ชีวิตเด็กจบใหม่ที่ Beryl8
#lifeAtBeryl8 #Beryl8
ชีวิตเด็กจบใหม่ และการเปลี่ยนตำแหน่งจาก Analyst สู่ Developer
หลังจากทำงานมาได้ 5 เดือน ก็ผ่านการทดลองงานเสียที ระยะเวลาทดลองงานปกติก็อยู่ที่ 3 เดือน แต่ที่ต้องใช้เวลาถึง 5 เดือนเพราะ ได้ขอย้ายตำแหน่ง จากตำแหน่งนักวิเคราะห์ (Analyst) สู่ตำแหน่งนักพัฒนา (Developer)
2 เดือนแรกที่เข้าทำงาน อยู่ในตำแหน่งนักวิเคราะห์นั้นถือว่ามีความตรงสายกับที่เรียนมามาก ต้องใช้ทั้งความสามารถด้านธุรกิจ เทคนิค ภาษา และมนุษยสัมพันธ์ ในส่วนผสมที่พอดี เขียนให้เห็นภาพง่ายๆคือการทำซุปให้รสชาติดี ต้องใส่เนื้อ ผัก และเครื่องปรุงที่เหมาะสม โดยปกติทาง BE8 จะประเมิน 2 รอบ เดือนที่ 2 และเดือนที่ 3 โดยสาเหตุที่ประเมิน 2 รอบนั้นเพราะหากมีอะไรให้ยังมีโอกาสแก้ไขได้ จะได้แก้ไขทันในเดือนที่ 3 หากผ่านการประเมินเดือนที่ 3 จะถือว่าผ่านการประเมิน โดยการถูกประเมินสำหรับนักวิเคราะห์นั้นก็ถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมินมาได้ แต่ถูกปรับคะแนนลงด้านการร่วมมือกับคนอื่น เรื่องการผลักงานไปข้างหน้า และการสื่อสารกับคนในทีม การอัพเดทงานกับคนอื่นว่าไปถึงไหนแล้ว ค่อนข้างทำได้ไม่ดี และครั้งนึงเคยหลับในห้องประชุมด้วย 5555555 (ซึ่งก็โดนหักคะแนนการประเมินไปแล้ว ฮา)
จากนั้นหัวหน้าโครงการ และพี่เลี้ยงก็ถามว่า เราอยากลงไปด้านเทคนิคมากกว่านี้ไหมจะได้ให้ทีมเทคนิคช่วยฝึกให้ เพราะเราเองมีความสนใจ และก็ฝึกฝนด้วยตนเองอยู่ตลอดให้ทีมเห็น ตอนแรกก็ลังเลไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งดีไหมเพราะมีความกลัวว่าถ้าลงเทคนิคมากๆ จะทำไม่ได้
แต่หัวหน้า ก็บอกว่า ให้ตัดเรื่องความกลัวออกไป เราอยากทำอะไรกันแน่ อย่ามัวครึ่งๆ กลางๆ บริษัทมีทีมเทคนิคเก่งๆ ตั้งหลายคน การสอนงานไม่ใช่ปัญหา แต่ใจเราจริงจังหรือเปล่า
ซึ่งแน่นอนโอกาสมาขนาดนี้เราต้อง “เซย์เยส”
การเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายเทคนิคนั้นถ้าพูดให้เข้าใจคือเหมือนกับการตุ๋นเนื้อ มันต้องใช้เวลาทำซ้ำ เจาะลึกไปเรื่อยๆ จึงจะอร่อย แต่ถามว่าชอบไหม ตอบเลยว่าชอบมาก เหมือนการเปิดโลกทัศน์ใหม่ในทุกวันที่ไปทำงาน
ซึ่งทางทีมเทคนิคและคนในบริษัทก็สอนงานดีมาก ทุ่มเทในการสอนงานให้ทั้งคนที่ย้ายตำแหน่งมา และพนักงานใหม่ ทั้งที่บางครั้งอาจทำให้งานของตัวเองช้าไปด้วย ก็ไม่ได้อิดออดใดๆ ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้ (บริษัทบางที่นอกจากไม่สอนงาน หากทำไม่ได้แล้วจะด่าให้ด้วยนะ เล่าจากประสบการณ์ตรง 55555)
