลาดด้านศิลปะ
Company Equity (หุ้นบริษัท)
การเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ ก็สามารถแปลงเป็นโทเค็นได้ บริษัทที่จัดตั้งขึ้นสามารถระดมทุนและออกโทเค็นแทนส่วนของผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้องได้ อีกทางหนึ่งคือ บริษัทที่มีนักลงทุนอยู่แล้วสามารถออกโทเค็นที่เป็นตัวแทนของหุ้นตามสัดส่วนเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากบล็อกเชนได้เช่นกัน โดยแต่ละชนิดของหน่วยลงทุน (share class) (เช่น common กับ preferred) สามารถแสดงออกได้ด้วยโทเค็นหลักทรัพย์ที่แตกต่างกัน
Venture Capital
สิทธิ์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด (LP) สามารถเป็นโทเค็นได้ การสร้างตลาดรองสำหรับผลประโยชน์ของ LP ช่วยให้ LPs ทั้งหลายสามารถซื้อขายระหว่างกันได้ สร้างโอกาสที่เป็นทางออก ซึ่งส่งผลให้ GPs ไม่จำเป็นต้องทำการไถ่ถอน สิ่งนี้ทำให้เงินทุนที่ไว้ใช้งานทั่วไป ยังคงใช้งานได้โดยไม่ต้องปิดชำระ (liquidate) สถานะของกองทุนเพื่อตอบสนองกับคำขอไถ่ถอนของ LP
Debt Instruments (ตราสารหนี้)
บริษัทสามารถออกตราสารหนี้ในรูปแบบโทเค็นได้ ผู้ถือโทเค็นแต่ละรายอาจให้ยืมเงินทุนเพื่อแลกกับดอกเบี้ยที่ได้รับ ไม่ว่าจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดหรือผ่านการชำระด้วยคูปองเป็นงวด เมื่อตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทต่างๆ ได้แปลงเป็นโทเค็น เจ้าหนี้สามารถติดตามและซื้อขายตราสารหนี้ของตนบนบล็อกเชนได้ง่ายกว่าวิธีการที่ใช้ในปัจจุบัน
Intellectual Property (สินทรัพย์ทางปัญญา)
ทรัพย์สินทางปัญญาที่แปลงเป็นโทเค็น (IP) อาจเปิดประตูให้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมมากขึ้นผ่านเป็นเจ้าของในบางส่วน เจ้าของ IP เริ่มต้นสามารถแปลงเป็นโทเค็นบางส่วน หรือทั้งหมด 100% ของ IP ของตนก็ได้ สิ่งนี้อาจช่วยให้พวกเขามีสภาพคล่องในช่วงเริ่มต้น ในขณะที่นักลงทุนจะมีส่วนร่วมในส่วนแบ่งรายได้/กำไรที่สอดคล้องกัน หรือส่วนต่างกำไรจากการเป็นเจ้าของในส่วนหนึ่งของ IP
ประโยชน์หลักของบล็อกเชน และการแปลงเป็นโทเค็น แบบ OCA:
- อัตโนมัติ และลดค่าใช้จ่าย
- โปร่งใส และตรวจสอบได้
- เข้าถึงง่าย และไม่แบ่งแยก
- การมีส่วนร่วม และอรรถประโยชน์
- เพิ่มสภาพคล่อง และผลิตภาพสินทรัพย์
- การกระจายการลงทุนใน Portfolio
อัตโนมัติ และลดค่าใช้จ่าย
Smart contracts สัญญาอัจฉริยะเป็นโปรแกรมที่อนุญาตให้บล็อกเชนทำธุรกรรมและถ่ายโอนได้อย่างอัตโนมัติ โดยพวกเขาดำเนินการตั้งโปรแกรมบางอย่างไว้ล่วงหน้า และเมื่อไหร่ที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้านี้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถใช้การเพื่อออกสินทรัพย์บนเครือข่าย เพื่อการจัดการ และเพื่อกระบวนการชำระบัญชี ด้วยเหตุนี้จึงสามารถลดความต้องการในการใช้บริการ ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับตัวกลางออกไปได้ ตัวอย่างเช่น สามารถช่วยลดข้อมูล การวิเคราะห์ และค่าใช้จ่ายในการรายงานสำหรับสิ่งต่างๆ เช่น การจัดจำหน่ายและการตรวจสอบ การตรวจสอบสินทรัพย์ การดำเนินการของบริษัท และการเบิกจ่ายกองทุนตามงวดอื่นๆ ซึ่งในอดีตเป็นภาระในการดำเนินงาน ต้องใช้แรงงานคน และยืดเยื้อ
ความโปร่งใส และตรวจสอบได้
การทำธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์โทเค็นบนบล็อกเชนสาธารณะจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นจึงตรวจสอบได้ บล็อกเชนมีศักยภาพในการปรับปรุงกลไกการประเมินมูลค่าและการรายงานเบื้องหลังของสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ คุ้นเคยกับความยุ่งยากในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบัน การประมาณค่านี้มักเป็นแบบอัตวิสัย และค่อนข้างเป็นความยากลำบากในการประเมิน เนื่องจากลักษณะการคำนวณที่ต้องลงมือทำเอง ประกอบกับการขาดโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคเพื่อรองรับกระบวนการจัดทำเอกสารที่เป็นกระดาษซึ่งพบได้ทั่วไปในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลบนคลาวด์เพื่อจัดการเอกสารเหล่านี้ทางออนไลน์นอกเหนือจาก advanced webhooks เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับชุดข้อมูลแต่ละชุด โดยไม่คำนึงถึงประเภทหรือขนาดสินทรัพย์ ตอนนี้จึงเป็นไปได้ที่จะเสนอความโปร่งใสในการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน, มูลค่า NAV พอร์ตโฟลิโอของกองทุน hedge fund หรือมูลค่าตลาดของตราสารหนี้แบบ real-time (ตามเวลาจริง)
นอกจากนี้ ข้อมูลตามเวลาจริงจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ เราสามารถเชื่อถือได้ในข้อมูลที่ถูกจัดเก็บและนำเสนอออกมา ซึ่งอาจพิสูจน์ได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อต้องรับมือกับสินทรัพย์และนักลงทุนจากประเทศต่างๆ และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ แต่ด้วยการเก็บบันทึกที่ดีขึ้น และแหล่งที่มาได้ผ่านการแฮชเพื่อเข้ารหัสของแต่ละข้อมูลที่มีการอัปโหลด เปลี่ยนแปลง และดาวน์โหลด เราสามารถสร้างร่องรอยการตรวจสอบข้อมูลดิจิทัลได้ตลอดทั้งอายุของสินทรัพย์ และเชื่อมโยงบันทึกเหล่านั้นโดยตรงกับโทเค็นที่อยู่ภายใต้นั้นขึ้นบนเครือข่าย
ความโปร่งใส การตรวจสอบได้ และข้อมูลตามเวลาจริงของสินทรัพย์ที่เป็นโทเค็น จำเป็นสำหรับสถาบันหรือบุคคลที่กำลังมองหาการลงทุน หรือรับเงินกู้ หรือเปิดสถานะการค้ำประกัน (collateralized position) ในสินทรัพย์ และจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์มูลค่าที่เหมาะสม
เข้าถึงได้ง่าย และไม่แบ่งแยก
Tokenization มีศักยภาพในการทำให้มีการเข้าถึงตลาดทุนอย่างเป็นประชาธิปไตยสำหรับผู้ยื่นกู้และโอกาสในการลงทุนและการจัดสรรเงินทุนสำหรับผู้ให้กู้ เนื่องจากการประหยัดต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นและประสิทธิภาพที่ได้รับจากการออกสินทรัพย์และการจัดการแบบออนไลน์ ขนาด/มูลค่าของข้อตกลงที่เล็กลงและการลงทุนขั้นต่ำที่ต่ำกว่าทำให้ในเชิงเศรษฐกิจนั้นเติบโตขึ้น สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินทรัพย์เหล่านั้นซึ่งถือว่ามีสภาพคล่องต่ำมาแต่เดิม หรือจำพวกหลักทรัพย์ในตลาดเอกชน ซึ่งกระบวนการที่ดำเนินการด้วยมือ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในอดีตได้กีดกันกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่เข้าถึงได้ เช่นเดียวกับบริษัทที่ระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยผ่านการระดมทุนที่มีการควบคุม
การมีส่วนร่วม และอรรถประโยชน์
ด้วยผู้ถือครองโทเค็นบนบล็อกเชน มันอาจง่ายกว่าที่จะมีส่วนร่วมกับพวกเขาโดยตรงและให้ประโยชน์ใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่ง Block explorers (เครื่องมือใช้ค้นหาบนบล็อกเชน) ให้การเขาถึงการลงทะเบียนโดยตรงเพื่อทำความเข้าใจในแต่ละกระเป๋าที่เป็นเจ้าของโทเค็น โดยในระบบนิเวศที่ได้รับการควบคุมและสอดคล้องกับการทำ KYC นายหน้าหรือตัวแทนการโอน จำเป็นต้องเชื่อมโยงแต่ละกระเป๋า เข้ากับตัวตนของนักลงทุน (การระบุตัวตน) ทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถมีส่วนร่วมได้โดยตรงร่วมกับแต่ละกระเป๋าผ่านการทำ airdrops การโหวตเพื่อการกำกับดูแล และกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ การให้ประโยชน์และการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้ถือโทเค็น ดังที่เห็นในอุตสาหกรรม Web3 สามารถสร้างความรู้สึกที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของชุมชน และความภักดีต่อแบรนด์
