รีวิวหนึ่งปีของโดม กับการเป็น BASE AMBASSADOR GEN.01

Dome Moonphant
BASE Playhouse
Published in
3 min readJun 26, 2020
BASE Ambassador Gen.01

โดยทั่วไปแล้ว ไพ่สำรับหนึ่งมี 54 ใบ ในไพ่แต่ละใบย่อมมีบทบาทหน้าที่ ที่ลดหลั่นกันไปในแต่ละเกม คนที่ถือไพ่ที่แต้มน้อยสุด (ในบางเกม) อย่าง สองดอกจิก ย่อมรู้ตัวว่า เกมนี้เขา ‘มีความเป็นไปได้สูง’ ที่จะไม่ชนะ…แล้วทำไมเขาถึงแค่ ‘มีความเป็นไปได้สูง’ แต่ไม่ถึงขั้นแพ้แน่ ๆ เพราะในสำรับไพ่มีตัวละครที่เรียกว่า ‘โจ๊กเกอร์’ ซ่อนอยู่ด้วยถึงสองใบ ที่สามารถพลิกเกมจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ทำให้เกมนี้ไม่แน่นอนและเร้าใจที่จะเล่น ชีวิตของเราก็เช่นกัน อย่างน้อยก็โดมเอง ที่เกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลาง เรียนอยู่โรงเรียนเอกชนใกล้บ้านในจังหวัดนนทบุรี เป็นเด็กชอบเรียนหนังสือ ไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรม ในหนึ่งวันใช้ชีวิตเป็นเส้นตรง บ้าน…โรงเรียน…บ้าน แต่แล้วไพ่ที่เรียบง่ายและจืดชืดนี้ก็เปลี่ยนไป ด้วยไพ่โจ๊กเกอร์ที่จั่วขึ้นมา ที่มีชื่อว่า BASE Ambassador…

DRAW (ไพ่ใบเดิม เพิ่มเติมคือโจ๊กเกอร์ที่จั่วขึ้นมา)

มันเป็นช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ในระดับชั้นม.5 ของโดม (พ.ศ.2562) ที่ทาง BASE Playhouse ประกาศรับสมัคร BASE Ambassador รุ่นแรก ความรู้สึกแรกเลยที่เข้ามาในหัวในตอนนั้น คือความตื่นเต้นสุด ๆ แบบ Oh my God เพราะว่าทุกคนที่เคยเข้าค่ายของ BASE Playhouse คงเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แค่เข้าค่ายก็ได้รับสิ่งสุดยอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ เพื่อน ๆ ประกอบรวมกันเป็นความประทับใจที่มีต่อบ้านหลังนี้ เกิดความรู้สึกที่อยากหวนกลับบ้านหลังนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมาเข้าคอร์สฝึกทักษะใหม่ หรือกลับมาลับคมทักษะเดิมก็ตาม แต่นี่คือ BASE Ambassador สุดยอดของสุดยอดโอกาสในการกลับบ้าน ความรู้สึกแบบเราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังใหญ่นี้ และยังมีบทบาทในการสร้างบ้านหลังนี้ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เรียกได้ว่า Exclusive สุด ๆ แน่นอนว่าเป็นใครก็คงเก็บไพ่ใบนี้ไว้กับตัว แต่โดมไม่ใช่ (ในตอนแรก)

.

โดมยังคงเป็นโดม เป็นไพ่ใบเดิม ที่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะรับไพ่ใบนี้ ไหนจะเรื่องของเวลาที่โดมวางแผนไว้ล่วงหน้าสำหรับเรียนพิเศษ ไหนจะเรื่องของสถานที่ (ที่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าที่ไหน) อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโดมจะมีเหตุผลให้ไม่รับไพ่ใบนี้มากมายร้อยแปดพันประการ สุดท้ายแล้ว โดมก็รับไพ่ใบนี้มา เพราะใจสั่งมา (ก็เลยมาร้องเพลงบอก~ แฮ่!) เอาจริง ๆ คือโดมรู้สึกว่าไพ่ใบนี้ คุ้มค่าที่จะเสี่ยง คุ้มค่าที่จะทำให้โดมออกมาจาก Comfort Zone ไพ่ใบนี้จะมอบประสบการณ์ที่หาได้ยากให้กับชีวิตของเด็กม.ปลายคนหนึ่ง เสมือนความฝันที่หลุดออกมาจากโลกดิสนีย์ บวกกลับเหตุผลประกอบอย่าง การที่คุณแม่ของโดมสนับสนุนเต็มที่ ช่วงปิดเทอมที่ยังพอมีช่องว่างสำหรับไพ่ใบนี้ และการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยของโดมที่เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว นั่นแหละครับคือจุดเริ่มต้นของไพ่ใบเดิมกับโจ๊กเกอร์ที่จั่วขึ้นมา

.