ซึ่งการประเมินตรงนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง เพราะครั้งแรกได้คะแนนอยู่ในเกณฑ์ต้องต่อระยะเวลาทดลองงาน ซึ่งก็ยังมีข้อให้ติด้านความร่วมมือกับหัวหน้างานเหมือนเดิม และพี่เลี้ยงอยากให้มีความรู้ด้านเทคนิคมากกว่านี้อีก ตอนแรกคิดว่า งานด้านเทคนิคเหมือนจะไม่ต้องคุยกับใครมาก แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นงานที่ต้องอธิบายกระบวนการคิดและการทำงานของสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ซึ่งต้องใช้พลังงานในการสื่อสารมากกว่าเดิมเพราะเรายังไม่ชินกับ Technical เชิงลึก
3เดือนของการเป็น Developer สุดท้ายก็ผ่านการทดลองงานซะที ก็มีข้อปรับปรุงที่ต้องพัฒนาต่อ เช่นการแยกงานของตัวเองออกมาเป็นงานเล็กๆในแต่ละวัน และคอยอัพเดทให้ทีมรู้ เพราะถ้าเราติดปัญหารุ่นพี่จะได้ช่วยได้ทัน และการมีสัมผัสเรื่องงานเร่งด่วนว่าตอนไหนควรจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้แล้ว และเรื่องกาลเทศะในการคุยกับลูกค้า เช่น ไม่ควรอยู่ๆ เข้าไป Join Call meeting ที่เราไม่ได้รับเชิญ ให้ถามคนอื่นในทีมก่อน เพราะอาจทำให้ลูกค้าตกใจได้ 555555 รวมถึงเรื่องทาง Technical ด้วย
แต่ในที่สุดก็ผ่านแล้วซึ่งถือว่าการประเมินของ Beryl8 ค่อนข้างโหดมากทีเดียว เพราะคะแนนเต็ม 40 ในการประเมิน 3 ครั้ง ความหมายของแต่ละคะแนนที่ให้มีมาตรฐานสูง ไม่เคยได้ไปมากกว่า 27 เลย (คิดว่าจะได้สัก 30 เสียอีก ฮา )
จากความสนใจส่วนตัวที่ไปลงเรียนวิชาเลือกในมหาลัย และซื้อหลักสูตรเรียนเองหลายหลักสูตร ก็กลายเป็นอาชีพเสียที
เป็นอันจบบันทึกการผ่านการทดลองงานครั้งแรก ใครที่มีสิ่งที่ชอบแต่ยังไม่ได้ลงมือทำก็ให้ลองคิดว่าเป็นการลากจุดเชื่อมต่อ เมื่อสร้างจุดแรกขึ้นมาได้ก็จะมีเส้นทางออกมาให้เห็นว่าจะไปจุดต่อไปได้อย่างไร อย่าไปกลัว
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางบริษัทที่ทุ่มเทด้านการพัฒนาคนทั้งตอนย้ายสายงานและตอนเข้ามาเดือนแรก ที่ฝึกพนักงานอย่างเข้มข้น เช่นเดือนแรกที่เข้ามาบริษัทจะฝึกให้ล้วนๆ ยังไม่ต้องจับงานจริงใดๆ ซึ่งถือว่าดีมาก เพราะพนักงานไม่เครียดเกินไปเวลาไปเจอปัญหาจริงๆในงานที่ทำ เพราะมีการฝึกให้แล้ว อีกทั้งค่อนข้างกล้าพูดว่ามีไม่กี่บริษัทหรอกที่พร้อมเทรนคนที่ต้องการย้ายงานข้ามสายแบบนี้เกิดขึ้น จะเกิดขึ้นได้เมื่อคุณมี Human Resources ที่พร้อมจริงๆ
และขอบคุณหัวหน้า และพี่เลี้ยงที่ได้ให้โอกาสได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ช่วงแรกในการเป็น Analyst ผมยังไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ตัวเองมี Passion มากขนาดนั้นไหม แต่พอพี่ๆสอนให้เป็น Developer แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีที่ผมไม่ตั้งคำถามกับตัวเองอีกว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่”