ด้วยเหตุผลนี้ โซลูชันด้านความภักดีที่ขับเคลื่อยนด้วยชุมชน Web3 ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการบนบล็อกเชนจึงมีจำนวนเพิ่มขึ้น แพลตฟอร์มเหล่านี้ ทำให้แบรนด์ทุกขนาด สามารถจัดตั้งรูปแบบสัมพันธ์โดยตรงร่วมกับแฟนตัวยง เชื่อมต่อได้โดยตรง และตอบแทนแฟน ๆ สำหรับการกระทำที่มีคุณค่า
เพิ่มสภาพคล่อง และผลิตภาพสินทรัพย์
ด้วยความสามารถในการแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ที่ดีมากขึ้น และมีฐานนักลงทุนที่กว้างขึ้น การแปลงเป็นโทเค็นยังมีศักยภาพในการอำนวยความสะดวกด้านอุปสงค์และอุปทานที่มากขึ้น — ทำให้ตลาดรองมีสภาพคล่องมากขึ้น โปร่งใส มีประสิทธิภาพและมีค่าธรรมเนียมต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับตลาดรองบางส่วนที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ข้อดี คือโทเค็นยังสามารถใช้ร่วมกับแอปพลิเคชันบล็อกเชนที่ผู้ใช้งานดำเนินการด้วยตนเอง ทำให้ใช้งานสินทรัพย์ได้มากขึ้น เนื่องจากการแปลงเป็นโทเค็น สินทรัพย์ที่เคยยากหรือไม่สามารถใช้เป็นหลักประกันอะไรได้ ขณะนี้สามารถใช้ในวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น งานศิลปะ และอสังหาริมทรัพย์ที่แบ่งย่อยส่วนกันได้
กระจายการลงทุนใน Portfolio
ในขณะที่นักลงทุนมักเข้าร่วมในตลาดลงทุนสาธารณะ พันธบัตร และประเภทสินทรัพย์อื่น ๆ การลงทุนทางเลือกและตลาดเอกชนไม่ได้มีบทบาทสำคัญในพอร์ตการลงทุนของคนทั่วไป อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย รวมถึงยอดขั้นต่ำในการลงทุนที่สูงที่เป็นสิ่งกีดขวาง และการขาดสภาพคล่อง เมื่อออกให้เป็นไปตามกรอบการกำกับดูแลที่มีอยู่ (เช่น ระเบียบ D, S, A+ และ CF) การแปลงเป็นโทเค็นสามารถช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคทั้งสองนี้ได้จากมุมมองทางเทคโนโลยี
ผลงานวิจิตรศิลป์ (Fine art) เป็นตัวอย่างที่ดี คนทั่วไปไม่ลงทุนในงานศิลปะเนื่องจากมีการลงขั้นต่ำที่มีมูลค่าสูง บริษัทต่าง ๆ กำลังแยกส่วนของงานศิลปะที่มีคุณภาพระดับพิพิธภัณฑ์ เช่น ภาพวาดของ Andy Warhol หรือ Banksy โดยใช้ข้อยกเว้นด้านการระดมทุน ซึ่งใครก็ตามที่ได้รับการรับรอง (accredited) หรือรายย่อย ก็สามารถที่จะมาเข้าร่วมได้ สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนสามารถจัดสรรพอร์ตการลงทุนบางส่วนของพวกเขาในผลงานศิลปะได้ ในขณะที่สามารถขาย positions นี้ของตนให้กับนักลงทุนรายอื่นได้ในกรณีที่พวกเขาต้องการมีสภาพคล่อง
บทสรุป
เราอยู่ในแนวหน้าของยุคสมัยอันน่าตื่นเต้นในการจัดการสินทรัพย์และการเป็นเจ้าของ เมื่อ Tokenization กำลังได้รับความนิยม ช่วยให้ธนาคาร บริษัทบริการทางการเงิน และเจ้าของสินทรัพย์สามารถออกและจัดการสินทรัพย์ประเภทใดก็ได้ — ไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ในบริษัท อสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ หรือสินทรัพย์ที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม —ที่อยู่ ภายในระบบนิเวศเดียวกันทุกที่ทั่วโลก แต่เดิมการรับมือ จัดการกับสินทรัพย์ประเภทนี้จำเป็นต้องมีกระบวนการที่ทำด้วยมือ เพื่อให้บริการและตรวจสอบธุรกรรมแต่ละรายการ อย่างไรก็ตาม ด้วยการทำให้ขั้นตอน ได้กลายมาเป็นมาตรฐานผ่านการแปลงเป็นโทเค็น บริษัทต่างๆ สามารถทำธุรกรรมแต่ละรายการได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และเพิ่มความเร็วในการโอนและชำระทางบัญชี
การแปลงสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริงให้เป็นโทเค็น มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมบล็อกเชน โดยมีภารกิจในการอัปเกรดบริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินส่วนใหญ่ที่มีอยู่ใน Wall Street ให้ปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงได้มากขึ้น ในขณะที่สถาบันต่าง ๆ นำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างต่อเนื่อง เราสามารถคาดหวังที่จะมีการกำหนดมาตรฐานใหม่ กฎระเบียบที่ต้องปรับตัว และการพัฒนาด้านการเงิน
คำศัพท์เฉพาะทาง
Accredited investor — บุคคลหรือองค์กรธุรกิจที่มีคุณสมบัติตรงตามลักษณะบางประการ ซึ่งอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะโดยทั่วไป
Block explorer — ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดึงข้อมูล แสดงภาพ และตรวจสอบประวัติธุรกรรมบนบล็อกเชน
Blockchain — โครงสร้างพื้นฐานของฐานข้อมูลที่มีการกระจายตัว และกระจายอำนาจ ที่คอยรักษารายการบันทึกทางข้อมูลซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถูกเชื่อมโยงโดยใช้การเข้ารหัส
ตราสารหนี้ (Bond) — เครื่องมือทางการเงิน เป็นตัวแทนของหนี้จากนักลงทุนกับผู้ขอกู้เงินที่เป็นบริษัท หรือรัฐบาล
สถานะค้ำประกัน (Collateralized position) — การใช้สินทรัพย์ที่มีมูลค่า หรือสินทรัพย์หลายรายการเพื่อค้ำประกันสำหรับหนี้สิน
NAV — Net Asset Value คือมูลค่ารวมของ portfolio ของสินทรัพย์ในกองทุน หรือ portfolio นั้น
On-Chain Finance — OnFi คือการใช้ DeFi ดั้งเดิม กับสัญญาอัจฉริยะเพื่ออัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานและขั้นตอนการบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม
อสังหาริมทรัพย์ (Real estate) — ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ติดตั้งอยู่ในพื้นที่นั้น
มาตรฐานการดำเนินงาน (Standardization) — กระบวนการสร้าง template ที่ยอมรับโดยทั่วไปและวิธีการที่คล่องตัวสำหรับการให้บริการลูกค้าและการทำธุรกรรม
หุ้น (Stock) — หลักทรัพย์ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในสัดส่วนของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์
การแปลงเป็นโทเค็น (Tokenization) — การออกโทเค็นบล็อกเชนที่แสดงถึงส่วนแบ่งของสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริงที่ใช้ภายในโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน (on-chain) เพื่อการเป็นเจ้าของ การชำระบัญชี และการจัดการสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นตลอดวงจรชีวิตของมัน
การประเมินมูลค่า (Valuation) — กระบวนการกำหนดมูลค่าของการลงทุน ทรัพย์สิน หรือหลักทรัพย์ที่อาจมีขึ้น
___
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
รายงานนี้จัดทำโดย Ava Labs และจัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น โดยไม่มีการรับรอง การรับประกัน หรือการการันตีใด ๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนโดย Ava Labs, Inc., Avalanche Foundation Limited หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนหรือทางการเงินใด ๆ โปรดศึกษาที่ประกาศฉบับนี้และดำเนินการค้นคว้าวิจัยของคุณเองเพื่อประเมินความเสี่ยงและผลประโยชน์ของโครงการใด ๆ อย่างเหมาะสม