เมื่อใจดวงน้อย ๆ นี้ได้ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองแล้ว โดมก็ได้เริ่มการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของโดม ด้วยการกดเข้าไปในลิงก์แบบสมัคร BASE Ambassador โดมจำได้เลยว่า โดมตั้งใจตอบคำถามแต่ละข้อมากกก ไม่นาน วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พี่แจ็คกี้ Game Designer ประจำ BASE Playhouse และเป็นพี่ดูแลโปรเจกต์ BASE Ambassador ก็ติดต่อมา แจ้งวันสัมภาษณ์ โดมจำได้เลยว่า วันก่อนวันสัมภาษณ์รวมถึงวันสัมภาษณ์ คือตื่นเต้นมากก ตื่นเต้นกับประสบการณ์ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ตื่นเต้นกับการผจญภัยเข้าเมืองในครั้งนี้ (อินทูดิอันโนนน~) คือเป็นคนใช้ชีวิตเส้นตรงต้องเข้าใจเนอะ ว่าชีวิตโดมก่อนหน้านี้ก็มีแค่เรียนกับกลับบ้าน การเดินทางเข้าเมืองไปในที่ที่ไม่รู้จักเลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ๆ และวันนั้นโดมก็พาคุณแม่มาด้วย

.

พอถึงสถานที่สัมภาษณ์ หรือที่รู้จักในภายหลัง ‘ฐานทัพ BASE Playhouse’ สิ่งแรกที่ได้เห็น ก็คือผู้จั่วโจ๊กเกอร์คนอื่น ๆ ที่มีความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ อุดมการณ์ คล้าย ๆ กัน ซึ่งพวกเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะเคยเจอกันมาในค่ายของ BASE Playhouse ก่อนหน้านี้แล้ว อย่างเอกหรือพี่แพรว แต่ที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น คือได้เจอพี่แบมแบม แต่ก่อนเคยเรียนภาษาจีนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็พาเราสองคนกลับมาเจอกันอีกครั้ง แค่เริ่มต้นก็พิเศษแล้ว ในส่วนของการสัมภาษณ์นั้นขอไม่เล่านะ อิอิ เป็นความลับทางราชการ

.

หลังจากที่มีประกาศออกมาว่าผู้จั่วโจ๊กเกอร์เจ็ดคนได้ผ่านการสัมภาษณ์ พี่แจ็คกี้ก็ติดต่อมาอีกครั้ง เพื่อที่จะนัดถ่ายรูปโปสเตอร์ BASE Ambassador รุ่นที่หนึ่ง โดมจำได้ว่า วันถ่ายรูปตรงกับวันสอบปลายภาคครึ่งเช้าของโดมพอดี วันนั้นคือตื่นเต้นมาก ไม่ใช่เรื่องสอบนะ แต่เป็นเรื่องการถ่ายภาพ โดมไม่เคยเข้าเซตถ่ายภาพมาก่อน (ไม่นับพวกถ่ายบัตรนักเรียนเนอะ 555) เป็นครั้งแรกเลยในชีวิต เช่นเคย คุณแม่ก็พาโดมไปสถานที่ที่นัดไว้ สิ่งหนึ่งเลยที่โดมจำได้ในวันนั้น ก็คือ ทุกคนถ่ายภาพ อัดวิดิโอเปิดตัวออกมา ได้เป็นตัวของตัวเองมาก ทุกคนกล้าที่จะแสดงออกมาก หลังจากจบวันนั้น โดมก็ตั้งเป้าหมายแรกกับตัวเองว่า นับจากวันนี้ไป เราจะต้องแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้มากขึ้นในทุกท่วงท่าอริยาบท รวมถึงการแสดงจุดยืน ความคิดเห็นของตัวเองอย่างสร้างสรรค์ ให้สมกับการเป็น BASE Ambassador รุ่นนี้ในธีมที่มีชื่อว่า Beyond Your Limits

GAME ON (โจ๊กเกอร์กับเกมชีวิตใหม่)

หลังจากได้รับการคัดเลือกเป็น BASE Ambassador สิ่งแรกที่เข้ามาคือเทรนนิ่ง ระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน ในส่วนเนื้อหาหรือหัวข้อต่าง ๆ จะให้พูดทั้งหมดในที่นี้ก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่า มันก็คือทักษะต่าง ๆ ที่สำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงานในสังคม ซึ่งจริง ๆ แล้ว ทักษะเหล่านี้ เราทุกคนก็ผ่านมือผ่านตากันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน หรือในชีวิตประจำวัน เพียงแต่พี่ ๆ จาก BASE Playhouse ได้ทำการจัดหมวดหมู่ จัดโครงสร้าง แสดงและสาธิตให้เห็นภาพมากขึ้นว่า ทักษะเหล่านี้มีภาพรวม มีหน้าตา เป็นอย่างไร ทำให้พวกเราทั้งเจ็ดคนเข้าใจและรู้จักทักษะต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ทุก ๆ ครั้งที่พวกเราเจ็ดคนจบการเทรนนิ่งหนึ่งครั้ง ก็จะต้องทำการทบทวน ตกตะกอนสิ่งที่เรียนมา หรือที่เรียกว่า ‘Reflection’ มันคือการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ค่อย ๆ นั่งคิดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปว่าสะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง มีความสอดคล้องอะไรในชีวิตของเรา รวมถึงจะนำมาประยุกต์ หรือนำมาปรับปรุงกับตัวเองในด้านไหนได้บ้าง (เพราะฉะนั้นแล้ว ใครสนใจเนื้อหาของเทรนนิ่งของ BASE Ambassador รุ่นของเรา ก็สามารถไปตามอ่านกันได้เลยที่เฟซบุ๊กหรือไฮไลต์ในอินสตาแกรมของพวกเราเจ็ดคน Dome Moonphant เฟซบุ๊กของโดม และ Domedepito อินสตาแกรมของโดม)

เทรนนิ่งครั้งแรก

นอกจากเทรนนิ่งในครั้งนี้ จะอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระแล้ว ยังแฝงไปด้วยข้อคิดทรงคุณค่าอีกด้วย นั่นก็คือ..คือ..คือ! การมีทัศนคติแบบเติบโต หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันว่า ‘Growth Mindset’ เพราะว่าในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เราจะต้องเปิดใจกับมัน และพร้อมที่โอบกอด ไม่ปิดกั้น ในบางครั้ง เราต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ความกลัวอาจเกิดขึ้นได้ แต่อย่าทำให้เราต้องพลาดโอกาสดี ๆ ไป การเอาชนะความท้าทายได้ย่อมไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลยหากเราไม่ได้เรียนรู้อะไรระหว่างทาง และความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหากเราได้เรียนรู้จากมัน ดีซะอีก ยิ่งเราล้มเร็ว ก็ได้รู้เร็ว แล้วลุกขึ้นมาพร้อมที่จะยิ้มรับปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ในการเทรนครั้งนี้ของโดม โดมได้เผชิญหน้ากับความท้าทายที่เรียกว่า ‘การเดินทางระยะไกล (ออกจากจังหวัดนนทบุรี 555) ด้วยตัวเองคนเดียว’ เนื่องจากโดมเป็นคนนั่งรถโรงเรียนแต่เด็กจนโต เรียนใกล้บ้าน ไม่เคยกลับบ้านดึก ไปเรียนพิเศษก็มีคนไปรับไปส่ง นี่จึงเป็นความท้าทายของโดมมาก ๆ แต่ในเมื่อเราถือไพ่โจ๊กเกอร์นี้แล้ว ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง โดมจำได้เลยว่า การเดินทางวันแรกของโดมสนุกมากก นั่งต่อรถเป็นทอด ๆ จนถึงบ้าน ประมาณสองชั่วโมง คำว่า ‘สนุก’ ไม่ได้ประชดจริง ๆ นะ คือระหว่างทาง โดมก็ได้เห็นผู้คนมากมายที่มาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน อาชีพที่ต่างกัน การสู้ชีวิตของพวกเขา ทำให้รู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่จรรโลงใจมาก ๆ นี่ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างของการเผชิญหน้ากับความท้าทาย จริง ๆ ความท้าทายนี้ไม่ได้จบง่าย ๆ แค่วันเดียวหรอกครับ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นหลังจากนั้น… แต่เอาเป็นว่าตอนนี้โดมก็ไปไหนมาไหนคนเดียวได้มากขึ้นแล้วว เย่

.

ยิ่งไปกว่านั้น โดมยังได้มิตรภาพ ได้รู้จักเพื่อน ๆ อีกหกคนมากขึ้น (รวมถึงพี่ ๆ ด้วย) ผ่านการใช้เวลาร่วมกัน เทรนร่วมกัน แสดงความคิดเห็นร่วมกัน นอกจากการเทรนแล้ว พวกเรายังมี BASE Ambassador Trip ด้วย เป็นทริปสั้น ๆ ทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น รู้จักแต่ละคนทุกซอกทุกมุม (จริง ๆ ก็ไม่ขนาดนั้น แต่เอาเป็นว่า รู้จักกันจนเผากันได้ แต่เนื่องจากโดมเป็นคนดี จะไม่มีใครโดนเผาในนี้ 555) แต่เกมยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเรายังมีโปรเจกต์ของ BASE Ambassador ที่ต้องทำ สิ่งที่ได้เรียนรู้และทักษะที่ได้ฝึกฝนมาตลอดจะถูกประเมิน มิตรภาพที่สร้างขึ้นมาจะถูกทดสอบ แล้วพวกเราทั้งเจ็ดจะเป็นอย่างไร…

All in (เทหมดหน้าตัก)

นอกจาก พวกเราทั้งเจ็ดคนจะได้รับการเทรนจากพวกพี่ ๆ แล้ว พวกเราต้องทำโปรเจกต์ออกมาด้วยเช่นกันเพื่อเป็นการทดสอบสิ่งที่เรียนรู้มา ซึ่งโดมขอสรุปคร่าว ๆ ว่า โปรเจกต์ของเราไม่ได้จัดขึ้น ครั้งแรกเพราะเราจัดการกระบวนการไม่ทัน และครั้งที่สองที่น่าเสียดายมาก ๆ เพราะน้องโควิด อย่างไรก็ตาม ในความคิดเห็นของโดม โดมได้ทำโปรเจกต์ออกมาสำเร็จแล้ว เพราะโดมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงานร่วมกัน การจัดสรรเวลามาประชุมทุกอาทิตย์ ได้ผ่านอะไรมาด้วยกันกับเพื่อน ๆ อีกหกคน เรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้ม มากไปกว่านั้น พี่ ๆ ก็มีการมอบโอกาสให้พวกเราไปเป็นสตาฟในค่ายบ้าง ไปออกงานร่วมกับพี่ ๆ บ้าง เช่นการขึ้นพูดบนเวทีที่มิวเซียมสยาม ทำให้โดมได้เผชิญกับโลกภายนอก ได้ประสบการณ์ และที่สำคัญในรู้จักตัวเองมากขึ้น ได้ความกล้าที่ทำให้โดมสามารถเปิดเพจ Domedereview ขึ้นมา (เป็นเพจรีวิวของโดมเอง ซึ่งตอนนี้เกี่ยวกับหนังสือเป็นส่วนใหญ่ในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมชื่อนี้เลย ติดตามกันได้นะครับ)

เพจ Domedereview ติดตามได้ทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเลย

Showdown (เมื่อเกมนี้จบลง เกมใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น)

เมื่อมองย้อนกลับไปข้างหลัง โดมรู้สึกว่า ไพ่โจ๊กเกอร์ใบนี้ ทำให้โดมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นความคิด ทัศนคติ หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิต เมื่อมองไปข้างหน้า โดมรู้สึกว่า โลกของเรานั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก มีเรื่องมากมายให้ออกไปสำรวจ ออกไปลองทำ และเรายังสามารถ ‘ออกแบบ’ ชีวิตของเราเองได้ เราสามารถเปลี่ยนความชอบของเราเป็นงานได้ เป็นชีวิตได้ เหมือนกับที่โดมพยายามจะทำอยู่ในทุกวันนี้ เช่นการเขียนรีวิวของโดม และโดมก็พร้อมแล้วสำหรับไพ่โจ๊กเกอร์ใบต่อไป มันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่มีใครรู้…แต่ที่แน่ ๆ มันต้องเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน

การขึ้นพูดบนเวทีครั้งแรกของโดมเลยที่มิวเซียมสยาม

‘บางครั้งหากเราไม่ลองเปลี่ยนแปลง ไม่ลองมองโลกอีกมุมนึง จะเห็นความงามของกุหลาบนอกเหนือจากหนามที่ปกคลุมอยู่ได้อย่างไร’

นายชยธร มูลพันธ์ (โดม)

BASE AMBASSADOR GEN.01

--

--